ในขณะเดียวกัน
ร่างระหงของลี่มี่มี่ในคราบคุณชายรูปงามกำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในย่านการค้าซึ่งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่บุรุษชุดขาวด้วยกันทั้งสิ้น
ลี่มี่มี่ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำหอมแบรนดังที่ฉีดพรมบนกายของเธอส่งกลิ่นหอมออกมาจนตลบอบอวลไปทั่ว แน่นอนว่ากลิ่นหอมดังกล่าวเย้ายวนใจเป็นยิ่งนักจนทำให้เดินผ่านไปที่ใดไม่มีผู้ใดจะไม่เหลียวมองบุรุษหน้าสวยผู้นี้
“คุณชายท่านนี้ห้อยถุงหอมอะไรเนี่ย กลิ่นหอมจังเลย”
“อยากได้ถุงหอมแบบนี้บ้าง กลิ่นหอมชื่นใจยิ่งนัก
“หอม! หอมมากเลย”
“หอมติดจมูกจริงๆ”
เสียงพูดคุยเรื่องความหอมที่ออกมาจากเรือนกายยามเมื่อเดินผ่านผู้คนยังคงเอ็ดอึงไปทั่ว ทุกสายตาต่างมองตามคุณชายหนุ่มหน้าสวยเป็นตาเดียวกัน
ลี่มี่มี่มีร่างงามระหงที่สูงทัดเทียมกับบุรุษจึงได้เปรียบที่จะปลอมตัวเป็นชายมากกว่าเป็นหญิง กลิ่นน้ำหอมจากยุคอนาคตยังคงส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลออกมาตลอดเวลา ซึ่งผู้คนในยุคนั้นเข้าใจว่ากลิ่นหอมดังกล่าวเป็นถุงหอมประจำกายที่พกติดตัว มีไว้เพื่อใช้ดับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่จะโชยออกมา
ในขณะที่เจ้าตัวกำลังเดินครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมาไปตลอดทางเดินด้วยความสงสัยโดยไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบตัว พัดในมือโบกสะบัดขึ้นลงไปมาไม่หยุดนิ่งตามอารมณ์ของคนถือ
“เรื่องของสกุลหลินเป็นสิ่งต้องห้ามถึงขนาดนี้ มันจะต้องมีอะไรมากไปกว่านั้นแน่กับเหตุการณ์ประหารครั้งใหญ่ นี่ถ้าเสี่ยวม่านอยู่ด้วยก็ดีหรอกจะให้คำตอบเรื่องนี้ได้ พอถามถึงสกุลหลินอาจถูกใส่ร้ายอีตาเถ้าแก่โรงเตี๊ยมรีบคืนตั๋วแลกเงินให้เลยทันทีกลัวจะเดือดร้อนตามไปด้วย มันต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน จะต้องมีแน่ๆ”หญิงสาวบ่นพึมพำไปตลอดทาง ก่อนจะหุบพัดในมือลง
“คนอย่างลี่มี่มี่ ถ้าต้องการจะรู้อะไรต้องรู้ให้ได้จะไม่ยอมให้สกุลหลินต้องตายฟรีถึงเก้าชั่วโคตรอย่างแน่นอน ลองได้ลงมือทำอะไรแล้วจะต้องทำให้สำเร็จ”หญิงสาวคิดในใจก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนบนท้องถนนอยู่ในเวลานี้
“ไม่ได้การแล้วหาที่หลบก่อนดีกว่า รู้สึกว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของชาวเมือง หาที่นอนคืนนี้พักผ่อนเอาแรงและวางแผนใหม่ว่าจะต้องทำอย่างไงต่อไป รู้สึกว่าแถวนี้ยังมีโรงเตี๊ยมที่สะอาดและปลอดภัยอีกหลายแห่งอยู่นะ”หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ในใจ
เพียงครู่ความทรงจำของเธอพลันนึกถึงพี่ชายคนที่แปดของตระกูลหลินเมื่อครั้งเกิดเป็นคุณหนูสิบหกหลินลี่ชา พี่ชายของนางเป็นคุณชายเจ้าสำราญรู้แหล่งเที่ยวสำหรับบุรุษและที่พักภายในเมืองหลวงแทบจะทุกที่เลยทีเดียว
“จำได้ว่าพี่แปดเคยบอกว่าตรงมุมถนนทางตะวันออกมีโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในย่านนี้ชื่อว่าหยงไท่ คิดว่าน่าจะยังอยู่เพราะเรากลับมาหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วแค่หกเดือน”ลี่มี่มี่คิดในใจก่อนจะแวะเข้าข้างทางเพื่อสอบถามเส้นทางกับร้านค้าที่ตั้งแผงวางขายอยู่ในขณะนั้น
“พี่ชายโรงเตี๊ยมหยงไท่ไปทางไหนเหรอ ข้าต้องการจะเข้าไปพักที่นั่น”ลี่มี่มี่เอ่ยถามพ่อค้าข้างทาง
เถ้าแก่ขายซาลาเปาเงยหน้าขึ้นมามองครั้นได้ยินเช่นนั้น
“คุณชายจะไปพักที่นั่นเหรอแต่ค่าห้องที่นั่นแพงมากเลยนะ ค่าห้องคืนหนึ่งสามารถซื้อข้าวสารกระสอบใหญ่กินได้ตลอดทั้งเดือน ข้าขอแนะนำไปพักที่อื่นเถอะ ที่นั่นมีแต่พวกขุนนางและพวกร่ำรวยที่มาจากต่างเมืองเข้าไปพักกัน”เถ้าแก่ขายซาลาเปาบอกกลับมาก่อนจะยืนนิ่งเมื่อสังเกตบุรุษตรงหน้าอย่างชัดเจน
“ดูท่าท่านจะมาจากชนชั้นสูงเช่นกัน ถ้าเช่นนั้นท่านนั่งรถม้าที่จอดอยู่ข้างซอยร้านขายใบชาเพราะจากตรงนี้ไปถึงที่นั่นก็ไกลมากพอสมควรท่านเดินไม่ไหวหรอก”เถ้าแก่ขายซาลาเปาบอกทางกลับมาอย่างละเอียด
และนั่นทำให้ลี่มี่มี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจพลางล้วงเข้าไปในอกเสื้อยื่นสินน้ำใจให้”
“ค่าเหมาซาลาเปาที่ร้านทั้งหมดของพี่ชายตอบแทนที่บอกทางให้แก่ข้า”ลี่มี่มี่ยื่นก้อนเงินขนาดห้าตำลึงเงินไปให้ท่ามกลางความดีใจของพ่อค้าคนดังกล่าว
“ขอบพระคุณขอรับคุณชาย เหมาหมดเลยแบบนี้ท่านจะให้ข้าน้อยเอาซาลาเปาไปส่งให้ที่หยงไท่หรือจะให้ไปส่งที่ไหน”
ลี่มี่มี่รีบโบกพัดไปมาเป็นการปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอกเอามาให้ข้าแค่สิบลูกก็พอ นอกนั้นพี่ชายก็เก็บเอาไว้ขายต่อเถอะ”ลี่มี่มี่บอกกลับไป
ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะเป็นคนหน้าเงินและขี้งกก็ตามที แต่ถ้าต้องจ่ายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองลี่มี่มี่ก็จัดหนักเช่นกัน
คำกล่าวของลี่มี่มี่ทำให้เถ้าแก่ขายซาลาเปาถึงกับโค้งคำนับแล้วคำนับอีกอยู่เช่นนั้น ก่อนจะรีบหยิบซาลาเปาใส่ลงในถุงกระดาษมีผ้าขาวรองเอาไว้อีกหนึ่งชั้นเพื่อให้คงความร้อนอยู่ตลอดเวลาพร้อมยื่นส่งให้กับคุณชายหน้าสวยตรงหน้า
ร่างระหงของลี่มี่มี่ก้าวเดินจากไปบริเวณดังกล่าวท่ามกลางสายตาของใครบางคนที่เฝ้าคอยติดตามตั้งแต่ออกจากโรงเตี๊ยมแห่งแรกไปอย่างกระชั้นชิด
จวบจนกระทั่งเห็นเธอยืนมองอยู่หน้าร้านขายใบชาก่อนจะเข้าไปข้างใน ชายคนดังกล่าวก็ยังคงยืนถือดาบกอดอกเฝ้ามองอยู่ตรงหน้าร้านค้าบริเวณทางออกของร้าน ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามมองเห็นร้านขายใบชาอย่างไม่คลาดสายตา
โรงเตี๊ยมหยงไท่
ภายในห้องพัก
ดวงตาคมเฉี่ยวกวาดมองไปทั่วบริเวณห้องอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นที่นอนพักผ่อนสำหรับคืนนี้ เตียงขนาดใหญ่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เครื่องเรือนภายในห้องราวกับว่าขนมาจากจวนขุนนางเพื่อมาประดับห้องพักแห่งนี้อย่างไรก็อย่างนั้น หรือจำลองแบบมาแต่ช่างคุ้นตาเสียนี่กระไร
“ทำไมถึงรู้สึกว่าเครื่องเรือนเหล่านี้คุ้นตาจังเลยนะยุคนี้มีของก๊อปด้วยเหรอ คงจะไม่ใช่กระมัง”หญิงสาวพูดพลางเดินออกไปจากห้องนอนตรงไปยังห้องที่มีฉากกั้นขนาดใหญ่สามารถเลื่อนเข้าออกได้คล้ายประตูญี่ปุ่น
“เออดีแฮะยุคนี้รับเอาวัฒนธรรมจากต่างชาติมาปรับใช้หลายอย่างเหมือนกัน ยุคก่อนใช้ฉากกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องอาบน้ำแต่ยุคนี้ใช้ประตูเลื่อนเข้าเลื่อนออกเข้าท่า”ลี่มี่มี่กล่าวชื่นชมก่อนจะเห็นถังน้ำขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่าและนึกขึ้นมาได้
“ว่าแต่จะอาบน้ำอย่างไง ไม่มีน้ำสักหยด น้ำอุ่นก็ไม่มี สบู่ ยาสระผม ยาสีฟันแปรงสีฟันไม่มีสักอย่าง โอ๊ยตาย ทำไงดีละเนี่ยแล้วของอะไรวางไว้ จะใช้เป็นไหม”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางเปิดหีบใบย่อมเห็นแต่ผ้าสีขาววางอยู่
“ผ้าเช็ดขี้ไคลสำหรับอาบน้ำ!”หญิงสาวทิ้งผ้าดังกล่าวลงจากมือทันทีรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เดินผ่านห้องโถงมีโต๊ะขนาดใหญ่และเก้าอี้สำหรับนั่งมีด้วยกันห้าตัว ครั้นหันไปอีกมุมหนึ่งก็พบโต๊ะเขียนหนังสือและอุปกรณ์ในการเขียนพร้อมแท่นวางพู่กันมีไว้อย่างครบครันเลยทีเดียว บนโต๊ะนอกจากมีห่อใบชาที่หญิงสาวแวะซื้อมายังมีกระดิ่งวางไว้เอาไว้สำหรับเรียกบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลห้องพักตามเขตความรับผิดชอบ
กรุ๋งกริ๋ง! กรุ๋งกริ๋ง! กรุ๋งกริ๋ง! เสียงกระดิ่งสั่นไหวดังติดต่อกันอยู่เพียงครู่ ก่อนจะปรากฏร่างสันทัดของบ่าวผู้ชายก้าวเข้ามาในห้องพักดังกล่าว
“คุณชายต้องการสิ่งใดเพิ่มอย่างนั้นหรือขอรับ”บ่าวคนดังกล่าวเอ่ยถามกลับไป
ลี่มี่มี่กำลังจะอ้าปากถามหากแต่สายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายร่างใหญ่ หน้าตาดุดันภายใต้หนวดเครารกครึ้มเต็มกรอบหน้าที่ยังไม่ผ่านการโกนมานานหลายเดือนกำลังยืนมองเธออยู่ฝั่งตรงกันข้าม และเธอรู้สึกว่าจะเห็นคนผู้นี้มาตั้งแต่กำลังเดินอยู่ตรงถนนทิศเหนือ ความคิดแล่นขึ้นมาทันทีเมื่อล่วงรู้ว่ากำลังถูกสะกดรอยตาม
“แย่แล้ว! มีคนตามจนได้...เอาไงดีละมี่มี่เพิ่งจะถูกนำกลับมาในอดีตหลังเกิดเหตุการณ์ประหารตระกูลหลินไปหกเดือน หรือเป็นเพราะที่เราถามเรื่องเหล่านั้น โอโห่! อะไรจะขนาดนั้น หูไวตาไวถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”หญิงสาวคิดในใจก่อนจะได้ยินเสียงของบ่าวคนดังกล่าวถามกลับมาอีกครั้ง
“คุณชายเป็นอะไรหรือเปล่า เรียกข้าน้อยแต่ก็ไม่สั่งอะไร”
คำถามดังกล่าวทำให้ลี่มี่มี่รู้สึกตัวก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนโต๊ะหนังสือเพื่อคอยสังเกตการณ์ คนที่แอบติดตามเธอไปในตัว
“ข้าเพิ่งมาจากต่างเมืองยังไม่เคยเข้าพักที่โรงเตี๊ยมนี้ จึงต้องบอกว่าห้องพักของข้าต้องเตรียมน้ำสำหรับอาบทุกวันเพราะตอนนี้เป็นช่วงหน้าร้อน และข้าก็เป็นคนขี้ร้อน อีกอย่างฮูหยินข้าจะตามมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ภายในห้องน้ำไม่มีเครื่องใช้สำหรับอาบน้ำของผู้หญิง ดังนั้นข้าไหว้วานเจ้าให้ไปซื้อหน่อยเอาอย่างดีที่สุดนะ”
บ่าวคนดังกล่าวได้ยินเช่นนั้นฉีกยิ้มกว้างออกมาทันทีพร้อมเอ่ยขึ้น
“คุณชายไม่ต้องห่วงขอรับทางโรงเตี๊ยมมีพร้อมทุกอย่าง เพียงแต่จะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อเครื่องหอมสำหรับอาบน้ำมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเทียบเท่ากับขุนนางชั้นสูงมีครบหมดในหีบเดียวกัน ราคาเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นขอรับ”
“ห้าตำลึงเงิน!”ลี่มี่มี่พูดออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ขอรับห้าตำลึงเงิน”บ่าวคนดังกล่าวยืนยันกลับไป
“ข้าคิดว่าตัวเองหน้าเงินแล้วนะ..แต่โรงเตี๊ยมหยงไท่หน้าเงินมากกว่าเสียอีก นอกจากค่าที่พักคืนละห้าตำลึงเงินแล้วถ้าไม่คิดว่าจำเป็นต้องใช้มีหรือจะเสียเงินเพิ่มอีกถึงถึงเพียงนี้”หญิงสาวพูดประชดพร้อมหยิบก้อนเงินออกจากถุงผ้าในอกเสื้อก่อนจะวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ
“จัดการเติมน้ำในอ่างให้ข้าด้วย ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจึงจะกลับเข้ามาอาบน้ำ”ลี่มี่มี่ตั้งใจบอกกลับไปเช่นนั้น
“ขอรับคุณชายเดี๋ยวข้าน้อยจะจัดการให้เสร็จภายในเวลาหนึ่งก้านธูป”บ่าวคนดังกล่าวรีบก้าวเข้ามารับเงินพร้อมถอยหลังเดินออกจากห้องพักของลี่มี่มี่
ในขณะเดียวกันชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามยังคงอยู่เช่นเดิมและสายตาของลี่มี่มี่ก็เห็นเช่นเดียวกันก่อนที่ประตูจะถูกปิดสนิทตามเดิมด้วยฝีมือของบ่าวรับใช้ที่เพิ่งก้าวออกไป
พรึบ! พัดที่อยู่ในมือหุบเข้าหากันทันทีเมื่อประตูห้องปิดลง ร่างระหงรีบลุกออกจากโต๊ะหนังสือก้าวเดินตรงไปยังหน้าต่างเพื่อแอบมองชายแปลกหน้าที่คอยสะกดรอยเธออยู่ และเธอก็ได้เห็นบ่าวคนดังกล่าวรีบตรงดิ่งเข้าไปหาชายผู้นั้นก่อนจะมองมาทางห้องพักของเธอ
“เอาแล้วไงมี่มี่งานเข้าแล้ว”หญิงสาวพูดพลางหันหลังกลับรีบเดินออกมาจากจุดที่ยืนอยู่พร้อมกวาดสายตามองไปทั่วห้องพักดังกล่าวและหยุดลงที่หน้าต่าง
“โดนสะกดรอยแบบนี้เห็นทีจะอยู่ไม่ได้แล้วต้องรีบหลบหนีออกไปจากที่นี่ก่อน อุปกรณ์แปลงโฉมและเครื่องสำอางดันอยู่ในห้องใต้ดินภายในจวนทั้งหมดเสียด้วยสิ จะต้องกลับไปเอาแต่ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิงขนาดเดียวกับตัวเราเลยจะทำอย่างไงดี ผู้ชายคนนั้นจะต้องสอบถามเอากับบ่าวอย่างแน่นอนและคงจะคอยตามตลอด จะตามเอาอะไรของมันกันแน่ในตัวเราไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
ลี่มี่มี่พูดพลางยกมือคลำไปทั่วร่างกายของตัวเองก่อนจะรีบเดินเข้าไปภายในห้องนอน
ถุงเงินจำนวน 2 ถุง ถูกวางลงบนฟูกนอน พร้อมตั๋วแลกเงินอีกปึกใหญ่มีจำนวนคละเคล้ากันไป ก่อนจะยืนเท้าสะเอวมองของสองสิ่งตรงหน้าพลางครุ่นคิดตาม
“มันมีอะไรแอบแฝงมากับของเหล่านี้หรือเปล่านะ ลำพังแค่เราสอบถามอยากจะซื้อบ้านพร้อมที่ดินก็จะตามติดแบบนี้แล้วเหรอ อย่างน้อยมันต้องสอบสวนแหล่งที่มาที่ไป ทะเบียนคนเกิด คนอยู่มันถึงจะยืนยันตัวตนได้สิ”หญิงสาวพูดพลางหยิบก้อนเงินขึ้นมาพร้อมพลิกไปมาก็ไม่เห็นมีความแตกต่างตรงไหน
ครั้นเอื้อมมือหยิบตั๋วแลกเงินปึกใหญ่ที่กองอยู่ตรงหน้าขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งอย่างละเอียดก็พบว่า ตั๋วแลกเงินทุกใบล้วนออกมาจากโรงแลกเงินจินหมิงด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีโรงแลกเงินอื่นเลย
“ตั๋วแลกเงินทุกใบมาจากจินหมิงหมดเลย แสดงว่าจะต้องออกมาในคราวเดียวกันครั้งหนึ่งต้องมีจำนวนไม่น้อย อีกอย่างไม่ใช่ตั๋วแลกเงินที่ออกมาจากราชสำนัก ถ้าเช่นนั้นตั๋วแลกเงินนี้ทำไมมาอยู่ในจวนของเรามากมายขนาดนี้ด้วย”ลี่มี่มี่คิดในใจ
ฉับพลันสมุดบันทึกทรัพย์สินที่เธอเพิ่งอ่านผ่านตาเพียงรอบเดียวปรากฏขึ้นมาทันใด และมีทรัพย์สินหลายรายการที่ระบุผู้ให้ว่ามาจากบุรุษไร้นาม และอยู่ในระหว่างเตรียมการนำส่งมอบคืนซึ่งหนึ่งซึ่งในนั้นมีตั๋วแลกเงินจากโรงแลกเงินจินหมิง มีจำนวนเงินรวมแล้วมากมายมหาศาลเลยทีเดียว
“หรือว่าสาเหตุจะมาจากตั๋วแลกเงินนี้!”ลี่มี่มี่เอ่ยออกมาทันทีพร้อมก้มลงมองตั๋วแลกเงินที่อยู่ในมืออย่างละเอียด
“แย่แล้วหาเรื่องใส่ตัวเองแล้วมี่มี่ เมื่อตอนเข้าพักที่นี่ดันใช้ตั๋วแลกเงินจินหมิงจ่ายค่าที่พักไปหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ถ้าพวกนั้นแกะรอยตามตั๋วแลกเงินของจินหมิงจริง นั่นก็หมายความว่า...”หญิงสาวเอ่ยได้เพียงแค่นั้น
“อยู่ไม่ได้แล้วต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่อย่างด่วนเลย”