Chapter​ 2 จุดเริ่มต้น

1652 Words
Chapter​ 2 จุดเริ่มต้น ในวันหยุดสุดสัปดาห์​ ยามสายที่แสงแดดอ่อนอาบไล้เรือนยอดไม้และดอกไม้หอมสะพรั่ง​ บ้านตึกขนาดห้าชั้นวางตัวตนอยู่อย่างโดดเด่น​ท่ามกลางสวนทรอปิคอลเขียวรื่นที่ชั้นล่างของตัวบ้าน​ ลิฟต์เลื่อนลงมาหยุดก่อนประตูจะเลื่อนออก​ ภีมพลเดินออกมาจากในนั้น​ ในอ้อมกอดของเขาโอบอุ้มทารกน้อยวัยยังไม่เต็มขวบมาด้วย จอมทัพลุกขึ้นมาจากโซฟาตัวยาว​ ชายหนุ่มเดินยิ้มเข้าไปหาหลานสาวแล้วกางแขนรอ "คิดถึงจังเลย​ ขอคุณอาอุ้มหน่อยนะครับ" "ไปครับ​นลิน ให้คุณลุงอุ้มหน่อยนะ" จอมทัพหดมือกลับ​ เขายอมไม่ได้​ จะไม่ยอมเป็นคุณลุงของหลานสาวอย่างเด็ดขาด​ เรียกอาอย่าเรียกลุง​ เมื่อหนูน้อยโตขึ้นเขาจะสอนให้จนจำขึ้นใจ "พ่อน้องนลินกวนตีน​ กูไม่อุ้มล่ะ" ปากพูดแต่แขนก็ยืดไปอย่างอดไม่ได้​ เขามันเขี้ยวร่างจ้ำม่ำจนต้องรับมากอด​มาหอม​ ฟัดไปบนแก้มนุ่ม​ ๆ​ อย่างมันเขี้ยว​ จนคุณพ่อลูกอ่อนต้องออกอาการหวงอย่างเห็นได้ชัด "พอแล้วไอ้จอม​ เดี๋ยวเอาเชื้อโรคมาติดน้อง" "ก็หนูอ้วนจ้ำม่ำน่าฟัด​น่าหยิก​ ใครเห็นก็อดหลงรัก​ไม่ได้ เนอะ" ​ จอมทัพพยักพเยิดเล่นกับคนที่กำลังยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี​ และหนูน้อยก็ช่างไม่ดื้อไม่งอแง​ ยอมให้เขาอุ้มเดินตามภีมพลไปยังสวนเขียวรื่นนอกบ้าน​ ตรงนั้นมีศาลาและบ่อปลากับน้ำตกเทียม​ มุมที่ภีมพลมักจะพาลูกสาวไปนั่งเล่นอยู่เป็นประจำ ในสวนทรอปิคอลเขียวรื่น​ เมื่ออยู่เพียงสองคน​ แววตาสองคู่สบสบประสานกันชั่วครู่​ เสียงถอนหายใจดังแผ่ว จอมทัพรู้ว่าเพื่อนยังทำใจไม่ได้​ แต่เขาก็ไม่อยากให้เพื่อนจมปลักอยู่กับคนเก่า​ ๆ​ ที่ทิ้งได้แม้กระทั่งสายเลือดของตัว "แล้ว...เอ่อ...คุณแม่ของน้อง...ไม่ส่งข่าวมาเลยใช่มั้ย" "อืม...แต่ถ้ากลับมา​ กูคงไม่ให้อภัย" แม้เสียงนั้นจะจริงจังหนักแน่น​ หากแต่ก็เจือความ เจ็บปวดเอาไว้ จนจอมทัพสัมผัสได้ "สรุปมึงจะไม่ตรวจดีเอ็นเอใช่มั้ย" มันคือสิ่งที่เพื่อน​ ๆ​ กังขา​ เพราะภีมพลมักพูดเสมอ​ เขากับปานตะวันยังไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน​ แต่กลับต้องมาพลาดเพราะหล่อนอ้างความเมาแค่ชั่วคืน ภีมพลถอนหายใจบางเบา...เขาตัดสินใจแล้ว​ ไม่จำเป็นต้องหาความจริงใด​ ๆ​ ทำอะไรลงไปก็ต้องรับผิดชอบ​ และเขาสงสารแววตาดำ​ ๆ​ คู่นั้น​ ไม่อาจทำใจได้​หากจะปัดความรับผิดชอบด้วยการพิสูจน์ความจริง "ตรวจแล้วใครได้อะไร​ สมมุตินะ...สมมุติถ้าผลออกมาว่าไม่ใช่​ แล้วนลินล่ะ​ เราจะเอาเขาไปไว้ไหน​ ถ้าไม่ใช่ก็เอาไปทิ้งไว้สถานสงเคราะห์ยังงั้นเหรอ" มันคือความพันผูกตลอดระยะเวลาหลายเดือน​ สายใยรักก่อเกิดซึมลึกลงในใจที่บอบช้ำ​ ลูกช่วยเยียวยาแผลใจที่ขาดวิ่น​ จนภีมพลเชื่อไปแล้วว่าสาวน้อยคือเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง บางเรื่อง...หากรู้แล้วต้องเจ็บปวดกว่าเดิม​...สู้ไม่รู้จะดีกว่า..." จอมทัพคลี่ยิ้มปร่าแปร่ง​ เขานิ่งเงียบไม่แสดงความ เห็นใด​ ๆ​ และนั่นก็คือการตัดสินใจของเพื่อน​ เขาไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย​ แม้จะกังขาว่าใครเป็นพ่อของลูกตัวจริง​ก็ตาม ชายหนุ่มหลุบตามองร่างจ้ำม่ำในอ้อมกอด​ เห็นแววตาดำ​ ๆ​ ที่มองมาอย่างไร้เดียงสาแล้วก็นึกสงสาร​ จริงของเพื่อน...ตรวจแล้วใครได้อะไรจากผลของมัน​ คงจะมีแต่ผลเสียที่ตามมา​ มันคืออนาคตของเด็กคนหนึ่งที่เขาไม่อาจเลือกเกิดได้​ หากเลือกได้เขาก็อยากจะมีพร้อมทั้งพ่อและแม่​ มีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนเช่นเด็กคนอื่นทั่ว​ ๆ​ ไป พาณิชกุลย์​ พร็อพเพอร์ตี้​ แลนด์... ภาณุวัฒน์หมุนเก้าอี้กลับมาทางโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู​ แววตากร้านโลกเหลือบมองคนที่ยืนประสานมือไว้ข้างหน้าด้วยท่าทีนอบน้อม...ศาสตรา​ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล​ เขาพาคน​ ๆ​ หนึ่งมาส่งถึงห้องทำงานของ Chairman "เธอมาแล้วครับ​ ให้พาเธอมาพบท่านเลยมั้ยครับ" "ได้​ พามาเลย" ศาตราหมุนกายเดินออกไป​ ในขณะนั้นภาณุวัฒน์ก็คว้าแว่นมาสวม​ จากที่ก่อนหน้าเขาถอดมันออกเพื่อพักสายตา...ที่ใส่แว่นก็เพราะอยากมองหน้าของเจ้าหล่อนแบบเต็ม​ ๆ เขาจะวิเคราะห์ด้วยตา​ ถ้าหากบุคลิกผ่านก็ให้เริ่มงานได้เลย บานประตูถูกผลักเข้ามาอีกครั้ง...ศาสตราเดินเข้ามา​ก่อน​ สักพักก็มีหญิงสาวอีกคนเดินตามเข้ามาด้วยท่าทีนอบน้อม​ หล่อนอยู่ในชุดสุภาพเสื้อและกระโปรงเข้าชุดกัน​ ผมยาวสลวยถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย​ เครื่องหน้าที่โดดเด่นถูกแต่งแต้มแต่พองาม​ หล่อนยกมือไหว้คนที่นั่งยิ้มรออยู่ตรงโต๊ะทำงาน ภาณุวัฒน์สบตากับศาสตรา​ สื่อให้รู้ว่าเขาขออยู่เพียงลำพังกับหล่อนสองคน...และเมื่อรอจนอีกฝ่ายออกไป​ เขาก็ผายมือไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า "นั่งก่อนสิหนู" หล่อนเดินเข้าไปนั่งลงยังฝั่งตรงกันข้าม​ สองมือ ประสานกันไว้บนหน้าตัก​ สูดลมหายใจให้ลึกเพื่อขับความตื่นเต้น​ พยายามสบตาแล้วยิ้มให้เขา...คนที่ถือว่ามีอำนาจสูงสุดในบริษัท​ และเขาคือคนที่เลือกหล่อนมาทำงาน​ ฝ่าด่านผู้หญิงมาหลายสิบ​คนเพื่อเป็นเลขาส่วนตัวของเขา ไม่รู้หรอกว่าเขาเลือกหล่อนเพราะอะไร แต่ที่แน่​ ๆ​ หล่อนดีใจที่ได้งานนี้​ มันหมายถึงว่าหล่อนจะมีเงินเอาไว้เลี้ยงดูพ่อและปู่ที่แก่ชรา​ ซ้ำยังมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมาก ภาณุวัฒน์ไล่สายตาอ่านเรซูเม่ที่หล่อนลงราย ละเอียดไว้​ ก่อนเขาจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ "จันทร์เจ้าเอย...ชื่อเพราะดีจัง​ แล้วหนูมีชื่อเล่นว่าอะไร​ ฉันจะได้เรียกถูก" "ชื่อเอยค่ะ" หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่ม​ ๆ​ น่าฟัง​ อีกทั้งบุคลิกท่าทางที่พอเหมาะพอควร​รู้กาลเทศะ​ นั่นคือเหตุผลที่หล่อนสอบผ่านสายตาของเขา "ถ้าอย่างนั้นฉันขอคุยเงื่อนไขก่อนเริ่มงานเลยนะ​ เราจะได้เข้าใจตรงกัน​ และก็เพื่อความสบายใจของตัวหนูเอง" "ได้ค่ะ" ภาณุวัฒน์คลี่ยิ้ม​ เขาเริ่มทำตามแผนที่วางไว้ทันที... นั่นคือหาคนดามใจให้ลูกชาย​คนโตที่ปิดใจไม่เปิดรับสาวคนไหน​ และก็หาแม่ใหม่ให้กับหลาน​ที่กำลังโตวันโตคืน หลานของเขาจะต้องมีแม่​ และต้องได้แม่ก่อนจะรู้ความ​ ทำลงไปก็เพราะไม่อยากให้หลานมีปมด้อย​ อยากให้เขาเติบโตมาในสภาพที่พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นเด็กคนอื่น​ ๆ​ ทั่วไป "หนูควรรู้ก่อน...ลูกชายคนโตของฉันมีลูกแล้วหนึ่งคน​ แต่...ถูกเมียทิ้งน่ะ​ เป็นผู้หญิงที่แอบคบกันลับ​ ๆ​ ไม่เคยพาเข้าบ้าน​ ไม่เคยมีใครได้รู้จัก​ ฉันไม่รู้หรอกว่าแม่เด็กเป็นใคร​ และก็ไม่อยากจะรู้ด้วย​ พูดง่าย​ ๆ​ ก็คือ​ ฉันไม่อยากได้สะใภ้ที่ทิ้งได้แม้กระทั่งลูกในไส้เข้าบ้าน!" ".....?" จันทร์เจ้าเอยถึงกับเอียงคอ​มอง​ แววตายาวรีทอประกายงุนงง​ ไม่เข้าใจว่าเขาจะบอกหล่อนทำไม​ มันไม่เกี่ยวกับงานเลขาแม้สักนิด "และเงื่อนไขคือ​ หนูจะต้องย้ายมาพักกับฉัน...ที่บ้านพาณิชกุล​ย์ ถ้าตกลงตามเงื่อนไข​ พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย" ".....!" "ฉันอยากได้เลขาแล้วก็พี่เลี้ยงให้กับหลาน​ ช่วยแบ่ง เบาคนเก่าที่บ้านน่ะ​ แกแก่แล้ว​ อยากได้คนมาช่วยแกแค่วันหยุดก็ยังดี" "ตะ​ ต้องถึงขนาดย้ายไปอยู่บ้านคุณเลยเหรอคะ!" "คิดให้ดีนะหนูเอย​ เอาเป็นว่าถ้าหนูตกลงตามเงื่อนไขนี้​ ฉันจะให้เงินค่าเหนื่อยกับหนูเป็นสองเท่า​ บ้านก็ไม่ต้องเช่า​ ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ​ กินฟรีอยู่ฟรี​ แถมเงินเดือนเพิ่ม ขึ้นอีก​ หนูจะปล่อยให้มันหลุดลอยไปใช่ไหม" ภาณุวัฒน์พยายามโน้มน้าว​ เขาหรี่ตามองคนที่มีท่าทีลังเล​ และเมื่อหล่อนยังคงอ้ำอึ้ง​ เขาจึงขยี้ต่อ "หนูมีพ่อกับปู่ที่ต้องดูแลอยู่ต่างจังหวัด​ ไหนจะต้องส่งน้องชายเรียนหนังสือ​ เงินเดือนของหนู​ จะทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" "คุณ...รู้..." "ก็เบอร์โทร.ผู้ติดต่อได้นั่นไง​ ฉันโทร.ไปคุยกับน้องชายหนูแล้ว​ เขาเล่าให้ฉันฟังหมด​ว่าหนูลำบากแค่ไหนหนูทำงานส่งตัวเองเรียนด้วยใช่ไหมจันทร์เจ้าเอย" จันทร์เจ้าเอยกำมือที่ชื้นเหงื่อเข้าหากัน​ เม้มปากแน่นเพราะกำลังตัดสินใจในเงื่อนไขแปลก​ ๆ​ นั่น​ หากแต่มันก็ช่างยั่วใจดีเหลือเกินกับเงินเดือนที่เขาเพิ่มให้​ เขาทำเหมือน กับว่าเมื่อหล่อนตกลงมาในบ่วงที่วางไว้​หล่อนจะต้องตอบตกลงเท่านั้น ภาณุวัฒน์นั่งเคาะปากกากับโต๊ะเพื่อรอคำตอบ​สายตาของเขายังคงจับจ้องใบหน้าสวยที่มีท่าทีครุ่นคิด​ เขาได้แต่หวังว่าหล่อนจะตอบตกลง​ รู้ว่าหล่อนอยากได้งานทำมากขนาดไหน​ และเขาก็กำลังจะหยิบยื่นชีวิตใหม่ให้กับเธอ...สะใภ้พาณิชกุลย์นั้นไม่ไกลเกินเอื้อม​ ถ้าหากหล่อนเดินเข้ามาในเกมที่เขาวางไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD