“อย่ามาแสดงละครตบตาฉันเลย พอเถอะ...แค่เธอคืนของฉันมา ฉันจะยอมไม่เอาความ”
ธันน์เปรย เขาสอดมือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง จ้องหน้าทอปัดไม่วางตา
“จะให้พูดกี่ครั้ง ฉันก็ตอบคำเดิมนั่นแหละค่ะ ฉันไม่รู้เรื่อง... ฉันแค่เคยเห็นมัน”
มือเรียวยกขึ้นทึ้งเส้นผมบนศีรษะ ข้างขมับปวดตุ๊บๆ เหงื่อไหลซึมเต็มแผ่นหลัง เมื่อรับรู้รังสีอันตรายจากคนตรงหน้า
มันไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่แพรวนรีไม่ยอมรับสายเธอแล้วล่ะ เมื่ออีกฝ่ายไม่เคยเป็นเช่นนี้
ซวย...ความซวยกำลังมาเยือนตนเอง แบบไม่ทันตั้งตัว
ธันน์แสยะยิ้ม เล่ห์กลของคน เขาเห็นมานักต่อนัก ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อ สิ่งที่หล่อนกำลังแสดงออกมันคือการแก้ตัวของคนที่กำลังจนทาง
“ฉันไม่รู้จริงๆ นะคะ...แต่ฉันจะถามนรีให้!” หญิงสาวคอตก เธอกล่าวเสียงอ่อยๆ เมื่อมูลเหตุความเป็นไปได้ที่แพรวนรีจะเป็นขโมยสูง จนทอปัดกลัว อะไรทำให้แพรวนรีสิ้นคิด จนยอมลดตัวลงไปขโมยของคนอื่นมา
“ไปโรงพักกันดีกว่าแบบนี้ ถ้าจะพูดกันไม่รู้เรื่อง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็น
“เอะ!! ฉันบอกว่าฉันไม่เกี่ยว ฉันไม่ไปกับคุณหรอกนะ” หญิงสาวแหว เธอทำงานทั้งวัน ยุ่งและเหนื่อยสายตัวแทบขาด พอได้เจอหน้าแพรวนรีก็ดันพาความซวยมาทิ้งไว้ให้เสียอีก
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นใคร? ฉันไม่เคยล้อเล่น”
ธันน์ยิ้มเยาะ ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ เขามองปราดเดียวก็รู้
“คู๊ณ!!” ทอปัดลากเสียงยาว “ค้นห้องฉันก็ได้ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คนที่คุณสงสัยน่ะ แค่แวะมานอน เธอเพิ่งไปก่อนหน้าคุณจะมาไม่ถึงชั่วโมง” หญิงสาวไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ เธอไม่ได้โยนความผิดให้แพรวนรีทั้งหมด แต่เธอไม่รู้จริงๆ แค่เคยเห็น แต่ไม่มีส่วนร่วม
“บอกมาสิ ว่าแม่นั่นอยู่ไหน?” ธันน์ถาม
“โอ้ยยย ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะ ธรรมดาก็ไม่ค่อยจะแวะมา ไม่คิดว่ามาครั้งนี้จะเอาเรื่องเหม็นๆ มาฝากด้วย” หญิงสาวโวยเสียงขรม เดินวนไปวนมา เพราะหาทางออกไม่เจอ ผู้ชายที่ตนเองชมในใจว่าหล่อตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ฟังอะไรเลย
ธันน์กดโทรศัพท์ของตัวเอง
“ได้เรื่องมั้ย?”
เขาถามคนของเขาที่ให้ออกไปควานหาตัวแพรวนรีอีกทาง
“มันเอา ‘ของ’ นายไปปล่อยที่ตลาดมืดครับ ผมกำลังรอจังหวะรวบ”
คนปลายสายตอบเสียงแผ่วๆ เขากำลังซุ่มมองอิฐที่เอาแหวนเพชรไปเร่ขาย
“จับมาให้ได้ล่ะ” เขาสั่งความ ก่อนจะกดตัดสาย ยัดโทรศัพท์ส่วนตัวเก็บไว้ในอกเสื้อที่เดิม
“เอ่อ...” หิวก็หิว เรื่องปวดหัวตรงหน้าก็ยังไม่สามารถจัดการได้
“ฉันให้เวลาเธอแก้ตัว10นาที” ถึงแม้ไม่ใคร่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่!! เมื่อยังไม่เจอตัวการ แต่ธันน์กลับนึกสนุกที่จะได้เห็นหล่อนมีสีหน้าทุกข์ร้อน
“ทำไมฉันต้องแก้ตัว ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่นา!!”
ทอปัดเถียง...
“ฉันอยู่วงการนี้มากี่ปี ถ้าหลักฐานไม่แน่นพอ ฉันคงไม่กล้าบุกมา”
ชายหน่มเปรยแบบเป็นต่อ...
“ก็รู้...แต่ฉันไม่รู้เรื่องด้วยนี่นา... จับฉันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
ธันน์ตาลุกวาบ...จริงสิ เขามีเหตุให้กักหล่อนไว้ได้นี่นา...
“จริงสินะ...ฉันคงปล่อยเธอไม่ได้ตอนนี้ เดี๋ยวเธอส่งข่าวให้พวกของเธอรู้ตัวก่อน...เพราะฉะนั้น...” เขาหยุดพูดหรี่ตาลงบดบังแววตาเจ้าเล่ห์
หญิงสาวผวา...เธอมองผู้ชายตรงหน้าแบบหวาดๆ
“คุณคง...” ทอปัดพูดยังไม่ทันขาดคำดี
“ใครก็ได้เข้ามาข้างในสิ จับแม่นี่ไปด้วย ฉันต้องไปอีกที่”
ธันน์เปิดประตูห้องพักของหญิงสาว เขาโผล่หน้าไปตะโกนเรียกการ์ดที่เดินเตร่ไปเตร่มาอยู่ด้านนอก
ทอปัดผงะ...เธอถอยหลังกรูด พร้อมกับร้องห้ามเสียงหลง “บ้าเหรอคุณ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น จะมาจับฉันไปทำไม!!”
“เธอจะรู้ หรือไม่รู้...เดี๋ยวได้รู้กัน...”
ธันน์แสยะยิ้ม เขาเดินออกไปด้านนอก การ์ดหนุ่มเกือบ5คนก็พากันกรูเข้ามาในห้อง
“ฉันจะร้องให้คนช่วย” หญิงสาวขู่ฟ่อ...
“เอาสิ...ฉันไม่ได้มัดปากเธอนี่ อยากร้องให้คอแตก ก็ตามใจ”
เสียงทุ้มกังวานของธันน์ลอยเข้ามาด้านใน เขาไม่กลัวตำรวจหรืออย่างไร ถึงได้ทำตัวเย้ยกฎหมายเช่นนี้
“ช่วยด้วยยยยยย...” หญิงสาวร้องตะเบ็งสุดเสียง
เธอหวังให้เพื่อนข้างห้องโผล่หน้ามาดู หรือสอดมือเข้ามาช่วย
เสียงประตูห้องข้างๆ เปิดดังปัง! มีเสียงวิ่งกรูตรงมายังห้องของเธอ
ทอปัดเป่าปากดังพรวด!! เธอมีโอกาสรอดจากเงื้อมือของเขาแล้ว
“ยุ่งน่า...เรื่องของผัว-เมีย”
เสียงใครบางคนตะโกนปาวๆ อยู่หน้าห้อง...เสียงคุ้นหูเสียจนเธออยากออกไปมองด้วยตาตนเอง แต่ติดตรงผู้ชายวัยฉกรรจ์5คนที่ยืนคุมเชิงอยู่ตรงหน้านี่แหละ
“จริงเหรอคุณ?” มีเสียงถามแบบไม่ใคร่มั่นใจ
หญิงสาวเตรียมจะตะโกนปฏิเสธ
แต่ต้องรีบหุบปากฉับ...เหงื่อแตกซิกๆ เมื่อชายฉกรรจ์1ใน5 ควักมัจจุราชสีดำทะมึนออกมาข่มขู่
“ฉันจะโกหกทำไม...ฉันแค่มาตามเมียกลับ...” ธันน์ตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ เขายิ้มมุมปาก เมื่อผู้หวังดีถอยกลับไปหลังพิจารณาจนแน่ใจ ธันน์ไม่ได้มีบุคลิกเป็นคนร้าย ใบหน้าหล่อๆ ของเขาเป็นใบเบิกทางอย่างดี
“มี ‘ผัวหล่อ’ แบบนี้สิเล่า ยัยนั่นเลยไม่เคยชายตาแลผู้ชายแถวนี้เลย” เสียงบ่นลอยลมมา หญิงสาวครางเสียงแผ่วๆ นึกอยากจะวิ่งออกไปแก้ข่าว แต่ติดตรงอาวุธร้ายจ่ออยู่ในระยะเผาขน
“พาหล่อนออกมาได้แล้ว...เราไม่มีเวลาล้อเล่นแล้วนะ...” ธันน์ตะโกน เขาเดินหน้าตึง นำหน้าการ์ดส่วนตัวที่ต้อนทอปัดออกมาจากห้อง
หญิงสาวเดินคอตก ใบหน้าก้มต่ำมองแค่ปลายเท้า แต่ละก้าวที่ลากขาพาร่างกายออกมาไกลจากห้องพัก หนักอึ้งเสียจนแทบขยับไม่ไหว
“ต้องให้ฉันอุ้มเธอด้วยมั้ยล่ะ... หากเธอมัวถ่วงเวลาอยู่อย่างนี้!! ยังไงเธอกับพักพวกก็ไม่มีทางรอดหรอกน่า ฉันจะรวบพวกของเธอทั้งหมด แล้วโยนเข้าไปในตะราง จะได้เข็ดกันสักที งานก็มีทำ ทำไมถึงคิดชั่ว หวังรวยทางลัด หรือว่าเงินที่ได้มาจากความลำบากของคนอื่น มันทำให้พวกเธอเสวยสุขได้”
เสียงเข้มงวดของผู้ชายหน้าหล่อย้ำ ทอปัดอยากจะเถียง แต่มันจะทำให้เขาโมโหหนักขึ้นเสียเปล่า เธอจึงเลือกที่จะหุบปาก คิดหาทางรอดให้ตัวเองเงียบๆ ดีกว่า
“นรีนะนรี”
หญิงสาวพึมพำบ่น
แพรวนรีขยันสร้างเรื่อง แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นเป็นขโมย แถมยังลากเธอเข้าไปโดนหางเลขด้วย ทอปัดไม่ได้นึกกลัว ทันทีที่เขาจับแพรวนรีได้ เขาก็จะรู้ความจริงเอง...เธอนั่งเงียบๆ ที่เบาะตอนหลังรถยนต์คันใหญ่ ใหญ่โตเหมือนรถบรรทุก แต่ภายในมันโอ่อ่าเสียจนเธอนึกทึ่ง ไม่คิดว่าตนเองจะได้มีโอกาสโดยสารรถยนต์นำเข้าหรูๆ เช่นนี้
การตบแต่งเหมือนเธอเคยเห็นผ่านตาในแมกกาซีนหัวนอกเจ้าหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าตนเองจะได้เห็นด้วยสองตาตัวเอง
ธันน์ละเลียดชิมไวน์ยี่ห้อดัง สลับกับการชำเรืองมอง ‘เชลย’ ที่เบาะด้านหลัง
หล่อนดูสงบเสงี่ยม ไม่โวยวายเหมือนก่อนหน้านั้น...ไม่มีพิรุธใดใดให้เขาจับได้...
นอกจากความระแวดระวังตัว
แพรวนรีงัวเงียตื่นจากนิทราอันแสนสุข...เพราะเสียงเอะอะโหวกเหวกที่เกิดขึ้นในห้องพัก มีใครบางคนโวยวายเสียงลั่น เสียงนั่นคุ้นหูเสียจนเธอหลับต่อไม่ลง
“โอ้ยยย เบาๆ หน่อยไม่ได้เหรออิฐ คนจะนอน”
เธอโวยโดยที่ยังไม่ลืมตา
“ตื่นได้แล้วอีเวร ไม่อย่างนั้นมึงกับกูได้นอนในคุกแน่!!” อิฐตวาดเสียงเขียว เขาถูกชายฉกรรจ์จับตรึงไว้จนแน่น แม้แต่ขยับตัวยังทำไม่ได้
“คุก อะไรคุกอะไร?” แพรวนรีกำลังจะทิ้งตัวนอนต่อ เธอต้องรีบเบิกตาโพลงจากคำพูดของแฟนหนุ่ม “หะ!!” หญิงสาวผวา เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งที่ดวงตาจับภาพได้คือกลุ่มชายฉกรรจ์เกินกว่า5 คน ยืนล้อมอยู่รอบเตียงและอีก2คนจับตัวอิฐกดอยู่บนพื้น
“พวกแกทำอะไรแฟนฉันหะ!!”
แพรวนรีถลาลงจากเตียงนอน เธอวิ่งเข้ากระชากแขนผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังทำท่าเหมือนจะทำร้ายอิฐ
พลั่ก!
ชายผู้นั้นสะบัดแขนทีเดียวแพรวนรีก็ถลาลงไปกองอยู่บนพื้น
“ว้าย!!”