แล้วหญิงสาวก็อ้าปากร้องอ้ออย่างนึกได้ สมัยเรียนมหาวิยาลัย เธอมีพี่รหัสชื่อพี่โจ้ ส่วนพี่เบสท์เป็นเพื่อนพี่โจ้แต่เรียนคนละคณะกัน เธอเห็นเข้าบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกับเขา หรือจะพูดให้ถูก เธอไม่สนิทสนมกับใครเลยแม้กระทั้งพี่รหัสตัวเองก็ตาม
“ได้ยินว่าทำงานที่โรงแรมนี้ พี่ก็มาบ่อยนะ แต่ไม่เจอเรา”
“ค่ะ” แม้จะยิ้มแต่ก็ยังงงอยู่ว่าเขาจะทำหน้าดีใจทำไม
“เลิกงานกี่โมง พี่อยากคุยด้วย”
“คือ...พั้นซ์เลิกงานไม่เป็นเวลาค่ะ บางทีลูกค้าเยอะก็ต้องช่วยกัน”
“เข้าใจๆ ทำงานโรงแรมนี่นะ งั้นพี่ขอเบอร์โทรได้ไหม ไลน์หรือเฟซบุ๊คก็ได้”
“เอ่อ...” ไม่เอานะ เธอไม่ชอบแจกเบอร์โทรให้ใครทั้งนั้นแหละ
“ไม่เป็น พี่ขอเบอร์เพื่อนของพั้นซ์ก็ได้ ใช่ไหมครับ” เขาหันไปโปรยยิ้มหวานหว่านเสน่ห์
“ได้ค่ะได้ พี่เบสท์อยากได้อะไร ปลาให้หมดเลยค่ะ”
ปาจรีย์รีบก้มลงจดเบอร์โทรของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วส่งให้นักร้องหนุ่ม เขาส่งยิ้มหวานแล้วกระดาษแผ่นนั้นโบกไปมาหน้าพิชญนรีที่ห้ามเพื่อนไม่ทัน
“เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ”
นักร้องหนุ่มเดินจากไปแล้ว พิชญนรีหันไปถลึงตาใส่ปาจรีย์แต่อีกฝ่ายแค่ยักไหล่ ไม่ได้กลัวและไม่รู้สึกผิดอะไร
“ไปให้เบอร์เค้าทำไม ไม่รู้จักกันเสียหน่อย”
“ไม่เป็นไร ของแบบนี้ทำความรู้จักกันได้” ปาจรีย์หัวเราะคิกคัก
“ปกติไม่เคยเห็นบ้าผู้ชายแบบนี้”
“คนนี้คนโปรด” เพื่อนสาวยักไหล่
“ปลารู้หรอกน่ะ เค้าก็เป็นดารานักร้องจะมาใส่ใจอะไรจริงจังกับเรา เอาเบอร์ปลาไปนั้นแหละดีแล้ว ถ้าทำอะไรไม่ดี ปลาจะกันไม่ให้มายุ่งกับพั้นซ์เอง”
“แล้วถ้าเค้าทำไม่ดีกับปลาล่ะ”
“โอ๊ย! ใครจะมากล้าทำอะไรปลา ขนาดพี่ชายเธอที่งี่เง่าเอาเรื่อง ปลายังด่ากระเจิงไปแล้ว” ปาจรีย์หัวเราะร่วน “ไม่เห็นหน้าเลยนะ ไม่มีคนให้ปลาด่าเลย”
“เค้าไม่มานะดีแล้ว” เธอยิ้มอย่างโล่งอก แต่ยังมีความกังวลอยู่บ้าง “แต่ถ้าพี่เบสท์ขอเบอร์พั้นซ์ อย่าให้เชียวนะ”
“ทำไมเหรอ เค้าทำอะไรไม่ดีกับพั้นซ์หรือเปล่า”
คนต้นเรื่องนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ “ก็ไม่มีอะไรนะ พี่เค้าอยู่คนละคณะช่วงรับน้องมาที่คณะของพั้นซ์บ่อยมาก เจอหน้ากันบ่อยยิ่งกว่าคนในคณะเดียวกันอีก”
“แล้วตอนนั้นพั้นซ์ไม่เอะใจอะไรเลยเหรอ”
“ก็ไม่นี่ เค้าเป็นเพื่อนพี่โจ้ พี่รหัสของพั้นซ์ แล้วพี่โจ้ก็เป็นเอ่อ..กระเทย พี่โจ้ชอบหานักศึกษาสวยๆหล่อๆส่งประกวดสารพัดเวที ประกวดดาวเดือน ประกวดนางนพมาศ ประกวดเทพีสงกรานต์ ประกวดสารพัด พั้นซ์ก็เลยนึกว่าพี่โจ้กับพี่เบสท์เป็นอะไรกันเสียอีก เห็นสนิทกันมาก”
“ต๊ายแล้วๆ มาว่าพี่เบสท์ของฉันเป็นเกย์เหรอยะ”
ปาจรีย์ตีต้นแขนของเพื่อนแล้วหัวเราะร่วน
“ฉันได้ยินว่าพี่เบสท์เป็นหนุ่มฮอตตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยนี่นะ”
“ไม่รู้ซิ พั้นซ์ไม่ได้สนใจ” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วเพื่อนอีกสองคนก็เข้ามาทักทาย
“ได้เวลากินข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
“ขอบใจจ๊ะ”
พิชญนรีได้เวลาพักทานข้าว เธอเดินออกมาพร้อมกับปาจรีย์ แต่เพื่อนสนิทขอแยกตัวไปก่อน เพราะตั้งใจจะไปแอบส่องนักร้องคนโปรด หญิงสาวไปรับประทานอาหารในส่วนของพนักงาน เมื่อเสร็จแล้วก็หามุมเงียบๆ จะนั่งพักเท้าเสียหน่อยเพราะยืนบนส้นสูงมาหลายชั่วโมงแล้ว ถอดรองเท้าส้นสูงออก ซึ่งจริงๆ มันอาจไม่สูงมากนักแต่เพราะยืนนานจึงเมื่อยน่อง เธอนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้แล้วเหยียดขาออกไปข้างหน้า แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหาข้อมูล
“เมืองจีนๆ ที่ไหนน่าเที่ยวบ้างนะ” เธอพึมพำแล้วใช้นิ้วสไลด์ที่หน้าจอสมาร์ทโฟน
“สนใจแบบไหนล่ะ”
“อ่ะ”
หญิงสาวรู้สึกเพียงแค่ว่ามีเงาทอดทับอยู่เบื้องหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็ประหลาดใจที่ได้เห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ เจ้าของใบหน้าเรีบบนิ่ง เขาสวมสูทสีเข้มมืองสองข้างล้วงในกระเป๋ากางเกง ดวงตาคมชอบจ้องมองเธอเหมือนกำลังประเมินอะไรสักอย่าง
“คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ คุณปรินทร”
“มีงานสัมนาที่นี่ ผมแอบมาหาที่ดูดบุหรี่”
พูดไปอย่างนั้น แต่...ไม่ใช่หรอก เขาเห็นเธอเลยแอบเดินตามมาอย่างไม่รู้ตัวต่างหาก
“นั่งด้วยกันไหมคะ” เธอเขยิบให้เขานั่งลงข้างๆ ร่างในชุดสูทเรียบหรูพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ สายลมพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนเหมือนกลิ่นดอกไม้แตะปลายจมูกของชายหนุ่ม เขารู้ว่ามันเป็นกลิ่นหอมที่มาจากเธอ
“ขอบคุณนะคะ”
“หือ?”
“ที่ช่วยออกค่ารักษาครอบครัวหมาแม่ลูกอ่อน แล้วยังหาที่อยู่ให้ด้วย”
“อ่อ... ก็ไม่มีอะไร” เขายักไหล่ “ได้ยินว่าแวะไปเยี่ยมแม่หมาบ่อยๆนี่”
“ค่ะ เกรงใจน้าสมชายกับครอบครัว ทำงานก็เหนื่อยแล้วต้องมาดูแลหมาเจ็บอีก แต่พั้นซ์ก็ไม่ได้ไปบ่อยนะคะ”
“ผมรู้”
ที่รู้เพราะลูกน้องมารายงานตลอด และออกจะแปลกใจที่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอะไรในตัวเขาเลยสักนิด นี่เธอจะสนใจแต่บรรดาหมาเจ็บ โดยไม่สนใจเขาเลยสักนิดงั้นเหรอ ยิ่งคิดก็ยิ่งประหลาดใจ
“พั้นซ์ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนหรือเปล่าคะ” เธอถามเพราะเห็นเขาเงียบไป
“ผมพูดอย่างนั้นเหรอ”
หญิงสาวอ้าปากจะพูดอะไรต่อก็เปลี่ยนใจ เขาเป็นคนแบบที่เธอ “รับมือยาก” จริงๆ เหมือนคนพูดเอง เออเอง จัดการเบ็ดเสร็จด้วยตัวเอง หรือที่เรียกได้ชัดเจนที่สุดคือเผด็จการที่แหละเหมากับเขาเหลือเกิน
“ได้ยินว่าอยากไปจีน” เขาเปลี่ยนเรื่อง
“อ้อ! คือแม่อยากไปเที่ยวจีนค่ะ กำลังดูๆอยู่ค่ะ ว่าจะซื้อทัวร์พาแม่ไปเที่ยว”
“ไปกันสองคน?”
หญิวสาวเริ่มจับวิธีการพูดของของเขาได้ ประโยคบอกเล่าแต่ใช้เสียงสูงท้ายประโยคกลายเป็นประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบ เธอก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเหมือนได้ค้นพบอะไรพิเศษ
“พั้นซ์กับแม่ แล้วไม่แน่ใจว่าพ่อเลี้ยงจะไปด้วยหรือเปล่าคะ”
“ไม่ให้แฟนไปด้วย?”
“ถ้ามีก็จะพาไปอยู่ค่ะ”
เธอหัวเราะออกมา ทำไมอยู่กับเขาแล้วเธอกลายเป็นคนพูดมากขนาดนี้ ขนาดที่ว่าถ้าอยู่กับปาจรีย์เธอยังไม่พูดเยอะแบบนี้เลย สีหน้ามีแววคำถาม แต่เธอดูเวลาจากสมาร์ทโฟนแล้วก็หยิบรองเท้ามาสวม
“หมดเวลาพักแล้วค่ะ พั้นซ์ไปทำงานก่อนนะคะ”
เธอลุกขึ้น ร่างบางเซเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วยื่นมือช่วยประคองไว้ได้ก่อน เพียงสัมผัสแผ่วเบา เขาก็รู้สึกถึงผิวกายเนียนละเอียด หากได้สัมผัสทั้งตัวมันจะรู้สึกดีเพียงใด
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มบางๆ แล้วถอยออกรักษาระยะห่างแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีแฟน?”
ปรินทรพึมพำ ก็ไม่แปลกนี้ ผู้หญิงเยอะแยะที่บอกว่าตัวเองไม่มีแฟนเมื่อเจอผู้ชายที่ดีกว่า รวยกว่า ใช่! ก็เพราะความไม่เชื่อ เขาเลยต้องเดินตามเธอมาถึงที่นี่ เขาไม่ได้มีสัมนาอะไรหรอก แค่อยากเห็นหน้าเธอก็เท่านั้นเอง
ชายหนุ่มมาโรงแรมนี้บ่อยๆ มีลูกค้าจากต่างประเทศมาก็จะให้พักที่นี่ เพราะนอกจากจะอยู่ใจกลางเมืองแล้ว บรรยากาศโดยรอบก็รับว่าดี พนักงานก็บริการดี เอาเป็นว่าเป็นโรงแรมที่ดีก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงรู้เส้นทางที่นี่เป็นอย่างดี
เจ้าของธนาคารหนุ่มเดินผ่านบริเวณสระน้ำ เขาไม่ได้ใส่ใจกลุ่มคนที่กำลังถ่ายทำมิวสิควิดิโออะไรนั่นนัก เพราะปกติเขามีก็ดารานางแบบหรือไฮโซชื่อดังก็เคยมาประกบแนบข้างเขามาแล้ว
“คุณมังกร”