ตอนที่ 10 ตั๋วแลกเงินจินหมิง

1516 Words
ทันใดนั้นเอง  ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ประตูห้องถูกเคาะติดต่อกันพร้อมเสียงเรียกของบ่าวที่คอยดูแลห้องพักดังแทรกขึ้น “คุณชายข้าน้อยนำน้ำมาเติมในอ่างให้แล้วขอรับ” “เข้ามา!”ลี่มี่มี่ตะโกนตอบกลับไป หญิงสาวรีบหยิบถุงเงินและตั๋วแลกเงินปึกใหญ่ยัดกลับเข้าไปในอกเสื้อดังเดิม พลางรีบเดินออกจากห้องทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตรงห้องโถงนั่งจิบชามองตามบรรดาบ่าวผู้ชายทยอยยกน้ำใส่ถังส่งต่อมาเป็นทอดๆ บ่าวคนดังกล่าวนำหีบที่บรรจุเครื่องหอมสำหรับอาบน้ำของสตรีและบุรุษนำมาวางตั้งไว้บนโต๊ะตรงหน้าของลี่มี่มี่ “เครื่องหอมสำหรับอาบน้ำขอรับคุณชาย” อือ! หญิงสาวส่งเสียงขานรับในลำคอพลางเหลือบสายตามองเครื่องหอมสำหรับใช้อาบน้ำที่อยู่ในหีบเหล่านั้นมีมากมายหลายรายการเลยทีเดียว แต่ละชิ้นหน้าตาแปลกประหลาดและยังมีโถอีกสองใบ มีฝาปิดไว้ด้วย ซึ่งบางอย่างหญิงสาวไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแม้กระทั่งตอนที่เกิดเป็นคุณหนูสิบหกหลินลี่ชา ครั้นพอเปิดฝาออกพบว่าเป็นน้ำซาวข้าว อีกโถคือน้ำที่แช่ดอกมะลิเอาไว้แล้วหนึ่งคืน หลังจากสระผมทำความสะอาดด้วยน้ำซาวข้าวแล้วก็ใช้น้ำดอกมะลิที่แช่ค้างไว้หนึ่งคืนนำมาราดผมเป็นน้ำสุดท้ายเพื่อหมักและบำรุงผมให้ส่งกลิ่นหอม ซึ่งลี่มี่มี่จดจำได้เป็นอย่างดีเพราะเธอใช้เป็นประจำเมื่อตอนเกิดเป็นคุณหนูสิบหก “อันนี้คืออะไร”หญิงสาวยกเจ้าก้อนสีเหลืองขึ้นมาก่อนจะก้มลงดมกลิ่นที่บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไรพร้อมเสียงของบ่าวคนดังกล่าวดังแทรกขึ้น “สิ่งนี้ก็คือ เจ้าโต้วไงขอรับหรือถั่วถูขี้ไคล้ นี่คุณชายไม่รู้จักอย่างนั้นเหรอ”บ่าวคนดังกล่าวถามกลับมา และนั่นทำให้ลี่มี่มี่นึกออกได้ทันทีเพราะที่จวนสกุลหลินก็มี แต่ใช่ว่าเจ้าสิ่งนี้จะได้มาง่าย เพราะจะต้องสั่งซื้อมาจากร้านขายเครื่องประทินโฉมเอาไว้ล่วงหน้า คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถใช้ได้เพราะราคาสูงมากนั่นเอง “บ้านข้าก็ใช้แบบนี้เหมือนกันแต่ไม่ใช่ก้อนแข็งๆ เหมือนแบบนี้ เจ้าโต้วมีราคาสูงมากเลยนะ จะต้องสั่งซื้อล่วงหน้าแต่โรงเตี๊ยมแห่งนี้กลับมีรองรับไว้อย่างครบครันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”หญิงสาวถามกลับไป บ่าวรับใช้คนดังกล่าวยิ้มกว้างออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ไม่แปลกหรอกขอรับคุณชายในเมื่อเจ้าของโรงเตี๊ยมนี้เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ย่อมมีทุกอย่างให้กับแขกผู้ที่เข้ามาพักอยู่แล้วเพราะแขกทุกท่านล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีฐานะอันมั่งคั่งด้วยกันทั้งสิ้น หาไม่แล้วจะยอมจ่ายค่าที่พักคืนละห้าตำลึงเงินได้อย่างไรหากไม่ร่ำรวยจริง อย่างเช่นคุณชายเป็นต้นอย่างไรขอรับที่ยอมจ่ายค่าที่พักล่วงหน้าถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน” คำกล่าวของบ่าวคนดังกล่าวทำให้ลี่มี่มี่ยิ้มเหยียดออกมา เมื่อได้ยินเช่นนั้น “หากไม่ต้องการอยากรู้เรื่องราวของตระกูลหลินมีหรือที่คนอย่างลี่มี่มี่จะจ่ายเงินมากมายนี้ออกไป แพงบ้าเลือด เอาเปรียบยังไม่พอยังเหยียดชนชั้นอีกด้วย”หญิงสาวคิดในใจก่อนจะยกพัดโบกไปมาเป็นสัญญาณไล่ให้บรรดาบ่าวทั้งหลายออกไปจากห้องพักของเธอ ครั้นภายในห้องเหลือเพียงลี่มี่มี่อยู่เพียงลำพังร่างระหงรีบลุกจากเก้าอี้ เดินตรงดิ่งไปที่หน้าต่างห้องใกล้กับเตียงนอนพร้อมเปิดออกกว้างกวาดสายตามองไปที่พื้นเบื้องล่างซึ่งเป็นพื้นหิน “ขืนกระโดดลงไปมีหวังถ้าขาไม่หักก็ต้องเคล็ดแน่”หญิงสาวยืนคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะหันกลับไปมองที่เตียงนอน “เห็นทีต้องเอาวิชาไต่เขามาใช้เป็นประโยชน์ มีผ้าห่มกับผ้าปูที่นอนจะกลัวอะไรผูกเอาไว้ด้วยกัน อย่างน้อยก็ย่นระยะทางไปได้ครึ่งหนึ่งแค่นี้ก็กระโดดลงไปได้โดยไม่เป็นอะไรแล้ว” ทันทีที่คิดได้เช่นนั้นลี่มี่มี่เดินกลับไปที่ประตูพร้อมใช้ไม้สับลงกลอนไม่ให้ใครเข้ามา ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงรื้อผ้าปูฟูกนอนออกและนำผ้าห่มมากองเอาไว้ แควก! แควก!แควก! ผ้าปูที่นอนถูกฉีกออกแบ่งเป็นสามชิ้นก่อนจะนำมาผูกติดกันกับผ้าห่มจนได้ความยาวขนาดสามช่วงตัวด้วยเงื่อนตายที่ไม่สามารถคลายออกได้และเมื่อผูกติดกันแล้วได้ความยาวพอสมควรเลยทีเดียว ผึง! สองมือดึงปมที่ผูกเงื่อนตายให้แน่นมากยิ่งไปกว่าเดิมเพื่อให้แน่ใจว่าไม่คลายออกระหว่างที่กำลังไต่ลงไปจากชั้นสามลงไปที่พื้นเบื้องล่าง ด้วยห้องพักของลี่มี่มี่อยู่ชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมซึ่งมีความสูงขนาดเท่าตึกสามชั้นก็ว่าได้ ร่างระหงรีบเดินตรงดิ่งไปที่หน้าต่างนำส่วนหัวผูกติดกับหัวเตียงก่อนจะกระโดดพุ่งหลาวออกจากห้องไปทางหน้าต่างทันทีโดยมีเชือกที่ทำจากผ้าห่มและผ้าปูนอนอยู่ในมือของเธอในขณะนั้นด้วย ตึง! เชือกผ้าห่มถูกดึงจนสุดความยาวพร้อมกับร่างของลี่มี่มี่ห้อยโหนอยู่ระหว่างชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองของโรงเตี๊ยม สองมือพันส่วนปลายเชือกอยู่ในขณะนั้นพร้อมใช้กำลังมือโหนให้ร่างของเธอปะทะเข้ากับอาคารไม้ ก่อนจะใช้เท้าทั้งสองยันผนังไม้ดีดร่างตัวเองออกมาให้พ้นจากรัศมีของเขตโรงเตี๊ยม ตุบ! ร่างระหงกระโดดลงมาที่พื้นอย่างปลอดภัยก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองมือปัดชายกระโกรงจนฝุ่นดินที่ติดตามขอบผ้าเลือนหายไปพร้อมดึงเข็มขัดให้เข้าที่เข้าทางตามเดิม “มีอะไรที่คนอย่างลี่มี่มี่ทำไม่ได้..ก็แค่หนีออกมา..ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอเหมือนตอนเกิดเป็นคุณหนูสิบหกของตระกูลหลินหรอกนะ...เชอะ!”หญิงสาวพูดพลางดึงพัดที่เหน็บอยู่ด้านหลังโบกสะบัดไปมาพลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ “ค่ำแล้วเหรอนี่”เธอพูดพลางดึงสายสร้อยนาฬิกาขึ้นมาก่อนจะเปิดฝาเพื่อดูเวลา “บ้าจริง! เวลาเท่าไรก็ไม่รู้เสียที...นาฬิกาก็ดันมาตายไม่ยอมเดินมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นึกว่าจะกลับมาเดินตามปกติดันยังตายเหมือนเดิม เอาไงละที่นี้กลับจวนสกุลหลินก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ค่ำมืดแบบนี้จะตระเวนหาโรงเตี๊ยมอีกก็ดูจะเกินไปหน่อย อย่างน้อยฉันก็เป็นผู้หญิงนะยะไม่ใช่ผู้ชายต้องทำให้ตัวเองปลอดภัยและรอบคอบให้มากกว่านี้ อีกอย่างต้องรีบเอาตั๋วแลกเงินไปเก็บไว้ที่ห้องใต้ดินใช้อีกไม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะพาลซวยเอาอย่างน้อยก็พอจะรู้แล้วว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับตั๋วแลกเงินที่ท่านพ่อได้รับมาจากโรงแลกจินหมิง”ลี่มี่มี่เอ่ยถึงบิดาในชาติอดีตของเธอ “ขอท่านพ่อท่านแม่ได้โปรดวางใจ ลูกสิบหกกลับมาแล้ว ช่าช่าของท่านกลับมาแล้ว! ข้าจะมาทวงความบริสุทธิ์ของสกุลหลินกลับคืนให้จงได้ ข้าเชื่อว่าท่านพ่อมีใจเป็นกลางและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ท่านจะต้องถูกผู้อื่นใส่ร้ายอย่างแน่นอน” ลี่มี่มี่รำพึงเสียงเบา ดวงตาลุกโชนและแข็งกร้าว เท้าทั้งสองข้างเริ่มก้าวเดินตรงไปข้างหน้านำร่างระหงออกจากตรอกซึ่งเป็นด้านหลังของโรงเตี๊ยมหยงไท่ หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่เฝ้าติดตามเธออยู่ในขณะนั้นกำลังยืนกอดอกถือดาบยาวในมือมองลี่มี่มี่อยู่บนหลังคาโรงเตี๊ยมหยงไท่อยู่ตลอดเวลา “เด็กหนุ่มผู้นี้หนีออกจากโรงเตี๊ยมหยงไท่มาเช่นนี้มีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆ ที่เสียเงินไปกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินเพื่อจ่ายค่าที่พักทั้งหมด จะต้องมีสาเหตุอย่างอื่นแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ตั๋วแลกเงินจากโรงแลกจินหมิงนำมาใช้จ่าย จะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลินและตั๋วแลกเงินจำนวนสองล้านตำลึงทองที่สูญหายไปอย่างปริศนาเป็นแน่” บุรุษลึกลับผู้นั้นยืนครุ่นคิดในใจ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดตัวลอยละลิ่วจากหลังคาโรงเตี๊ยมหยงไท่ไปตามหลังคาบ้านเรือนและร้านค้าที่ปลูกติดต่อกันเรียงรายเป็นทิวแถวตามติดเด็กหนุ่มหน้าสวยไปอย่างกระชั้นชิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD