ตอนที่ 5 เมื่อดอกอวี้หลันโปรยปราย 2

3119 Words
ห้องสมุดอวี้หลัน  ในเวลานี้สามสาวสวยของแก๊งนางร้ายกำลังพากันหยุดยืนมองบานประตูขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยโบราณทำมาจากไม้เนื้อแข็งอย่างดี บานประตูดังกล่าวทำมาจากต้นสนพันปีจึงมีความแข็งแรงและคงทนยืนหยัดอยู่นาน มีร่องรอยของการชำรุดตามกาลเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปีแต่ยังคงสภาพสมบูรณ์เอาไว้เกือบ 90% เลยทีเดียว “โอโห่! แน่ใจนะว่านี่มันบานประตูบ้านคนหรือบานประตูของพระราชวังต้องห้ามกันแน่ ทำไมถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้เลยละเสี่ยวม่าน แต่พวกเราก็มาเดินเที่ยวแถวนี้เดือนละครั้งทำไมถึงไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มาก่อนเลย”หวังจิวเซียนถามเพื่อนรักกลับไปด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับไปถามลี่มี่มี่ “มี่มี่คิดว่าอย่างไงเคยเห็นบ้างไหมหรือว่าเป็นฉันคนเดียวที่ไม่ได้สังเกตว่าแถวนี้มีบ้านหลังมหึมาตั้งอยู่แถบนี้” ใบหน้าคมเฉี่ยวของลี่มี่มี่ส่ายไปมาติดต่อกันอย่างช้าๆ เป็นการปฏิเสธกลับมา “ฉันก็เพิ่งจะเห็นครั้งแรกเหมือนกัน”หญิงสาวตอบกลับไปเสียงเบา ดวงตาเฝ้าจับจ้องบานประตูขนาดใหญ่ตรงหน้าราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทันใดนั้นเอง พรึบ! บานประตูทางเข้าที่เปิดกว้างทั้งสองด้านอยู่ในขณะนี้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เหนือบานประตูที่ว่างเปล่าปรากฏป้ายชื่อขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเขียนว่า “จวนสกุลหลิน” ตัวหนังสือเป็นอักษรสีทองหนักแน่นและมั่นคงบนเนื้อไม้สีน้ำตาลเข็ม แกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม แต่แล้วเพียงครู่กลับเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของลี่มี่มี่พร้อมเสียงของเฉินเสวี่ยม่านดังแทรกขึ้น “อย่าว่าแต่พวกเธอสองคนเลยฉันเองก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน ว่าแต่เข้าไปหาที่นั่งกันเถอะอาจารย์ให้โค้ดรหัสสมาชิกมาจึงจะมีที่นั่งในนั้นได้ คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกห้องสมุดหาที่นั่งไม่ได้หรอกนะ โค้ดของอาจารย์เป็นห้องพิเศษเพราะว่าบ้านหลังนี้เพิ่งทำการบูรณะครั้งใหญ่ อาจารย์มาควบคุมดูแลอาคารเก่าแก่ในฐานะที่ขึ้นทะเบียนกับทางรัฐบาลเอาไว้”เฉินเสวี่ยม่านพูดพลางก้าวเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมข้ามธรณีประตูไปเป็นคนแรกพลางอธิบาย “อาจารย์บอกว่าบ้านหลังนี้เป็นจวนขุนนางเก่า ถูกสร้างขึ้นสมัยช่วงปลายแผ่นดินต้าหยวน พอราชวงศ์หยวนล่มสลายก็ตกมาอยู่ในยุคของราชวงศ์หมิง เป็นสถานที่สำหรับขุนนางระดับเสนาบดีขึ้นไปที่จะได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ให้เป็นที่พำนักสืบทอดต่อมานับรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา”เฉินเสี่ยวม่านอธิบายให้เพื่อนๆ ฟัง “เห็นอาจารย์บอกว่าก่อนจะทำการบูรณะครั้งใหญ่ทางรัฐบาลล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา ดีที่ว่าตั้งอยู่ในซอยลึกก็เลยไม่มีใครสังเกต ด้านหน้ากว้างไม่มากหรอกแต่ลึกเข้าไปข้างในไม่รู้ว่ากี่ไร่ ที่เห็นตอนนี้คือประตูด้านหลังจวนทางทิศเหนือนะ มีประตูทางเข้าทั้งหมดห้าทิศ ส่วนประตูหน้าหันไปทางพระราชวังต้องห้าม นี่คือเหตุผลว่าทำไมกองโบราณคดีจึงต้องใช้เวลาปรับปรุงนานหลายปีเพราะมีพื้นที่กว้างมากเลย”เฉินเสวี่ยม่านอธิบายให้เพื่อนๆ ฟังพลางก้าวเดินตรงเข้าไปข้างใน ตามด้วยร่างของหวังจิวเซียนก้าวตามหลังไปติดๆ พร้อมส่งเสียงร้องเรียกบอกเพื่อนรักโดยไม่ทันหันกลับมามองอาการยืนนิ่งแข็งทื่อของลี่มี่มี่ที่กำลังเกิดขึ้น “ไปเถอะมี่มี่คนในห้องสมุดไม่พลุกพล่านดูเงียบสงบดีด้วย บรรยากาศเข้าท่าเนอะ”หวังจิวเซียนบอกเพื่อนรักพลางก้าวเดินนำหน้าเข้าไปก่อนโดยไม่มีเพื่อนคนไหนได้ทันสังเกตอาการผิดปกติของลี่มี่มี่แม้แต่น้อย ในขณะที่ลี่มี่มี่กำลังยืนตกตะลึงตาค้างอยู่เพียงคนเดียวตามลำพังกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่เพราะมีเธอเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ผลุบ! เปลือกตาปิดลงทันใดพร้อมสลัดไปมาอย่างแรง “มันก็แค่ภาพหลอนลวงตาเท่านั้น วันนี้อากาศร้อนฉันคงเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะไปทั่ว”ลี่มี่มี่พึมพำเสียงเบาพร้อมรีบลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เฮ้อ! เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เบื้องหน้าคือสมาชิกห้องสมุดที่ผู้คนต่างเข้ามาใช้บริการ พากันนั่งอ่านหนังสือและพูดคุยปรึกษาหารือกันอย่างเงียบๆ พร้อมรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้างามเฉี่ยวของนางร้ายตัวแม่ “รอด้วยเสี่ยวเซียน เสี่ยวม่าน”ลี่มี่มี่ร้องเรียกเพื่อนพร้อมรีบก้าวข้ามธรณีประตูตามเพื่อนๆ ของเธอไปอย่างกระชั้นชิด ทันใดนั้นเอง สายลมพาดผ่านกระทบผิวเนื้อนวลเนียน ส่งกลิ่นหอมรัญจวนของดอกไม้ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ หมอกควันหนาปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ พร้อมพัดพาดอกอวี้หลันสีม่วงโปรยปรายตกลงตรงหน้าลี่มี่มี่ และมีหนึ่งดอกตกลงเกาะติดอยู่บนเส้นผมที่เกล้าขึ้นเป็นมวยสูงของหญิงสาวประดับปิ่นส่วนหัวเป็นไข่มุกขนาดใหญ่เพียงเม็ดเดียวเสียบอยู่ที่มวยผมตามยุคสมัยนิยมเปิดเปลือยลำคอขาวผ่องงามระหง ในยามอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้การเกล้าผมขึ้นสูงและเก็บรวบผมเอาไว้จะดีกว่าการปล่อยผมให้ยาวสยาย ในขณะเดียวกันสองขาของลี่มี่มี่ก้าวข้ามดอกอวี้หลันที่กำลังโปรยปรายลงสู่พื้นไปอย่างไม่ใส่ใจแต่ถึงกระนั้นก็มีหนึ่งดอกที่อยู่บนมวยผมของเธอแล้ว และทันทีที่ปลายเท้าทั้งสองของลี่มี่มี่ก้าวข้ามธรณีประตูดังกล่าวจนร่างงามระหงเข้ามาภายในเขตพื้นที่ของห้องสมุดประชาชน พรึบ! ผู้คนที่หญิงสาวกำลังเห็นนั่งอยู่ประปรายภายในบ้านขนาดใหญ่ และกระจายไปตามจุดต่างๆ ซึ่งเป็นสมาชิกห้องสมุดที่เข้ามาใช้บริการกลับเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของลี่มี่มี่อีกครั้ง ตรงหน้าของหญิงสาวในเวลานี้คือบ้านร้างที่ไร้สิ้นผู้คนอยู่อาศัย ช่างเงียบงันเสียนี่กระไร บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และน่าเศร้าเป็นยิ่งนัก ฝุ่นหนาเตอะขาวโพลนจับเกาะไปทั่วทุกมุมของบ้าน หยากใย่ของแมงมุมระโยงระยางปรากฏให้เห็นตามมุมของหัวเสาที่ทำจากไม้และกระจายไปทุกพื้นที่ ตุบ! ถุงหูหิ้วที่บรรจุเครื่องสำอางคแบรนด์แนมยี่ห้อดังร่วงหล่นจากมือของลี่มี่มี่ลงพื้นทันทีด้วยความตกใจสุดขีด ดวงตาคู่สวยกลอกไปมาจนทั่วบริเวณครั้นเห็นเช่นนั้น ผลุบ! เปลือกตาทั้งสองข้างรีบปิดลงทันทีเพื่อระงับอาการตื่นตระหนกของตัวเอง “เป็นไปไม่ได้! ที่นี่คือห้องสมุดประชาชนไม่ใช่บ้านร้างไร้ผู้คนแบบนี้! มันจะต้องไม่ใช่ความจริง...ไม่ใช่แน่ๆ”ลี่มี่มี่พยายามพูดปลอบใจตัวเองก่อนจะตัดสินใจลืมตาขึ้นอีกครั้ง เฮือก!!! กายงามอรชรสะดุ้งโหยงจนสุดตัวเมื่อทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิม บ้านร้างที่เต็มไปด้วยความหดหู่และไร้สิ้นผู้คนเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะและหยากใย่มากมายจับเกาะไปทุกที่ยังคงปรากฎให้เห็นไม่เปลี่ยนแปลง “เป็นไปไม่ได้!”ลี่มี่มี่พูดออกมาทันทีพลางก้าวถอยหลังตั้งใจจะเดินออกจากประตู พลั่ก!!! แต่แล้วเธอกลับต้องหยุดชะงักเมื่อก้าวถอยหลังแล้วปะทะถูกอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ขวางอยู่ทางด้านหลังของเธออยู่ในขณะนี้ ควับ! ลี่มี่มี่รีบหันกลับไปมองทางด้านหลังอย่างรวดเร็วพร้อมดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีดขึ้นมาอีก ก่อนจะผงะถอยหลังมาหนึ่งก้าว ยืนมองสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้ อุบ! สองมือรีบยกขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้จนแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องดังออกมา เมื่อสิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ในเวลานี้คือบ่อน้ำที่มีลักษณะเหมือนกับในความฝันมักปรากฏขึ้นในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีผิด แตกต่างตรงที่บ่อน้ำตรงหน้าในขณะนี้บริเวณปากบ่อไม่มีแผ่นไม้ปิดทับและก้อนหินกดทับเหมือนที่เห็นในความฝันแต่อย่างใด ลี่มี่มี่ยืนนิ่งงันอยู่กับที่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่อาจรู้ได้ ทุกสิ่งยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเธอยังคงอยู่บ้านร้างไร้สิ้นผู้คนอยู่เช่นเดิมและตรงหน้าของเธอคือบ่อน้ำที่เห็นในความฝันก็ยังอยู่ไม่เลือนหายไป จวบจนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกตัวว่าสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่ความฝันและไม่ใช่ภาพหลอนลวงตาอย่างแน่นอน สองมือที่ปิดปากตัวเองอยู่ในเวลานั้นค่อยๆ คลายออก “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมเราถึงมายืนอยู่ในบ้านร้างแบบนี้ อีกอย่างบ่อน้ำตรงหน้าก็เหมือนที่เห็นในความฝันเลยจะเป็นไปได้เหรอว่า บริเวณแถบนี้จะมีโลกคู่ขนานของอดีตและปัจจุบันเกิดขึ้นมิหนำซ้ำยังเกิดขึ้นเฉพาะกับเราเท่านั้น เสี่ยวเซียน เสี่ยวม่านเดินนำหน้ามาก่อนแค่ไม่กี่ก้าวกลับไม่ได้มาอยู่ด้วยกับเราในเวลานี้”ลี่มี่มี่พูดพลางเฝ้าครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น “เอาวะเป็นไงก็เป็นกัน”หญิงสาวพูดพลางสืบเท้าที่ก้าวถอยหลังไปเมื่อครู่กลับมาดั่งเดิม ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงไปมองภายในบ่อน้ำที่มืดมิด ลี่มี่มี่เอื้อมมือไปทางด้านหลังของเธอพลางดึงโทรศัพท์มือถือที่เก็บอยู่ในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนที่เธอสวมใส่อยู่ในขณะนี้พร้อมรีบสไลด์หน้าจอกดสัญลักษณ์ไฟฉายทันที พรึบ! แสงสว่างจากมือถือของเธอเจิดจ้าขึ้นมาทันใดก่อนจะสาดแสงลงไปภายในบ่อน้ำดังกล่าวที่ทอดยาวลึกลงจนสามารถเห็นถึงก้นบ่อที่เหือดแห้งไม่มีน้ำไหลซึมออกมาแม้แต่น้อย อีกทั้งบริเวณก้นบ่อก็ไม่ปรากฏอะไรอยู่เลยมีเพียงพื้นหินที่ราบเรียบเท่านั้น “ไม่มีซากศพ!”ลี่มี่มี่เอ่ยออกมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น ฟิ้วววว!!! สายลมแรงพาดผ่านจนทำให้ต้นอวี้หลันที่ยืนต้นอยู่ในขณะนั้น พลิ้วไหวไปมาตามกระแสแรงลมพร้อมกลิ่นหอมฟุ้งรัญจวนใจเริ่มตลบอบอวลแผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ เป็นเหตุให้ลี่มี่มี่เงยหน้าขึ้นมอง “ต้นอวี้หลัน!”ลี่มี่มี่เอ่ยออกมาทันที่เมื่อได้เห็นต้นไม้มงคล ทันใดนั้นเอง ภาพเหตุการณ์ในครั้งอดีตปรากฏให้ลี่มี่มี่ได้เห็นขึ้นมาทันที บ้านร้างไร้สิ้นผู้คนพลันปรากฏผู้คนมากมาย เต็มไปด้วยข้าทาส บริวารและบ่าวรับใช้ เสียงเด็กน้อยหัวเราะร่วนอย่างมีความสุขและเสียงหัวเราะของสตรีสาววัยกลางคนสวมอาภรณ์เลอค่าผู้หนึ่งกำลังนั่งปลูกต้นไม้กับบุตรสาววัยย่างเข้าดรุณีแรกแย้มของนางอยู่ตรงบริเวณท้ายจวนห้อมล้อมไปด้วยบ่าวรับใช้ ที่กำลังช่วยกันคนละไม้คนละมือปลูกต้นอวี้หลันอยู่ในเวลานั้น “ท่านแม่ชอบต้นอวี้หลันสีอะไรเจ้าคะ ช่าช่าชอบสีม่วงที่สุดเลยเจ้าค่ะดูลึกลับ มีเสน่ห์และหอมมากด้วย”เสียงลูกสาวตัวน้อยของนางส่งเสียงถามเจื้อยแจ้ว ซึ่งในขณะนั้นเพิ่งจะมีอายุสิบสี่ปี “แม่ก็ชอบสีม่วงเหมือนกัน แต่ดอกอวี้หลันยังมีอีกหลายสีนะลูกนอกจากสีม่วงแล้ว ยังมีสีขาว สีเหลือง สีชมพูก็มีนะแต่ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรล้วนแล้วสวยงามทั้งสิ้น ส่งกลิ่นหอมเช่นกันแม่ได้พันธ์สีม่วงกับสีขาวมา เดี๋ยวเรามาช่วยกันปลูกเว้นระยะห่างไม่ให้เบียดกันไปตามแนวกำแพงจวน และแบ่งไปปลูกตรงประตูด้านหน้าจวนสักสองสามต้น”ฮูหยินเซียวบอกบุตรสาวของนาง “เจ้าค่ะท่านแม่..เดี๋ยวข้าช่วยปลูกแล้วอีกนานไหมกว่าจะได้เห็นดอกอวี้หลัน”หลินลี่ชาถามมารดากลับไป “ปีที่สามก็ได้เห็นดอกอวี้หลันแล้วลูก ถึงตอนนั้นตามแนวกำแพงจวนของเราจะเต็มไปด้วยดอกสีม่วงและสีขาวส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณนี้ไปหมดเลยเชียวละ”ฮูหยินเซียวบอกบุตรสาวของนางรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้าของทุกคน ต้นอวี้หลันพันธุ์สีม่วงเป็นดอกไม้มงคลที่นิยมปลูกภายในบริเวณบ้านที่มีพื้นที่ ดอกไม้สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ดอกอวี้หลันมีหลายหลากสี มีทั้งสีขาว เหลือง ชมพูและม่วง ซึ่งดอกอวี้หลันสีม่วงนี้เป็นสีโปรดของฮูหยินเซียวและหลินลี่ชาบุตรสาวเพียงคนเดียวของนาง ฮูหยินเซียวและหลินลี่ชา ช่วยกันปลูกดอกอวี้หลันสีม่วงนี้ไว้ตามริมกำแพงจวนไปตลอดแนวจนถึงประตูทางเข้าแต่เป็นประตูหลังของจวนสกุลหลิน ถัดจากกำแพงจวนคือชุมชนขนาดใหญ่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายและบ้านเรือนของผู้คนทั่วไปที่อยู่ในอีกสังคมหนึ่งซึ่งไม่ใช่ชนชั้นขุนนาง บ่อน้ำร้างตรงหน้าคือสิ่งที่อยู่คู่มากับจวนสกุลหลินมาตั้งแต่มีการสร้างจวนในสมัยแผ่นดินต้าหยวน ซึ่งก่อนหน้านั้นคือจวนขุนนางในสมัยราชวงศ์หยวนซึ่งมีเชื้อสายมองโกล ก่อนจะล่มสลายไป หลังจากปฐมกษัตริย์แห่งต้าหมิงสามารถกอบกู้แผ่นดินของชาวฮั่นกลับคืนมาจากมองโกลได้เป็นสำเร็จ สกุลหลินได้เข้าถวายการรับใช้ในราชสำนักต้าหมิง หลินโม่คือบิดาของหลินเหยียนเจิ้ง เสนาบดีใหญ่ในรัชสมัยของจักรพรรดิหงอู่ได้รับพระราชทานจวนนี้ ซึ่งมีความดีความชอบที่ช่วยพระองค์บริหารบ้านเมืองหลังจากต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของมองโกลนานกว่าร้อยปี สกุลหลินเข้าถวายการรับใช้ราชสำนักต้าหมิงด้วยความจงรักภักดีมาโดยตลอดเรื่อยมาจวบจนกระทั่ง มาถึงในรัชสมัยของจักรพรรดหมิงเฉิงจู่หรือฮ่องเต้หยงเล่อ สกุลหลินก็สูญสิ้นลงไปเพียงชั่วพริบตาถูกสังหารจนสิ้นตระกูลภายในคืนเดียวเท่านั้น 228 ศพไม่มีผู้ใดรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ร่างไร้วิญญาณถูกทยอยนำออกไปจากจวนเมื่อเช้าในวันรุ่งขึ้นมาเยือน และบ่อน้ำร้างที่มีควันลอยออกมาจากก้นบ่อลึกซึ่งมีศพถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโก นอนคดคู้กอดกันอยู่บริเวณก้นบ่อเป็นที่น่าเวทนาต่อสายตาของผู้ที่ได้มาพบยิ่งนัก พรึบ! ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตค่อยๆ เลือนหายไปโดยพลันต่อหน้าต่อตาลี่มี่มี่ แปะ! หยาดน้ำตาไหลหลั่งรินออกมาจากขอบตาทันใดเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตที่หวนกลับมาให้เธอได้เห็นอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือดวงวิญญาณของ 228 ศพในสกุลหลินกำลังพยายามร้องขอความยุติธรรมและความบริสุทธิ์กลับคืนสู่วงศ์ตระกูลโดยผ่านทางลี่มี่มี่ แล้วเธอเล่าคือใครจะเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอว่าแท้จริงแล้วนี่คือเหตุการณ์ในอดีตชาติของลี่มี่มี่ ที่เคยถือดำเนิดเป็นหลินลี่ชาแห่งสกุลหลินที่ประสบชะตากรรมวิบัติร้ายเช่นนี้ ตุบ! ร่างงามระหงยืนโงนเงนไปมาก่อนจะทรุดฮวบลงนั่งกอดเข่ามองบ่อน้ำตรงหน้าด้วยความโศกเศร้าเป็นที่สุด “ท่านแม่!”เสียงร้องเรียกฮูหยินเซียวมารดาในภพชาติอดีตดังออกมาพร้อมหยาดน้ำตาไหลหลั่งรินออกมาจากขอบตาทั้งสองข้างของลี่มี่มี่ ก่อนจะร่ำไห้ออกมาจนใจแทบขาดเสียให้ได้ ท่ามกลางความเงียบงันที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ ห้องสมุดประชาชนอวี้หลันหรือแท้จริงแล้วคือจวนสกุลหลินในอดีตได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อหกร้อยกว่าปีก่อน นำหญิงสาวนางหนึ่งในยุคปัจจุบันกลับคืนสู่เหตุการณ์ในอดีตที่มีการประหารล้างตระกูลซึ่งระยะเวลาดังกล่าวเพิ่งผ่านไปหกเดือน โลกคู่ขนานระหว่างอดีตและปัจจุบันปรากฏขึ้นอยู่ทุกที่ไม่ตายตัวว่าจะเกิดขึ้นในแห่งหนใด แต่ในขณะนี้โลกคู่ขนานปรากฏขึ้นที่จวนสกุลหลินในอดีตผ่านดอกอวี้หลันสีม่วง ดอกไม้สีม่วงพร้อมกลิ่นหอมรัญจวน คือภาพสุดท้ายก่อนที่หลินลี่ชาจะจบชีวิตลงในกองไฟพร้อมกับน้องสาว ดอกไม้มงคลสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ได้หวนคืนกลับมาหานางอีกครั้งในชาติปัจจุบันของนางนั่นก็คือลี่มี่มี่ หญิงสาวผู้มีดวงชะตาแรงกล้าถูกนำกลับมาในชาติอดีตของเธอเองเมื่อหกร้อยกว่าปีก่อนอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องความบริสุทธ์และความยุติธรรมกลับคืนสู่สกุลหลิน ลมหายใจสุดท้ายก่อนจะหลุดลอยออกจากร่าง หลินลี่ชาในวัยสิบสี่ปีซึ่งถูกไฟคลอกตายภายในก้นบ่อพร้อมกับหลินซูเจินน้องสาวของนางได้เห็นบริเวณปากบ่อถูกเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างสูงใหญ่ทะมึนของบุรุษสวมเครื่องแบบขุนนางสีแดงปักด้วยไหมสีทอง เป็นลวดลายมัจฉาเหินปรากฏกายขึ้นในขณะนั้น ซือหม่าเยี่ยคัง!!!! เสียงห้าวของบุรุษอีกผู้หนึ่งร้องเรียกชื่อของบุรุษที่ยืนอยู่บริเวณปากบ่อดังกึกก้องอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ข้าจะกลับมาหาเจ้าอย่างแน่นอนซือหม่าเยี่ยคัง ข้าจะต้องได้กลับมาแน่!!! หลินลี่ชาลั่นวาจาเอาไว้ก่อนสิ้นใจ เปลวเพลิงโหมกระหน่ำอย่างแรงกล้าจนหลินลี่ชาไม่สามารถรับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น นางสิ้นใจตายอย่างน่าเวทนาภายในกองเพลิงพร้อมกับน้องสาวหลินซูเจิน ร่างถูกเพลิงเผาผลาญจนไหม้ดำเป็นตอตะโกพร้อมจิตสุดท้ายที่ได้เห็นและได้ยินชื่อของผู้ชายที่ยืนมองดูนางกับน้องสาวถูกไฟคลอกตายอย่างเลือดเย็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD