Because of love เพราะรัก 4
“กลับไปทานต่อสิ” ฉันบอกเซ็น แต่เขายังไม่ตอบแต่ทั้งจานช้อนตะเกียบแก้วน้ำของเขาถูกยกมาวางที่ตรงหน้าเขาโดยมีเพื่อนๆของเขาและเพื่อนของฉันคอยช่วยอย่างรู้งาน ในนั้นมันร้อนเหรอทำไมเขาถึงย้ายออกมานั่งตรงนี้
“พูดมาก”
“อ้าว!?”
“รีบทานมันเย็นหมดแล้วยัยหมู” ดูเถอะ ดูเขาว่าให้ฉัน!
“ไม่หมู!”
“เออแปลก พอไปอยู่ด้วยกันล่ะทะเลาะกัน ทีอยู่ห่างล่ะชะเง้อหน้ามองเขา จะทำอะไรก็เลือกสักอย่าง” เท็นส่ายหน้าไปมาอย่างระอา ส่วนพริกไทยก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอะไรสักอย่างส่วนหลิวก็ลอบมองฉันกับเซ็นขำๆ น้องๆของเซ็นก็มองมาทางเราก็ทำหน้าเขินบ้างยิ้มบ้างแต่คนที่รู้สึกว่าจะไม่พอใจคงมีเพียงคนเดียวนั่นแหละ
“เอาเห็ดเข็มทอดอีกไหม” เซ็นถามมือก็คีบหมูมาใส่จานให้
“หือ? ไม่ๆไม่แล้วจะกินหมู”
“กินเพื่อนตัวเองอ่ะนะ”
“เซ็น เราจะโกรธแล้วนะ” ฉันว่างอนๆ แต่คนตัวโตที่นั่งคีบหมูมาให้กลับหัวเราะแทนเสียอย่างนั้น
“โกรธอะไรเราล่ะ?” เซ็นยังลอยหน้าลอยตาถาม ด้วยความหมั่นไส้ฉันเลยตีที่ต้นขาเขาแรงๆไปก่อนจะนั่งเงียบไม่ยอมคุยกับเขา และหันไปคุยกับเพชรที่นั่งอยู่ข้างๆแทน
“โกรธอะไรกันอีก” เพชรถามอย่างไม่เข้าใจ
“เปล่านี่”
“มันดูวิธีกดบัตรคอนให้เธอทุกครั้งที่ว่างเลยนะ มันกลัวกดไม่ได้แล้วเธอจะโกรธมัน” จริงเหรอ รู้สึกผิดจังที่ทำให้เขาลำบากขนาดนี้
“คุยอะไรกัน ทำไมต้องยื่นหน้าไปชิดขนาดนั้น” เฮ้อ เซ็นนี่ยังไงกันฉันยังไม่ทันจะได้คุยกับเพชรเลยนะทำไมต้องมาทำเสียงดุใส่แบบนั้นด้วย
“พี่เซ็นคะ หนูอยากเข้าห้องน้ำพี่ไปเป็น...”
“ให้น้องรหัสเราพาไปแล้วกัน มันดูไม่ดีถ้าไปกับพี่”
“ค่ะ” น้องคนนั้นรับคำอย่างไม่พอใจ กระทั่งเธอเดินออกไปผักบุ้งถึงได้เอ่ยปากพูด
“เขาชอบแกนะเซ็น”
“รู้ แต่จะให้ทำยังไงล่ะนั่นน้องรหัสเรา ไม่ต้องคิดมากนะมันไม่มีอะไร” ประโยคสุดท้ายเซ็นมองหน้าฉันอย่างจริงจัง ส่วนฉันก็จ้องเขากลับ อะไรบางอย่างทำให้ฉันแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาตั้งใจจะบอกฉันและเผลอพยักหน้ารับ
“เสร็จแล้วจะไปไหนไหม จะได้กลับพร้อมกัน”
“เรากลับกับบุ้งได้” ฉันปฏิเสธเสียงเบา กลัวว่าเขาจะโกรธเหมือนเมื่อเช้า
“ไม่ค่ะ! ไม่ให้กลับด้วยกลับไปพร้อมเซ็นนั่นแหละ”
“อ้าว?” ไหงมาทิ้งกับแบบนี้ล่ะ
“ไม่ต้องมาอ้าว จะไปหาผู้ต่อ”
“จำไว้เลยนะ จำไว้เลย” ฉันมองบุ้งงอนๆแต่รายนั้นแค่หัวเราะสะใจ ไม่รู้สะใจที่ทำฉันเคืองได้หรือสะใจที่เห็นใบหน้าบึ้งตึงไม่พอใจของน้องรหัสเซ็นที่เดินกลับมาแล้วได้ยินพอดี
“กลับด้วยกันนี่แหละ จะแวะไหนค่อยบอกแต่ขอไปส่งน้องก่อนนะ”
“อือ ขอกลับด้วยแล้วกันนะ”
“ได้ แล้วอยากแวะไหนก่อนกลับ” ปากขยับถามมือก็คีบเนื้อหมูมาใส่ปากให้เรียกว่ายัดจะง่ายกว่านะถ้าจะทำแบบนี้น่ะ
“อิ่มอ่า อร่อยสุดๆไปเลย” เพื่อนฉันต่างเอนหลังพิงเก้าอี้มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรอส่วนฉันก็เริ่มอิ่มแล้วและตอนนี้กำลังทานของหวานอยู่ เซ็นกลับไปนั่งที่เดิมได้สักพักแล้วส่วนฉันก็ไม่ได้อะไรกับเขาต่อส่วนมากจะหันไปคุยกับเพื่อนตัวเองเสียมากกว่า
“กลับกันเถอะ”
“ปะๆ”
เพื่อนเริ่มทยอยเดินออกจากร้านหลังจากที่จ่ายเงินเสร็จ ฉันเดินตามเซ็นไปที่รถไม่รู้คนตัวสูงคุยอะไรกับน้องของเขาบ้างแต่เขาก็ยังชะลอเท้ารอฉันกระทั่งเราเดินอยู่ข้างกัน เจ้าของร่างสูงยังคุยกับน้องเขาทั้งชายและหญิงที่มีกันอยู่ทั้งหมดห้าคนชายสามหญิงสอง เซ็นยกมือขึ้นบังเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาให้
“รีบเดินฝนเริ่มตกแล้ว” เซ็นดึงมือให้เดินเร็วขึ้นกระทั่งมาถึงรถเขาก็ปลดล็อครถแล้วเปิดประตูรถด้านหน้าคู่คนขับให้ฉันเข้าไปนั่ง ส่วนน้องๆของเขาก็รีบขึ้นบนรถเพราะฝนเริ่มเทลงมาถี่ๆ เซ็นเปียกนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่วายหันมาเช็คว่าฉันเปียกมากหรือเปล่า แต่อยากจะถามนะว่าฉันจะเปียกได้ยังไงในเมื่อเขาผลักให้ฉันขึ้นรถมาก่อนที่ฝนจะตก
“เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่หอนะ”
“ครับ//ค่า”
“เฮีย”
“ว่า?” เสียงน้องผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังเอ่ยเรียกเซ็น ห้าคนนั่งด้านหลังได้นี่สุดยอดมากเลยนะดีที่น้องตัวเล็กๆกันอีกอย่างเซ็นใช้ฟอร์จูนเนอร์เลยกว้างพอให้น้องได้นั่งกัน
“เฮียกับพี่ต้นเป็นแฟนกันปะ?” หือ? ต้นไหน หมายถึงฉันหรือเปล่าหรือว่าไม่ใช่ ฉันหันไปมองเซ็นแต่เขาก็แค่ทำหน้านิ่งๆใส่ฉัน
“คิดว่าไงล่ะ”
“โห เฮียตอบน้องหน่อยดิ ผมนี่อยากรู้ใจจะขาด” น้องคนที่อยากรู้ยังรั้นที่จะถามต่ออยากอย่างรู้
“หึหึ ไม่บอก อ้าว ถึงแล้วพูดมากลงคนแรกเลย”
“เฮียใจร้ายว่ะ ขอบคุณนะเฮียที่พาไปเลี้ยง”
“อือ รีบเข้าหอฝนมันตก”
“ครับสวัสดีครับเฮีย สวัสดีครับซ้อต้น” เดี๋ยว!! ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินน้องเรียกแบบนั้น มาเรียกฉันซ้อได้ยังไงฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเฮียพวกเขานะ
“ที่เหลือลงจุดเดียวกันใช่ไหม”
“ค่า/ไม่”
“หือ? ยังไงจะลงไหนบ้างพี่จะได้จอดถูก”
“ลงที่เดียวกันหมดนั่นแหละพี่ พี่จะได้กลับไปพักมันดึกแล้ว”
“ก็ได้ ต้นง่วงเหรอ?” ท้ายประโยคเซ็นถามเสียงนุ่ม มือก็เอื้อมมาลูบผมฉันเบาๆแอบเนียนทาบหลังมือลงบนหน้าผากฉันด้วย
“อื้อ อิ่มอ่ะ”
“สมควรแล้วเหอะ นอนไปเถอะรถคงติดตอนกลับบ้านอ่ะ”
“งั้นเรานอนนะ”
“ครับ”
ฉันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะหลับตา นี่แหละวิถีคนอ้วนกินแล้วนอนอีกหน่อยก็จะกลายเป็นหมูอย่างสมบูรณ์แบบ แต่พอจะนอนจริงๆกลับนอนไม่หลับก็นะมันแปลกที่นี่ เซ็นชะลอรถและจอดที่หน้าหอพักแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณนะคะพี่เซ็น ฝากสวัสดีซ้อด้วยนะคะ”
“ได้ๆ รีบเข้าหอล่ะฝนมันตก”
“ค่า//ครับ”
“หนูขอติดรถไปลงหน้าม.ได้ไหมคะ หนูนัดเพื่อนไว้”
“ได้สิ ต้นถ้าไม่นอนก็นั่งดีๆเดี๋ยวก็เวียนหัว” อ้าว ดุเฉยเลย ฉันยอมขยับตัวนั่งดีๆอย่างที่คนปกติจะนั่งนั่นแหละ เรานั่งเงียบกันทั้งสามคนฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ อากาศในรถก็เย็นเสื้อนิสิตที่สวมอยู่ทั้งบางและเปียกนิดๆด้วย
“หนาวเหรอ? เอาเสื้อไปคลุมไว้ก่อน” เสื้อแขนยาวสีดำของเซ็นปลิวมาคลุมทั้งศีรษะฉัน
“ให้ดีๆไม่เป็นหรือไง”
“งอนอีก” เซ็นยังหัวเราะได้ แต่ดูฝืนๆยังไงชอบกล
“พี่เซ็นเป็นหนูไม่ได้เหรอ? เป็นหนูได้ไหมที่นั่งอยู่ข้างๆพี่”
“พี่เคยบอกไปแล้วไงว่าพี่คิดกับเราแค่น้อง อย่าทำให้พี่อึดอัดไปมากกว่านี้เลยนะ” เอ่อ ฉันควรแกล้งหลับไหมทำไมประโยคสนทนาของสองพี่น้องสายรหัสถึงได้ดูเคร่งเครียดกันมากขนาดนี้อีกอย่างฉันยังเป็นคนนอกด้วย
“พี่เซ็น...”
“พอเถอะ ถ้ายังเป็นแบบนี้อีกแค่คำว่าพี่น้องสายรหัสมันก็จะไม่เหลือ อย่าทำให้พวกพี่ลำบากใจ”
“...”
“ถึงแล้วลงไปเถอะ”
“พี่เซ็น...”
“ถ้าคิดมากกว่าพี่น้อง เราก็ไม่ต้องติดต่อกันอีกลงไปเถอะแฟนพี่ง่วงแล้ว” เขามีนัดกับแฟนต่อหรอกเหรอ แล้วแบบนี้แฟนเขาจะไม่ว่าเหรอที่ฉันกลับกับเขาแบบนี้ ฉันควรจะบอกเขาไหมว่าฉันกลับเองได้ให้เขารีบกลับไปหาแฟนเขา
“พี่ต้นมีอะไรดี ทำไมต้องเป็นพี่ต้น”
“เขาดีกว่าเราทุกอย่าง” เกิดความเงียบหลังจากประโยคนั้นของเซ็นสิ้นเสียงไป เสียงสะอื้นฮักของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีไปด้วยเลย แต่จะว่าไปต้นอีกแล้ว แฟนเขาชื่อต้นเหรอบังเอิญแฮะที่ชื่อแฟนเขาเหมือนกันชื่อฉันเลย
“จอดป้ายนรถเมล์ข้างหน้าก็ได้ เรากลับเองได้” เมื่อน้องคนนั้นวิ่งลงจากรถไปเซ็นก็ค่อยๆเคลื่อนรถอย่างไม่เร่งรีบแต่มันเงียบจนน่าอึกอัดฉันเลยตัดสินใจเอ่ยประโยคนั้นออกไปแต่ก็มิวายที่จะโดนดุกลับมา
“นั่งดีๆกระโปรงมันสั้น” เขาตีมึนดุมา แต่เมื่อกี้เขาได้ยินฉันหรือเปล่านะ
“เราบอกว่าให้นายจอดป้ายรถเมล์ข้างหน้าได้ยินหรือเปล่า”
“ได้ยิน” ได้ยินแล้วทำไม ทำไมขับเลยป้ายล่ะ!!
“เลย เลยป้ายแล้วอ่ะเซ็น!”
“ก็กลับด้วยกันนี่แหละ”
“แต่...”
“ถ้าพูดอีกจะดุแล้วนะ”
“แล้วก่อนหน้านี้ไม่ได้ดุหรือไงเล่า” ฉันบ่นงึมงำอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดเสียงดังเพราะกลัวว่าเขาจะดุตามที่พูด ตลอดทางที่รถติดเราทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนักแต่มันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอย่างตอนแรก
“อยากเปิดเพลงไหม”
“เปิดได้เหรอ” ฉันถามกล้าๆกลัวๆ
“ได้”
ฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองแล้วต่อเข้ากับรถยนต์เพลงที่คุ้นเคยดังขึ้นเบาๆ เขาอนุญาติให้ฉันเปิดเพลงเองนะถือซะว่าปั่นวิวในยูทูปไปในตัว ระหว่างที่รถติดไฟแดงเกือบสามร้อยวิเซ็นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่กันแน่ ส่วนฉันก็นั่งฟังเพลงของกัซเซเว่นอย่างสบายอารมณ์
“ผังยังไม่ออกอีกเหรอเนี่ย ไม่รอให้ถึงวันกดเลยล่ะแล้วค่อยออกน่ะ” พูดออกมาอย่างหงุดหงิดผู้จัดงานเป็นแบบนี้ตลอดเลย การ์ดก็แย่ถ้าไม่ใช่น้องนะจ้างให้ก็ไม่ไปหรอก เฮอะ! พูดแล้วหงุดหงิด แต่คนหัวร้อนใช่ว่ามีแค่ฉันนะคนอื่นๆคงรู้สึกไม่ต่างกัน
“หัวร้อนแล้วๆ” เซ็นแซ็วขำๆมือหนายกขึ้นลูบผมฉันเพื่อให้คลายความหัวร้อน และมันก็ได้ผลซะด้วยเมื่อฉันเปลี่ยนจากหัวร้อนเป็นตกใจและใจเต้นแรงๆแทน
“เซ็น”
“หือ?”
“แฟนนายชื่ออะไรเหรอ” ฉันถามอย่างอยากรู้ อย่าเรียกว่าเสือกนะขอใช้คำว่าใส่ใจจะน่าฟังมากกว่า
“ไม่มีหรอก”
“หือ? ไม่มีได้ไงก็น้องนายบอกว่าแฟนนายชื่อต้น...” ชื่อเหมือนฉันด้วย
“เอาน่า ก็ถ้าน้องมันบอกว่าเธอเป็นแฟนเราก็เออออตามไปหน่อยแล้วกัน”
“ได้ไงล่ะ ถ้าแฟนนายมาได้ยิน...”
“ยังไม่มีแฟนแต่น้องและคนที่เข้ามาจีบเข้าใจว่าเธอคือแฟนเรา”
“ฮะ?” เซ็นไม่ตอบอะไรกลับมาอีกและเอาแต่เงียบ แต่มุมปากยกยิ้มกรุ้มกริ่มยังไงชอบกล
“ถึงแล้วรีบอาบน้ำนอน พรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ” เซ็นจอดรถและปุบปับเก็บของไม่รอให้ฉันได้ถามอะไรต่อ ฉันที่ลงรถหลังเขาพอปิดประตูก็วิ่งตามไปหวังจะถามแต่ในเมื่อเขาไม่อยากตอบฉันถามไปก็ได้เพียงแค่ความเงียบกลับคืนมา กระทั่งเรามาถึงหน้าห้องเซ็นทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่กระทั่งเขาเอ่ยขึ้นมาเร็วๆพร้อมกับใบหูแดงๆนั่นเขาไม่รอฟังกระทั่งคำตอบเมื่อเอ่ยจบร่างสูงก็รีบเข้าห้องทันทีราวกับกลัวว่าฉันจะถามอะไรออกไปให้เขาเขินมากกว่าเดิม
“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด...”
“...”
“งั้นเรา...”
“...”
“เป็นแฟนกันนะ...”