ตอนที่ 2 จวนตระกูลหลิน

2873 Words
จวนตระกูลหลิน กรี๊ดดดด!!!! เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของสตรีจำนวนมากมายด้วยความเจ็บปวดดังออกมาเป็นระยะติดตามด้วยร่างอันไร้วิญญาณร่วงหล่นฟุบลงไปกับพื้นจวน เมื่อถูกเชือดคออย่างไร้สิ้นความปราณีจากคมดาบ อ๊าคคคค!!!! เสียงบุรุษจำนวนมากก็ไม่แตกต่างไปจากเสียงร้องโหยหวนของสตรีแม้แต่น้อย ทุกชีวิตในจวนตระกูลหลิน ถูกสั่งประหารเก้าชั่วโคตร ชีวิตของหลินเหยียนเจิ้ง เสนาบดีผู้จงรักภักดีต่ออดีตองค์จักรพรรดิพร้อมด้วยฮูหยินและอนุภรรยาทั้งหก คุณชายทั้งสิบห้าคนซึ่งเกิดจากฮูหยินและอนุภรรยา คุณหนูสองนาง คุณหนูใหญ่บุตรีลำดับที่สิบหกเกิดจากฮูหยินเซียวและคุณหนูเล็กบุตรีลำดับที่สิบเจ็ดเกิดจากอนุภรรยาคนสุดท้อง รวมไปถึงข้าทาสบริวารที่คอยรับใช้ภายในจวนตระกูลหลินอีกกว่า 203 ชีวิต มีคำสั่งให้ประหารไม่เหลือสิ้น ทันทีที่ผู้เชิญพระราชโองการมาถึงจวนดังกล่าว เสียงกรีดร้องของเด็กน้อยมากมายทั้งชายและหญิงดังก้องระงมไปทั่วทั้งจวนตระกูลหลิน เมื่อถูกบรรดาองครักษ์เสื้อแพรซึ่งรับราชโองการจากองค์จักรพรรดิโดยตรงเท่านั้นให้จัดการปลิดชีพเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้ง ผู้ไม่ภักดีพร้อมทุกชีวิตที่อยู่ภายในจวนตระกูลหลินทั้งหมด ส่วนบรรดาญาติมิตรที่อยู่ตามเมืองต่างๆ ราชโองการกระจายไปตามพื้นที่ ให้เจ้าเมืองต่างๆ นำครอบครัวสายเลือดตระกูลหลินนำตัวมาลงโทษประหารกลางแจ้งไม่ให้หลงเหลือเป็นเยี่ยงอย่างของผู้ต่อต้านอีกต่อไป ในขณะเดียวกันท่ามกลางความโกลาหลและเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดกระจายไปทุกอณูภายในจวนดังกล่าว คุณหนูสิบหกและคุณหนูสิบเจ็ดแอบซ่อนเร้นกายของตัวเองอยู่ภายในบ่อน้ำที่เหือดแห้งอยู่ด้านหลังของจวน โดยแม่นมของทั้งสองนำมาซ่อนตัวเพื่อให้พวกนางพ้นภัยพิบัติร้ายในครั้งนี้ “ท่านพี่ข้ากลัว! ท่านพ่อและท่านแม่จะเป็นอะไรมากไหม”เสียงของคุณหนูเล็กถามพี่สาวที่กำลังกอดนางอยู่ในขณะนั้น หลินลี่ชาหรือช่าช่า ซึ่งเป็นชื่อเล่นของนางคุณหนูใหญ่บุตรีลำดับที่สิบหกของเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้งและฮูหยินเซียวฉิงเซียง ในวัยสิบสี่ปีซึ่งกำลังจะเข้าสู่พิธีปักปิ่นในปีหน้า นางกำลังเฝ้าตระกองกอดหลินซูเจินหรือเจินเจิน น้องสาวคนเล็กและของตระกูลหลินในวัยสี่ขวบเท่านั้น สองคนพี่น้องกำลังนั่งกอดกันเนื้อตัวเต็มไปด้วยอาการสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวจนขวัญหนีกระเจิดกระเจิง ที่เห็นผู้คนมากมายภายในจวนถูกกลุ่มคนจากวังหลวงสังหารอย่างไร้สิ้นความปราณี ชู้วววว!!!! เสียงของคนเป็นพี่ส่งเสียงออกมาทันทีในขณะที่น้องสาวกำลังถามนางอยู่ในขณะนั้น อุ้บ!!! มือของหลินลี่ชาปิดปากน้องสาวของนางเอาไว้ทันใดเมื่อได้ยินเสียงบุรุษส่งเสียงตะโกนก้องไปทั่วบริเวณหลังจวน “ค้นหาให้ทั่วทุกพื้นที่! อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่ชีวิตเดียว! นับศพว่ามีจำนวนเท่าไรครบ 228 ศพหรือไม่”เสียงสั่งการดังกึกก้องไปทั่วบริเวณดังกล่าว “ท่านพี่พวกคนใจร้ายมาแล้ว...ข้ากลัว”หลินซูเจินกระซิบบอกพี่สาวของนาง “เจ้าอย่าพูดอะไรมากเดี๋ยวคนพวกนั้นจะได้ยินเสียง ท่านแม่ของเราสองคนสั่งเอาไว้ให้พวกเรารออยู่ภายในบ่อน้ำนี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรและเห็นอะไรห้ามขึ้นมาเป็นอันขาดเพราะฉะนั้นเจ้ากับข้าต้องนั่งนิ่งๆ อยู่ในนี้เข้าใจหรือไม่”หลินลี่ชากระซิบบอกน้องสาวเสียงเบาพร้อมแหงนหน้ามองบริเวณปากบ่ออยู่ตลอดเวลา “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ พอขึ้นไปแล้วข้าจะไปกินขนมของท่านแม่ที่ทิ้งเอาไว้บนโต๊ะ เพิ่งจะกินเข้าไปคำเดียวเองก็ถูกท่านแม่และท่านแม่ใหญ่อุ้มมาหลังจวน” หลินซูเจินกล่าวอย่างไร้เดียงสาพลางมองหน้าพี่สาวตาแป๋ว ก่อนจะตรงเข้ากอดร่างของนางด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามลั่นดังอยู่บนบ่อ “ใต้เท้าขอรับศพภายในจวนตอนนี้มีเพียงแค่ 226 ศพเท่านั้นหายไปสองขอรับ”เสียงรายงานผลการนับศพของทุกชีวิตภายในจวนตระกูลหลิน ร่างสูงใหญ่สวมเครื่องแบบเฟยอวี๋ขององครักษ์เสื้อแพรระดับสูงสีแดงปักลวดลายมัจฉาเหินงดงามเป็นเส้นไหมสีทองลงบนผืนผ้า กำลังยืนหันหลังจับดาบซิ่วซุนอันเป็นอาวุธประจำกายขององครักษ์เสื้อแพร ดวงตาสีสนิมเหล็กหรี่ลงเล็กน้อยครั้นได้ยินเช่นนั้น “ล้อมจวนสกุลหลินค้นหาให้ทั่ว! จับมาลงทัณฑ์ประหารให้ได้หาไม่แล้วฝ่าบาทจะสั่งกุดหัวหน่วยองค์รักษ์เสื้อแพรทั้งทั้งหมด!...รีบไป!!!”เสียงสั่งการดังกึกก้อง “รับทราบ!!!”เหล่าองครักษ์รับคำสั่งทันใดพร้อมรีบแยกย้ายออกค้นหาอย่างไม่รอช้า ร่างสูงตระหง่านยืนนิ่งอยู่กับที่เพียงลำพังพลางกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ก่อนจะมาสะดุดที่บ่อน้ำตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่ไม่มากนัก บ่อน้ำตรงหน้าอยู่ใต้ต้นอวี้หลันที่กำลังผลิดอกสีม่วงเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งเข้ามาเยือน และกำลังส่งกลิ่นหอมชื่นใจตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ใต้ต้นอวี้หลันปรากฏมีบ่อน้ำลักษณะถูกปิดทับด้วยแผ่นไม้ยาวนำมาเรียงต่อกันพร้อมวางก้อนหินทับไว้อยู่ด้านบน สองเท้าค่อยๆ ก้าวเดินอย่างเงียบกริบตรงไปเบื้องหน้าจวบจนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ่อน้ำดังกล่าว พร้อมยกฝ่ามือใหญ่ทาบทับลงไปอยู่เพียงครู่ก่อนจะค่อยๆ ถอนออกมาอย่างช้าๆ “บ่อนี้ไม่มีน้ำ! ความเย็นและชื้นก็ไม่ปรากฏแสดงว่าเป็นบ่อน้ำที่ร้างที่เหือดแห้งมานานแล้ว”เสียงรำพึงอยู่ในใจก่อนจะได้ยินเสียงเด็กเล็กๆ ดังขึ้น “ท่านพี่พวกคนใจร้ายไปกันหมดแล้วใช่ไหมเจ้าคะ จะขึ้นไปกินขนมกันได้หรือยัง”เสียงถามของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ถามพี่สาวของนางท่ามกลางความเงียบงัน “ตอนนี้ยังขึ้นไปไม่ได้เจินเจิน ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเราต้องรอจนกว่าจะมีคนมาเปิดฝาบ่อแล้วพาเราออกไป เจ้าและข้าขึ้นไปไม่ได้หรอก”เสียงเล็กๆ ของคนเป็นพี่ตอบน้องกลับมา และเสียงสนทนาของเด็กน้อยทั้งสองมีหรือจะเล็ดรอดไปจากหัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพรไปได้ ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นก็ล่วงรู้ว่าเป็นสองชีวิตที่กำลังตามหาอยู่ในขณะนี้ “ที่แท้สองชีวิตที่หายไปซ่อนเร้นอยู่ในบ่อร้างนี่เอง”หัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพรรำพึงเสียงเบาพลางครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ผู้ช่วยบัญชาการซือหม่า”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอยู่ทางด้านหลัง ร่างใหญ่ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าบ่อน้ำปลายหางตามองเสียงที่ดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังก่อนจะหันกลับไปอย่างช้าๆ พลางมองหน้าผู้ที่มาเยือนเขม็ง “มีอะไรซือกงกง”เสียงห้วนสั้นถามกลับไป ร่างสันทัดของผู้อัญเชิญพระราชโองการนามว่าซือหยางเม่าหรือซือกงกง ขันทีคนสนิทของจักรพรรดิหย่งเล่อกำลังก้าวเดินตรงเข้ามาหาหัวหน้าหน่วยตงฉ่างขององครักษ์เสื้อแพร “ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลินยังเหลือรอดอีกสองชีวิตที่ยังค้นหาไม่พบใช่หรือไม่”ซือกงกงถามกลับไป ใบหน้าคมคร้ามพยักขึ้นลงเป็นการยอมรับ “ใช่! ถามทำไมเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมีหน้าที่จัดการตามรับสั่งของฝ่าบาท ท่านเป็นผู้ถวายการรับใช้อย่างใกล้ชิดเหตุใดจึงอยากล่วงรู้นักว่าตระกูลหลินจะมีชีวิตรอดหรือไม่” ซือกงกงยิ้มกว้างออกมาทันทีครั้นถูกตั้งคำถามเช่นนั้น “หามิได้..หามิได้ ใต้เท้าซือหม่า ข้าก็แค่ต้องทำหน้าที่กลับไปรายงานผลให้กับฝ่าบาททรงทราบเท่านั้นเอง เหตุใดจึงต้องตั้งคำถามเช่นนั้นกับข้าด้วยเล่า”กงกงคนสนิทขององค์จักรพรรดิตอบกลับไป รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าครั้นได้ยินเช่นนั้น “อย่างนั้นเหรอซือกงกง”เสียงทุ้มลากยาวหากแต่เน้นหนักพลางยิ้มเหยียดที่มุมปาก “ข้าก็หวังให้เป็นดั่งคำกล่าวของท่านเช่นกันว่าจะทำหน้าที่เพียงแค่นั้น”กล่าวพร้อมเดินออกจากบริเวณบ่อร้าง ตุบ! ฝ่ามือหนาตบลงบนบ่าขันทีคนสนิทขององค์จักรพรรดิ กร๊อบ!!! เสียงคล้ายกระดูกดังลั่นขึ้นมาทันทีพร้อมใบหน้าของขันทีคนดังกล่าวนิ่วหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดีพร้อมเสียงกระซิบเมื่อร่างใหญ่ก้มลงพูดอะไรบางอย่าง “ทำงานเอาใจใส่เช่นนี้น่าชื่นชมเสียจริงนะซือกงกง ข้าก็หวังว่าจะไม่มีสิ่งใดแอบแฝงในการสั่งประหารเก้าชั่วโคตรตระกูลหลินในครั้งนี้”เสียงเย็นยะเยียบทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายได้คิดก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดพร้อมก้าวเดินจากไป หากแต่ในขณะที่กำลังก้าวเดินดวงตาสีนิลกาฬเหลือบมองไปที่บ่อน้ำร้างก่อนจะเดินจากไป ท่ามกลางสายตาของซือกงกงเฝ้ามองตามหลังอย่างแค้นเคือง “หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังนะผู้ช่วยบัญชาการ ซือหม่าเยี่ยคัง”ซือกงกงตะโกนไล่หลังไปติดๆ “มันต้องแน่นอนอยู่แล้ว! เตรียมตัวไปรายงานเอาหน้าเลย”เสียงกร้าวดังก้องสวนกลับมาอย่างรู้ทันเช่นกัน “ฝากไว้ก่อนเถอะซือหม่าเยี่ยคัง! เป็นแค่องครักษ์เสื้อแพรขั้นสี่คิดว่ามีอำนาจมากล้นหรืออย่างไง อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะจองหองหยิ่งผยองไปได้สักกี่น้ำ”ซือกงกงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันภายในบ่อน้ำร้าง เสียงสนทนาดังกล่าวจากเบื้องบนได้ยินอย่างชัดเจน สร้างความหวาดหวั่นให้แก่เด็กน้อยทั้งสองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้องสาวตัวน้อยวัยเพียงสี่ขวบเท่านั้นนางตัวสั่นเทาอยู่ตลอดเวลาภายในอ้อมกอดของพี่สาว ปากของนางยังคงถูกฝ่ามือของหลินลี่ชาปิดเอาไว้ไม่ให้พูดหรือถามอะไรออกมาแม้แต่น้อย ดวงตาสีน้ำตาอ่อนจับจ้องอยู่แต่แผ่นไม้เบื้องบนที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ทาบทับอยู่ตลอดเวลา มีช่องสำหรับอากาศลอดเข้ามาได้บริเวณขอบด้านข้างของแผ่นไม้ทุกด้าน หัวใจเต้นระทึกก่อนจะพบว่าภายในบริเวณดังกล่าวไร้สิ้นเสียงใดๆ จนหมดสิ้น “ไปแล้ว! ไปกันหมดแล้วเจินเจิน”เสียงของคนเป็นพี่กระซิบบอกน้องสาวพลางปล่อยมือที่ปิดปากออกมาอย่างช้าๆ ในขณะที่คนเป็นน้องยิ้มกว้างออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ท่านพี่แล้วเมื่อไรจะได้ขึ้นไปเสียที”หลินซูเจินถามกลับไป “รอคนมาเปิดบ่อเดี๋ยวก็ได้ขึ้นไปแล้ว”ผู้เป็นพี่สาวตอบน้องกลับไปตามความคาดเดาของนาง สองพี่น้องต่างพากันยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อไร้สิ้นเสียงของกลุ่มคนใจร้ายอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นเอง เสียงคล้ายมีคนกำลังยกก้อนหินด้านบนออกพร้อมแผ่นไม้ที่ปิดทับปากบ่อน้ำถูกเปิดออกเพียงเล็กน้อยเห็นเพียงเงาพาดผ่าน สวมอาภรณ์สีแดงปักลวดลายสีทองเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนจะสอดมือและโยนอะไรบางอย่างลงมาที่ก้นบ่อร้างที่มีเด็กหญิงตัวน้อยสองคนแอบซ่อนเร้นอยู่ภายในนั้นติดๆ กัน ฟิ้ววว!!! จู่ๆ ปรากฏสายลมพาดผ่านจนเห็นเสื้อคลุมของคนผู้นั้นสะบัดพลิ้วไหวไปมา พร้อมมีบางอย่างลอยละลิ่วตกลงมาอย่างช้าๆ ก่อนจะกระทบเข้าที่ใบหน้าของหลินลี่ชา พร้อมมือของนางรีบหยิบสิ่งที่ตกลงมาใส่หน้าขึ้นมาพิจารณาท่ามกลางแสงจันทราที่กำลังสาดส่องเข้ามาอยู่ในขณะนั้น “ดอกอวี้หลัน!”หลินลี่ชากล่าวออกมาเมื่อเห็นดอกไม้สีม่วงอยู่ในมือของนางในขณะนี้ “ดอกอวี้หลันของข้าและท่านแม่บานแล้ว”เสียงนั้นบ่งบอกถึงความดีใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะรีบคว้าน้องสาวเข้ามากอดเอาไว้แนบอกพร้อมเอ่ยขึ้น “ดูสิ! มีคนมาเปิดปากบ่อแล้วเดี๋ยวพวกเราก็จะได้ขึ้นไปแล้วเจินเจิน”นางบอกน้องสาวท่ามกลางความดีใจของคนเป็นน้อง “จริงหรือเจ้าคะท่านพี่”หลินซูเจินกล่าวออกมาเต็มไปด้วยความดีใจพลางแหงนหน้ามองปากบ่อที่เห็นเงาของผู้ชายยืนอยู่ แต่แล้วเพียงครู่สองพี่น้องกลับต้องงงงันเมื่อผู้ชายที่ยืนอยู่ปากบ่อน้ำนั้นกลับโยนอะไรบางอย่างลงมาอย่างรวดเร็ว แปะ! แปะ! แปะ! มีบางอย่างตกกระทบก่อนจะกระเซ็นไปทั่วกายของเด็กน้อยทั้งสอง ตุบ! ตุบ! และสิ่งที่ตกลงมาก้นบ่อคือไหบรรจุของเหลวสีดำสนิทกระเซ็นโปรยปรายจนติดไปตามเนื้อตัวของเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองคนท่ามกลางความแปลกใจของสองพี่น้อง “ท่านพี่นั่นมันอะไรเจ้าคะกำลังลอยลงมา”เสียงน้อยๆของหลินซูเจินถามพี่สาวกลับไปด้วยความสงสัย ในขณะที่คนเป็นพี่ก็ไม่ล่วงรู้เช่นกันว่าสิ่งที่กำลังร่วงหล่นลงมานั้นคือสิ่งใดกันแน่ “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันเจินเจิน”หลินลี่ชาบอกน้องสาวก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนั้นในระยะใกล้ เพล้ง! เพล้ง! ไหจำนวนสองใบร่วงหล่นตกกระทบลงพื้นบ่อแตกกระจายพร้อมส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วต่อหน้าสองพี่น้อง กระบอกคบไฟถูกลมเป่าออกจากปากจนปะทุขึ้นก่อนจะโยนลงไปในบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงจากคบไฟพลันร่วงหล่นลงสู่ก้นบ่อก่อนจะสัมผัสถูกน้ำสีดำ ซึ่งก็คือน้ำดินดำหรือน้ำมันนั่นเองก่อนจะเคลื่อนแผ่นไม้มาปิดทับปากบ่อและนำก้อนหินมาวางทับไว้ให้เหมือนเดิม พรึบ! เปลวไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็วทันทีที่สัมผัสถูกกับน้ำดินดำดังกล่าว ฟู้ววววว!!! เปลวเพลิงลุกลามไปทั่วบริเวณก้นบ่อและเริ่มลามเลียแผดเผาร่างเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของสองพี่น้อง “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงร้องเรียกให้ช่วยดังโหยหวนก้องระงมอยู่ภายในก้นบ่อน้ำดังกล่าวเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก กรี้ดดด!!! เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของเด็กน้อยทั้งสองดังเอ็ดอึงอยู่ที่ก้นบ่อ หากแต่ไม่มีใครได้ยินชะตากรรมร้ายของคนทั้งคู่ซึ่งกำลังเดินทางมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ภายในจวนตระกูลหลินบัดนี้เหลือเพียงร่างอันไร้วิญญาณ 226 ศพนอนตายเกลื่อนกลาดไปทุกพื้นที่ในสภาพสยดสยองยิ่งนัก กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มไปหมด บริเวณด้านหน้าประตูจวนค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมคล้องกุญแจและติดป้ายเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ผู้ใดย่างกายเข้าไปเป็นอันขาด ร่างอันไร้วิญญาณเหล่านั้นรอการขนย้ายออกไปจากจวนเมื่อรุ่งเช้ามาเยือน รวมไปถึงซากศพอันไหม้เกรียมที่ก้นบ่อร้างของเด็กน้อยทั้งสองรวม 228 ศพเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกันครบตามจำนวนของพระราชโองการสั่งประหารตระกูลหลินเหยียนเจิ้งเสนาบดีใหญ่ผู้ไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใดและวางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด ท่ามกลางความเงียบงันที่เริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบภายในจวนสกุลหลินเวลานี้ ดอกอวี้หลันสีม่วงที่เพิ่งเบ่งบานต้อนรับฤดูใบไม้ผลิซึ่งจะออกดอกเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น และมีระยะบานสะพรั่งเพียงแค่สิบวัน หากแต่วันนี้ดอกอวี้หลันเพิ่งออกดอกเบ่งบานเป็นวันแรกภายในจวนตระกูลหลินกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อดอกไม้สีม่วงสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมรัญจวนฟุ้งกระจายจนตลบอบอวลไปทั่วบริเวณหลังจวนตระกูลหลิน ซึ่งมีต้นอวี้หลันอีกหลายต้นยืนเรียงรายไปตามขอบแนวกำแพงของจวนล้วนแล้วแต่เป็นดอกสีม่วงทั้งหมด ในเวลานี้ดอกไม้อวี้หลัน กลับพากันพร้อมใจร่วงหล่นลงจากต้นโปรยปรายลงสู่บ่อน้ำร้างที่ตั้งอยู่ใต้ต้นอวี้หลันกันอย่างถ้วนหน้า จนบริเวณปากบ่อเต็มไปด้วยดอกอวี้หลันสีม่วง ดอกไม้ดังกล่าวกำลังส่งกลิ่นหอมออกมามิคลาดคราราวกับว่าต้องการปกป้องดวงวิญญาณเด็กน้อยทั้งสองที่เพิ่งจากไปกับเหตุการณ์ประหารล้างตระกูลหลินเมื่อครู่ที่ผ่านมาชั่วนิจนิรันดร์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD