Because of love เพราะรัก 3
นี่มัน ถึงฉันนี่แล้วใครกันที่ซื้อมาแขวนไว้แบบนี้แล้วยังบอกว่าอย่ากินแต่มาม่างั้นเหรอหรือว่าจะเป็นเพื่อนฉันที่เอามาแขวนไว้ ฉันรีบเอาถุงเซเว่นกลับเข้าห้องก่อนจะถ่ายรูปแล้วส่งเข้าไปถามเพื่อนในกรุ๊ปไลน์ที่มีแต่พวกฉัน แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเพื่อนบอกไม่รู้เรื่องแล้วยังถามอีกว่าพอจะเดาออกไหมว่าใครซื้อมาแขวนไว้ ถ้าฉันรู้ฉันจะถามพวกแกไหมเนี่ย!
เมื่อเพื่อนไม่มีวี่แววจะหลุดอะไรออกมาฉันจึงเดินเอาถุงข้าวไปใกล้ตู้เย็นแล้วจัดแช่ไว้ นับดูแล้วก็ยี่สิบกล่องเยอะมากแทบจะล้นตู้เย็นเอามาแช่แต่ฉันก็ไม่กล้ากินหรอกเพราไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามากลัวตายเหมือนกันนะ อีกอย่างเห็นฉันเป็นคนยังไงถึงต้องซื้อข้าวแบบนี้มาไว้ให้ ถึงฉันจะติ่งแต่ไม่เคยขอใครกินนะ! ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนซื้อฉันจะรีบเอาไปคืนเขาทันทีเลย
ตลอดทั้งคืนฉันก็นั่งทำงานที่ค้างสลับกับเล่นโทรศัพท์ พรุ่งนี้เรียนบ่ายดังนั้นฉันจึงนอนดึกได้ เกือบตีสองฉันก็สะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงตึกๆ แล้วยังมีเสียงครวญครางอีก ห้องข้างๆอีกฝั่งห้องใครกันนะฉันรู้แค่ว่าเป็นผู้หญิง แต่พวกเขาจะมาสอนภาษากันตอนนี้ไม่ได้นะฉันจะนอน
“บ้าจริง!” ฉันหงุดหงิดไปหมดเวลาอยากจะนอนพักก็มักจะมีเรื่องแบบนี้เข้ามาทำให้หงุดหงิด
Tonson ID
2 mins
เพิ่งรู้ว่าข้างห้องมีสอนภาษากันตอนตีสอง
23likes 21comment
Xx xx เดี๋ยว!! มันคืออัลไล
Xx xx เห้! มีแบบนี้ด้วย
Xx xx ที่ไหนพี่จะไปเรียนด้วย
พี่เพชร คนดี @Napart Sen มึงนัดใครไปสอนภาษา!
Napart Sen นัดเห้อะไรล่ะ กูซ้อมกดบัตรให้เขาอยู่
พี่เพชร คนดี เชี่ย กูดีใจแทน @Tonson ID
Napart Sen หุบปาก จะแท็กเขาทำไม
Tonson ID ขอบคุณน้า ^_^
Napart Sen นอนหลับไหม @Tonson ID
Tonson ID อื้อ กำลังจะเปิดเพลงแล้วนอน
Napart Sen นอนไม่หลับก็บอก
พี่เพชร คนดี ขอโทษนะครับ กูยังอยู่สนใจกูด้วย!!
*ครืด ครืด ครืด*
แรงสั่นขอโทรศัพท์ฉันดังขึ้นระหว่างที่พลิกตัวไปมาอย่างหงุดหงิด ก็ไอ้ห้องข้างๆยังไม่มีวี่แววจะหยุดน่ะสิ ฉันหยิบโทรศัพท์มารับสายอย่างสงสัยเมื่อเห็นชื่อที่โทรเข้ามา
(หลับยัง มานอนนี่ไหม) เซ็นถามมาน้ำเสียงกังวลทั้งยังได้ยินเสียงคลิกเม้าส์มาให้ได้ยิน
“ไม่เป็นไร”
(พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ มาจะได้นอนเราเล่นเกมอยู่ไม่นอน)
“แต่เรา...”
(มาเลย)
“บ่นๆ บังคับกันจริง อยู่ห้องไม่มีใครคุยด้วยหรือไง”
(ก็อยู่คนเดียวจะให้คุยกับใคร)
ฉันบ่นงึมงำอย่างหงุดหงิดแต่ก็ยอมคว้าคีย์การ์ดกับโทรศัพท์เดินออกไปห้องข้างๆ ฉันเคาะห้องอยู่แปบหนึ่งเซ็นก็เดินหัวยุ่งๆมาเปิดประตูให้ ฉันพร้อมจะหลับแล้วตอนนี้
“เล่นเกมอยู่ เข้าไปนอนในห้องก็ได้”
“นอนโซ...”
“ไปนอนในห้อง เปิดแอร์ให้แล้ว”
ทำไมพักหลังๆมาเขาใจดีล่ะฉันได้แต่สงสัยขาก็ก้าวเข้าห้องนอนเขาอย่างกล้าๆกลัวๆแต่ภายในห้องนอนมีเพียงไฟบนหัวเตียงเท่านั้นที่เปิดอยู่ รอบๆมันสลัวฉันมองไม่ชัด ใช่ว่าไม่เคยมาค้างนี่นา อย่านะอย่าคิดอะไรแปลกๆกันเชียวก็มีช่วงหนึ่งที่มีโรคจิตมาเคาะห้องตอนกลางคืนอ่ะช่วงนั้นเซ็นเลยอาสาแกมบังคับให้ฉันมาค้างห้องเขาส่วนเขาเองก็ไปนอนที่ห้องฉันแทน ก็เกือบๆเดือนนั่นแหละถึงได้ย้ายกลับไปนอนห้องตัวเอง แต่ตอนนั้นมันฉุกเฉินนี่ตอนนี้มันเลยดูแปลกไปที่เขาให้มานอนที่นี่เพียงเพราะห้องข้างฉันอีกด้านเล่นจ้ำจี้กัน
“หลับยัง” เกือบครึ่งชั่วโมงฉันก็เริ่มที่จะง่วง กลิ่นผ้าห่มสะอาดๆนี่มันดีต่อใจจริงๆนะ เพราะมันทำให้ฉันอยากจะนอนหลับไปยาวๆ เสียงพึมพำดังขึ้นข้างๆฉันอยากจะลืมตามองแต่ก็ฝืนตัวเองไม่ไหวเลยสัมผัสได้เพียงสัมผัสอุ่นๆที่หน้าผากก่อนจะผล็อยหลับไป
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงเซ็นดังทักเมื่อฉันขยับตัวและลุกนั่งบนเตียงนอนมึนๆ แอบสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นร่างสูงเปลือยท่อนบนยืนอยู่มุมห้อง
“อื้อ ขอบใจนะที่ให้นอน”
“ไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวจะได้ออกไปเรียนพร้อมกัน” ได้ข่าวเรียนคนละคณะนี่ จะไปพร้อมกันยังไงเรียนก็ไม่พร้อมกัน เลิกก็ไม่พร้อมกัน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเองขอบใจนะ”
“...”
สีหน้าแววตานิ่งๆนั่นมันอะไรกัน ฉันทำอะไรผิดอีกแล้วใช่ไหม ฉันมองเซ็นอย่างไม่เข้าใจก่อนจะรีบกลับห้องตัวเองใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่นานกว่าจะเสร็จ ตอนที่ออกจากห้องฉันไม่กล้าที่จะมองห้องเซ็นด้วยซ้ำเพราะความรู้สึกผิดที่ทำตัวไม่ดีในตอนเช้า ฉันมาถึงมหาลัยก่อนเวลาเรียนเกือบสามสิบนาทีพอถึงเพื่อนก็ดึงแขนให้นั่งพร้อมกับซักฟอกเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ
“ทะเลาะกับเซ็นเหรอ?”
“มึงกับเซ็นทะเลาะกันเหรอ?”
“อะไร? ทะเลาะอะไรไม่ได้ทะเลาะ” ฉันตอบไป ในใจก็เริ่มไม่มั่นใจว่าไม่ทะเลาะจริงหรือเปล่า เพราะเมื่อเช้าเขาก็มึนๆใส่
“จริงเหรอ แล้วนี่คืออะไร” พริกไทยยื่นโทรศัพท์มันมาให้ดู ฉันรับมาก่อนจะดูสิ่งที่เพื่อนต้องการให้ดู รูปกับข้าวและจานข้าวสองใบฉันจะไม่อะไรเลยถ้าแคปชันที่เขาใช้มันไม่ดูตัดพ้อจนฉันรู้สึกไม่ดี ***ตื่นมาทำให้แต่ก็ได้รับเพียงคำปฏิเสธ*** ฉันจ้องแคปชันนั้นอยู่นานและตั้งใจจะยื่นโทรศัพท์คืนเพื่อนแต่ปลายนิ้วดันปัดกลับไปหน้าหลักไอจีของเซ็นเสียอย่างนั้น อยากจะไม่สนใจอยากจะเมินถ้ารูปที่อยู่ในหน้าไอจีเขาถ้าไม่ติดตรงที่ว่าในนั้นไม่มีรูปฉันอยู่ด้วย บางรูปก็เป็นแขน มือ ด้านหลัง กระเป๋าหรือเสื้อที่ฉันเคยใส่ ใครจะบ้าจำสิ่งของที่ตัวเองใช้ไม่ได้ล่ะ นี่ไอจีเซ็นจริงๆใช่ไหมทำไมทุกรูปมันเกี่ยวกับฉันแบบนี้ล่ะถึงแม้จะปรับเป็นขาวดำแต่ฉันก็มั่นใจว่านั่นคือฉัน
“เชี่ย! มึงกดเข้าหน้านี้ทำไมวะ”พริกไทยร้องลั่น มือก็ดึงโทรศัพท์ออกจากมือฉัน เพื่อนรู้เหรอที่เซ็นอัปรูปพวกนั้นลงในไอจี แต่จะว่าไปก็คงจะรู้แหละพวกเขาติดตามกันอยู่ มีเพียงฉันสินะที่เขาไม่อนุมัติให้ติดตามเพราะไอจีเขาตั้งเป็นส่วนตัวไว้
“ขอโทษมือมันไปโดน ไปเรียนเถอะจะถึงเวลาแล้ว” ตอนนี้ในใจมีเพียงคำถามที่ดังวนไปมาข้องใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น เพื่อนฉันก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป คิ้วขมวดเครียดกัน ส่วนฉันก็เรียนๆเหม่อๆไม่เข้าใจที่อาจารย์สอนเลยสักอย่าง
“ต้น”
“หือ?”
“ไม่ได้โกรธพวกเราใช่ไหม” ผักบุ้งถาม
“โกรธ? อะไรทำไมเราต้องโกรธด้วยล่ะ”
“เรื่องเซ็น...”
“ไม่หรอกน่า มันไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมากสิ” ปลอบเพื่อนไปในใจก็ว้าวุ่น กระทั่งถึงเวลาเลิกเรียนก็สี่โมงครึ่งเรานัดกันไปทานข้าวล่ะเมื่อวานจำได้ไหม ฉันนั่งรถไปกับผักบุ้งพอถึงร้านจู่ๆฝนก็เทลงมาเทลงมาแรงมากเรานั่งตกใจอยู่ในรถกระทั่งมีคนกางร่มเข้ามาใกล้และเคาะกระจกนั่นแหละถึงได้มีสติ
“ลองเปิดใจบ้างเผื่อจะเห็นว่ามีใครพร้อมใจดูแลมึงต้นสน” ผักบุ้งเอ่ยขึ้นเปรยๆก่อนจะยิ้มอย่างให้กำลังใจ ฉันเปิดประตูรถแต่ก็เปียกเพียงเล็กน้อยเมื่อเซ็นยื่นร่มมาบังเม็ดฝนให้
“เอาให้บุ้งหน่อย” เซ็นยื่นร่มอีกคันให้ฉันและฉันก็ไม่รอช้าที่จะส่งร่มให้เพื่อน
“ขอบใจค่ะชะนี”
ฉันลงจากรถโดยมีเซ็นกางร่มให้และเราก็เบียดกันอยู่ในร่ม เซ็นเบี่ยงร่มมาฝั่งฉันเยอะจนเป็นเขาเองที่เปียกฉันเลยจับที่ด้ามจับและดันคืนให้อยู่กึ่งกลางระหว่างเราทั้งสองคน
“เรื่องข้าวเมื่อเช้า ขอโทษนะ”
“...”
“เซ็น” ฉันเรียกอีกฝ่ายเสียงอ่อย
“อือ ไม่เป็นไรหรอก รีบเดินเถอะเดี๋ยวไม่สบาย”
“ขอโทษ...”
“รู้แล้วๆ ไม่ต้องขอโทษแล้ว”
ฉันกำลังจะอ้าปากชวนเขาคุยแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเราเดินเข้ามาในร้านและมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเซ็นพร้อมกับสีหน้าเป็นห่วง ทั้งสองคุยกันเสียงเบาๆแต่ดูอีกฝ่ายคงจะห่วงเซ็นจะไม่สบายเพราะเอาแต่เช็ดหน้าเช็ดตาให้ ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นแบบนี้แล้วรู้สึกหน่วงแบบนี้แต่ฉันก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนรออยู่
“ขอโทษนะพอดีวันนี้เซ็นมันพาน้องในสายมันมาด้วยน่ะ” เพชรรีบบอกเมื่อที่นั่งถูกจับจองไว้หมดแต่ก็ยังมีที่ว่างฉันไม่ลังเลที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆเพชรดีเหมือนกันนั่งห่างๆกันบ้างก็ดี เผื่อหัวใจจะได้ทำงานเบาลง
“ตรงนี้ว่าง” เท็นที่เพิ่งเดินมาบอกฉันเสียงกังวล รวมถึงสายตาของเซ็นที่กำลังมองมาตรงนี้ที่ว่างคือข้างๆเซ็น
“นั่งนี่แหละ นั่งข้างเพชรให้เพชรเอาหมูลงให้” ถ้าครั้งก่อนๆฉันจะนั่งข้างเซ็นและเขาจะคอยเอาหมูลงคอยตักมาให้แต่ครั้งนี้เขาต้องดูแลน้องๆเขา ฉันนั่งนี่แหละถูกแล้ว เราสั่งชาบูมาแน่นอนว่าเพชรก็ยังคอยดูแลฉันด้วยนั่งห่างเพื่อนมันก็จะเหงาๆหน่อยอ่ะนะ แต่ไม่เป็นไรตะโกนคุยกันได้
“ต้นเอาเห็ดเข็มทอดไหม” หลิวร้องถามจากอีกฝั่ง
“เอาๆ”
“เอาหมูอีกไหม” เพชรถาม
“เอา” ฉันเงยหน้ายิ้มอายให้เพื่อนไป ก็ใครจะไม่อายล่ะเป็นผู้หญิงแต่ทานชาบูเยอะมากเยอะกว่าผู้ชายอีก
“เดี๋ยวเรามานะไปเติมน้ำก่อน” ฉันบอกเพชรแล้วถือแก้วเดินออกไป น้ำส้มๆๆ ฉันพึมพำในใจระหว่างที่เดินไปยังโซนกดน้ำ พอกดน้ำเสร็จฉันก็เดินไปดูเห็ดเข็มทองทอด
“โอ๊ะ ขอโทษค่า” ฉันเอ่ยขอโทษทันทีเมื่อก้าวถอยหลังแล้วชนเข้ากับใครสักคน
“ไม่ชอบดูทาง เอามาจะถือให้” เซ็นดุ คนที่ฉันชนเมื่อกี้คงเป็นเขาอีกตามเคย มือหนาเอื้อมมารับจานและแก้วน้ำฉันไปถือ
“คีบครับคุณ น้ำส้มละลายแล้วนะ” เซ็นเร่งมา ฉันเลยหันกลับไปคีบเห็ดเข็มทองทอดใส่จานที่เซ็นถืออยู่ก่อนจะเดินกลับโต๊ะ เพื่อนมองเราสองคนพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เซ็นเดินมาส่งถึงเก้าอี้ที่ฉันนั่งก่อนที่เขาจะเดินอ้อมกลับไปนั่งที่เดิม เราทานต่อและยังสั่งมาเรื่อยๆ หลังจากที่เดินไปเติมน้ำแล้วกลับมาพร้อมกับเซ็นพอน้ำในแก้วหมดเซ็นก็เดินอ้อมมาเอาแก้วไปเติมน้ำให้จะห้ามก็ไม่ทันอีกฝ่ายเล่นเดินเร็วซะอย่างนั้น
“พี่ต้นเป็นอะไรกับพี่เซ็นเหรอคะ?” น้องคนที่เดินไปรับเซ็นตอนฉันมาถึงเอ่ยถามอย่างไม่พอใจหลังจากที่เซ็นเดินออกไปเติมน้ำให้ฉันอีกครั้ง
“คิดว่าไงล่ะ” ผักบุ้งถามกลับด้วยสีหน้ากวนๆ
“ไม่รู้สิคะ”
“ปีนเกรียว” หลิวเอ่ยดุๆพร้อมกับมองอย่างไม่พอใจ แต่เหมือนคำถามที่น้องเขาต้องการจะไม่ได้คำตอบเมื่อเซ็นเดินกลับมาพร้อมกับวางแก้วน้ำให้ฉันเท่านั้นยังไม่พอเขายังดึงเก้าอี้จากโต๊ะข้างๆที่ว่างมานั่งแหมะลงตรงหัวโต๊ะอีก ฉันนั่งเป็นคนสุดท้ายของโต๊ะยังไงล่ะ แล้วทำไมเขาไม่กลับไปนั่งที่เดิมของเขาล่ะ