EP.8 ทำลายมัน
“วาดฟ้าฉัน...”
เขามองใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทว่าด้วยฤทธิ์ยาทำให้หญิงสาวมิได้ดิ้นรนขัดขืน มีเพียงหน้าอกคู่สวยเท่านั้นที่กระเพื่อมไหวราวกับจะหลอกล่อให้เขาลงไปชิดใกล้ เขาโน้มใบหน้าลงกอบกุมมันเอาไว้เต็มมือในขณะที่ลิ้นร้อนตวัดเร้าจนร่างบางสั่นสะท้านลืมความเจ็บปวดจากการล่วงล้ำไปเสียสิ้น เมื่อเธอเริ่มเคลื่อนย้ายสะโพกผายชายหนุ่มก็รับรู้ได้ว่าเธอพร้อมสำหรับเขา
“ไม่ต้องกลัวเธอจะไม่เจ็บ”
“ออกไปนะ! ออกไป!”
ทั้งที่พยายามผลักไส แต่ยิ่งขยับกายกลับยิ่งรู้สึกวาบหวาม ทว่าความเจ็บยังไม่จางหายเธอสะอื้นฮักจนไหล่บางสั่นเทา ในขณะที่เทวาขบกรามเข้าหากันเป็นสันนูน สองมือจับที่ไหล่เธอเอาไว้แล้วบีบแน่น
“อย่าเพิ่งดิ้น ถ้าไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้”
“ไม่!”
วาดฟ้าไม่ฟังสิ่งใดทั้งสิ้นเธอดิ้นรนและขัดขืน เทวาตัดสินใจแนบกายลงกอดเธอ กดทับแขนขาเอาไว้ไม่ให้เธอขัดขืน รอจนมั่นใจว่าหากเขาเริ่มขยับความเจ็บปวดคงเลือนหาย เขาจึงค่อยๆ ขยับสะโพกสอบ
ร่างบางผวา ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาแล้วหลับพริ้มลงเมื่อเขาขยับเป็นจังหวะกระชั้น เร่งจังหวะให้เร็วแรงตามแรงปรารถนาที่อัดแน่น หญิงสาวส่ายหน้าหายใจหอบไม่เป็นส่ำ แต่กลับกอดเขาไว้ปล่อยกายและใจล่องลอยไปกับจังหวะร้อนที่ชายหนุ่มรังสรรค์มันขึ้นราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาพาเธอขึ้นไปแตะโค้งขอบฟ้าท่ามกลางหมู่ดาวระยับยามค่ำคืนครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างบางผล็อยหลับไปในที่สุด
เทวาลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์สมาร์ตโฟนซึ่งเขานำมันมาแอบไว้ในแจกันดอกไม้ในช่วงที่แขกเหรื่อกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนานเพื่อแอบถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน เขาปิดการบันทึกวิดีโอแล้วกดดูวิดีโอที่อัดไว้แล้วหยักยิ้มอย่างพอใจ สวมเสื้อผ้าอย่างไม่เร่งรีบเหลือบมองร่างบางที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
สาวเท้าเข้าไปที่ปลายเตียงพิศมองใบหน้าหวานที่ยังคงหลับใหลจากทั้งฤทธิ์ยาและความอ่อนเพลียจากบทรักที่ไม่เคยริลอง
“วาดฟ้า”
เทวารำพันชื่อหญิงสาวแผ่วเบา กำมือเข้าหากันแน่นพลางถอนหายใจราวกับกำลังหักห้ามความรู้สึกบางอย่างก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องหอไปอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไปหรือเทวา แม่เห็นเราเอาแต่ยืนมองไปทางบ้านหลังนั้นอยู่เป็นนานสองนาน คิดอะไรอยู่”
แพรวดีเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังบุตรชาย มืออวบอูมแตะที่แผ่นหลังแผ่วเบา เมื่อสังเกตว่าบุตรชายดูเงียบขรึมผิดไปจากเดิม หรืออาจเป็นเพราะตำแหน่งประธานบริษัทเทเวศร์ไพศาลที่เขารับผิดชอบอยู่นั้นจะหนักเกินไปสำหรับคนหนุ่มวัยสามสิบอย่างเทวา ถึงกระนั้นตลอดห้าปีที่ชายหนุ่มเข้าบริหารงานอย่างเต็มตัว บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ก็แข็งแกร่งมั่นคงในยุคที่เศรษฐกิจต้องห้ำหั่นชิงไหวชิงพริบอยู่ตลอดเวลา ถ้าเช่นนั้นแล้วสาเหตุใดกันที่ทำให้บุตรชายอันเป็นที่รักของเธอหมองเศร้า...
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มหันกลับมาส่งยิ้มให้มารดา
ในความรู้สึกของเทวา แพรวดีคือมารดาผู้น่าสงสาร กี่ปีที่ต้องทนแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้ เมื่อสามีจอมเจ้าชู้ริอ่านมีเมียน้อยจนมีพยานรักออกมาประจานความสัมพันธ์ ทรรศนัยหลงเมียน้อยจนขอหย่ากับแพรวดี กว่าหลายปีที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาไม่เคยมีความหมาย เพียงเท่านั้นคงไม่เสียใจเท่าการที่ทรรศนัยสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่ โดยมีอาณาบริเวณบ้านติดกันราวกับจะเย้ยหยันให้แพรวดีจมจ่อมอยู่กับความทุกข์โศกคืนแล้วคืนเล่า
‘เทวาลูกต้องเกลียดมัน ลูกต้องทำลายบ้านนั้นอย่าให้มันเสวยความสุขอยู่บนความทุกข์ของแม่’
เทวายังจำได้ฝังใจมารดาร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด เฝ้ารำพันบอกให้เขาเกลียดชังคนบ้านเล็ก จากเดือน...ผ่านไปนับปี เขาเฝ้ารอที่จะชำระแค้นพวกบ้านเล็กด้วยความกระหาย แล้ววันนี้ก็มาถึง แค่เพียงเขาส่งคลิปวิดีโอไปให้คนเหล่านั้นดู เขาก็จะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง
แต่ทำไม...ทำไมเขากลับรั้งรอ ราวกับประวิงเวลาเอาไว้
“จะไม่มีได้ยังไง แม่เห็นลูกยืนเพ่งมองไปยังบ้านโน้นเป็นนานสองนาน”
“ไม่มีจริงๆ ครับ ผมจะโกหกคุณแม่ทำไม”
ชายหนุ่มหันมาโอบเอวมารดา จำต้องโกหกเพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจกับสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไป มารดาผู้แสนอ่อนโยนไม่ควรต้องได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอีกแม้แต่นิดเดียว
“ไม่มีก็ดีแล้ว แม่ไม่อยากให้ลูกไปยุ่งกับคนบ้านโน้น เขาร้ายกับเรายังไงลูกก็เห็น พูดแล้วมันเจ็บที่อก”
แพรวดียกมือขึ้นกุมหน้าอก ยังคงเจ็บปวดแม้เพียงแค่คิดถึง ชายผู้เป็นเจ้าของดวงใจแต่กลับปันใจให้หญิงอื่นแล้วทอดทิ้งเธออย่างสิ้นเยื่อขาดใย
“แน่นอนที่สุดครับคุณแม่ ผมไม่เคยลืม”
ดวงตาคมกร้าวแสดงถึงความเคืองแค้นที่สะสมมานานปี แพร วดีเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้างกอดบุตรชายเอาไว้แน่น
“เทวา...แม่มีลูกเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว หากไม่มีลูกแม่คงเหมือนอยู่ตัวคนเดียวไม่เหลือใคร”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับคุณแม่”
ชายหนุ่มประคองมารดากลับเข้าไปในบ้าน แล้วนั่งลงบนโซฟาสีเข้ม
“ผมไม่มีวันทิ้งคุณแม่ไปไหน”
ชายหนุ่มกระชับมืออวบอูมที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา แล้วบีบเบาๆ ราวกับเป็นการสัญญาว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ
“แล้วนี่ได้ข่าวเรื่องแทนไทแต่งงานบ้างหรือเปล่า จัดงานเสียใหญ่โต เปิดเพลงเสียงดังจนแม่แทบนอนไม่ได้”
แพรวดีบ่นเกินจริงไปนิด เพราะความจริงแล้วเธอได้ยินเสียงเพลงลอยตามลมมาเป็นระยะเท่านั้น แต่ด้วยความจงเกลียดจงชัง ไม่ว่าคนบ้านเล็กทำอะไร เธอเป็นต้องคอยสอดส่องอยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง หลายครั้งที่เธอแกล้งไปยืนอยู่ใกล้ๆ บริเวณรั้วเฝ้าแอบมองทรรศนัยอยู่ห่างๆ เธอยังคงรักเขาและไม่มีวันหมดรักไปง่ายๆ แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นเขา มักมีนังนวลพรรณคอยยืนอยู่เคียงข้างเสมอ เธอทำได้แค่เพียงก้มหน้ายอมรับความเจ็บปวดและพ่ายแพ้ กัดริมฝีปากจนห้อเลือดแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ