ตอนที่ 6 ยิ้มร้ายแบบนี้

1680 Words
“..” หากย้อนไปตอนที่เธอสร้างวีรกรรมความแสบเอาไว้เล่าวันนี้คงไม่หมด คงทยอยเล่าไปทีละเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เธอไปท้าต่อยกับรุ่นพี่ผู้ชายตอนเรียนอยู่ ม.5 จนเรื่องถึงหูฝ่ายปกครอง เหตุเพราะถูกรุ่นพี่แตะบอลใส่หน้าแต่มันดันไม่ยอมขอโทษมิหนำซ้ำยังถูกต่อว่าโง่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยอมไม่ได้ “ถ้าหนูสมายด์ยังตัดสินใจไม่ได้ ลุงให้เวลาหนูไตร่ตรองดูอีกสักหน่อย วันที่หนูเข้ามาฝึกงานวันแรกค่อยตอบลุงอีกทีก็ได้ ถึงหนูจะปฏิเสธ ลุงก็จะให้หนูฝึกงานอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ให้เลขาลุงรับผิดชอบสอนงามหนูทุกอย่างแทนเอง แต่ว่าเรื่องบริษัทลุงคงช่วยพ่อหนูไม่ได้อย่างที่ตกลงกันไว้” “ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างงั้นวันนี้หนูขอตัวก่อนนะคะ “เมื่อได้ฟังพิรดาจึงรีบกล่าวลาทันที ครั้นชายสูงวัยพยักหน้าอนุญาตเธอจึงตัวลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้อย่างมีมารยาทและหมุนตัวเดินออกไป สมองก็พยายามพิจารณาหาข้อสรุปให้กับตัวเองอย่างคิดไม่ตก “..” …. บริษัท J.N กรุป หลังจากพิรดาออกจากบริษัท M.D เธอก็ตรงมาที่บริษัทของผู้เป็นพ่อทันทีเพื่อเข้ามาเอาคำตอบที่ชัดเจน เมื่อมาถึงด้านในสองเท้าจึงตรงไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยไม่ได้สนใจเสียงของพนักงานสาวหน้าเคาร์เตอร์ที่เอ่ยเรียกตามอยู่ด้านหลัง “สวัสดีค่ะคุณสมายด์!” “..” “รีบอะไรขนาดนั้น “สองตากลมโตของหญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์จ้องมองตามแผ่นหลังลูกสาวเจ้านายไปจนลับตาด้วยความมึนงงกับท่าทางเร่งรีบของเธอ ติ้งงงงงง ครั้นบานประตูลิฟต์เปิดพิรดาจึงเร่งฝีเท้าก้าว ฉับ ๆ ตรงที่ยังห้องพ่อของเธอ ก็เจอกับเลขาสาวนั่งประจำตำแหน่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้อง “สวัสดีค่ะคุณสมายด์” “คุณพ่ออยู่ข้างในไหมคะ? “พิรดาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้มใบหน้าจิ้มลิ้มไม่มีรอยยิ้มอยู่ในนั้น “ท่านประธานอยู่ข้างในค่ะ” พิรดาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปเปิดประตูห้องทำงานของผู้เป็นพ่อทันที โดยไม่ได้เคาะประตูตามมารยาทที่พึงมีหรือรอให้เลขาสาวเป็นฝ่ายเชื้อเชิญ “พ่อไม่เคยสอนให้ลูกไร้มารยาทนะสมายด์ “เจตนรงค์ตำหนิลูกสาวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้าเหี่ยวย่นแลดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม ถึงแม้ลูกสาวคนเดียวของตระกูลจะจ้องมองมาตาเขม็งท่าทางไม่พอใจ ทว่าผู้เป็นพ่ออย่างเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีกังวลใด ๆ ออกมา เพราะรู้ดีว่าลูกสาวตัวแสบจะพูดเรื่องอะไร “ทำไมพ่อถึงไม่บอกมายก่อนคะ เรื่องที่มายต้องไปเป็นเลขาของลูกชายเพื่อนพ่อ” “พ่ออยากให้มายฟังจากปากของคุณวัฒด้วยตัวเอง อีกอย่างลูกก็รู้ว่าบริษัทเราขาดทุนย่อยยับแค่ไหน ส่วนเหตุผลของพ่อลูกก็น่าจะรู้แล้วนะ” “แล้วพ่อไม่ห่วงลูกสาวคนนี้เหรอ เกิดไอ้ลูกชายตัวปัญหาของเพื่อนพ่อไม่พอใจมาย แล้วทำร้ายมายขึ้นมาละคะจะทำยังไง ขนาดพ่อกับแม่ตัวเองยังไม่ฟัง แล้วมายเป็นใครเขาถึงต้องฟัง “พิรดาแสร้งตีหน้าเศร้าเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าผู้เป็นพ่อ เอ่ยคำอธิบายเหตุผลออกมาอย่างใจเย็น พยายามพูดโน้มน้าวให้ผู้เป็นพ่อเห็นใจ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่เป็นผล หากผู้เป็นพ่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ทว่าเธอกลับต้องการลองพูดในสิ่งที่เธอคิด “พ่อไม่มีทางเลือกยัยมายถือว่าช่วยบริษัทเรา คุณวิวัฒน่ะ มีอำนาจพอที่จะทำประโยชน์ให้กับเรามากมายมหาศาล เรื่องทินกรพ่อว่าคงไม่เกินความสามารถของเรา แสบไม่ยอมใครกับเจ้าชู้ใจเย็นเจอกันคงสนุกน่าดู “เจตนรงค์ก้มหน้าแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ในประโยคท้ายราวกับว่าสมองกำลังคิดภาพขบขันบางอย่าง “พ่อหัวเราะอะไรคะ? มายกำลังเครียดอยู่นะ ไม่ห่วงลูกสาวคนนี้เลยหรือยังไง” “ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนยังไงพ่อก็ต้องห่วงสิ แต่พ่อเป็นห่วงตากรมากกว่า” “พูดอย่างนี้ได้ยังไงคะ จะไปห่วงคนไร้ความรับผิดชอบอย่างนั้นทำไม” “เรียกพี่เขาดี ๆ สิสมายด์ ทินกรอายุสามสิบหกแล้วนะยังไงพี่เขาก็เป็นพี่ “เจตนรงค์รีบบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่อง เขาเป็นห่วงลูกสาวมากที่สุด แต่พฤติกรรมและนิสัยของลูกสาวทำให้เขาหายห่วงไปได้บ้าง “เหอะ! จะสี่สิบแล้วอย่างนั้นเหรอคะ… “พิรดาเหลือบตามองบนเค้นเสียงเหอะในลำคออย่างเหยียดหยาม กับอายุอานามของชายหนุ่ม “เอาล่ะยัยมาย ทำตามที่คุณวัฒบอกนั่นแหละถือว่าทำเพื่อบริษัท พ่อหวังว่าลูกคงไม่ยอมแพ้ให้กับตากรหรอกนะ “เจตนรงค์พูดเชิงสบประมาทกลาย ๆ หวังใช้เป็นตัวกระตุ้นให้ลูกสาวอยากเอาชนะมากขึ้นและไม่ยอมพ่ายแพ้กับอะไรง่าย ๆ อย่างที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของทินกรที่เขาหมายปองให้กับลูกสาวไว้ตั้งแต่เด็ก “มัดมือชกกันขนาดนี้มายคงปฏิเสธไม่ได้แล้วแหละค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ของบริษัทนะ หนูจะไม่ทำเด็ดขาด อยากจะเห็นหน้าลูกชายเพื่อนพ่อซะจริง ๆ โตป่านนี้แล้วยังให้พ่อแม่คอยวิ่งตามอยู่อีก “พิรดาพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ อย่างเบื่อหน่าย สุดท้ายเธอก็ต้องยอมจำนนต่อสถานการณ์โดยไม่มีทางเลือก หากทำตามใจตนเองคงหาทางช่วยบริษัทผู้เป็นพ่อไว้ไม่ได้ “..” …. หลายชั่วโมงต่อมา ~~ ผับ Nice “วันนี้มาช้านะมึง “แพททริคเอ่ยทักทันทีที่ทินกรเดินบนรองเท้าผ้าใบสีขาวยี่ห้อแพงเข้ามาในห้องวีไอพีประจำแก๊งมาเฟีย ด้วยชุดเสื้อเชิ้ดสีขาวพับครึ่งมาถึงข้อศอกโชว์นาฬิกาเรือนหรู ปล่อยชายเสื้อนอกกางเกงยีนสีดำ ตรงมาหย่อนตัวนั่งบนโซฟาตัวยาวข้างกับเทวินในท่าไขว่ห้างพิงหลังกับผนังโซฟา “กูมาถึงก็กระแนะกระแหนกูเลยนะไอ้พ่อลูกแฝด “มือหนายื่นไปรับแก้วน้ำสีอำพันจากมือของพรีน ก่อนจะกระดกเข้าปากกลืนลงคออึกใหญ่ จนเห็นเป็นลูกกระเดือกเคลื่อนไหวเด่นชัด พลางยกท่อนขาขึ้นมาเกยเข่าไว้อย่างน่าเกรงขาม “หึ “แพททริคเพียงไหวไหล่เค้นเสียงในลำคอ มุมปากหนายกยิ้มเล็กน้อย มือหนาแกว่งแก้วน้ำสีอำพันในมือด้วยสีหน้าอารมณ์ดี “มึงจะไม่ถอดแว่นหน่อยเหรอวะไอ้กร “พรีนถามอย่างแปลกใจหลังจากยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม เนื่องจากเห็นว่า ทินกรยังไม่ถอดแว่นดำราคาแพงบนใบหน้าคมหล่อสไตล์ไอดอลเกาหลีออกเสียที “..” เมื่อได้ฟังคำถามจากพรีนทำเอานัยน์ตาสีดำของทินกรกลอกซ้ายกลอกขวาภายใต้แว่นดำ มือหนาที่ถือแก้วน้ำสีอำพันพลางแกว่งเป็นวงกลม นิ้วเรียวยาวสองนิ้วแรกจิ้มย้ำ ๆ ลงบนขอบโซฟาที่พาดท่อนแขนขณะกำลังครุ่นคิดหาคำตอบให้กับตัวเอง หากเขาทำเมินเฉยหรือถอดแว่นออกเหล่าเพื่อนคงถามไซร้และล้อเลียนเรื่องรอยช้ำเขียวบนดวงตาเขาเป็นแน่ “…ก็กูกำลังจะลงไปเข้าห้องน้ำข้างล่างเลยไม่อยากถอด “ทินกรดันตัวลุกขึ้นเมื่อคิดหาทางออกเจอ “งั้นเดี๋ยวกูมาละกัน “ว่าจบสองเท้าหนักก็เร่งเดินตรงไปยังบานประตูทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบ “ห้องน้ำในนี้ก็มีนี่หว่าไอ้กร! “พรีนตะโกนตามหลังอย่างไม่เข้าใจ “คงไม่เหล่สาวตามประสาหนุ่มโสดนั่นแหละว่ะ “เทวินที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ รวมถึงมุมปากหนายกยิ้ม “..” “นายจะไปไหนครับ? “พาร์ทเตอร์โค้งศีรษะทำความเคารพ เอ่ยถามผู้เป็นนายที่เพิ่งเดินพ้นประตูออกมาจากห้อง วีไอพี “ดาดฟ้า “ทินกรตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังบันไดชั้นดาดฟ้า โดยมีลูกน้องคนสนิทเดินตามอยู่ด้านหลัง “..” ทว่าไม่ทันได้ก้าวขาขึ้นบันไดเป็นต้องหยุดชะงักซะก่อน เมื่อนัยน์ตาคมกริบภายใต้แว่นตากันแดดราคาแพงบังเอิญมองเห็นหญิงสาวที่เขาฝังใจเจ็บ นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์กับเพื่อนสาวและผู้ชายอีกคน มือหนาจึงยกขึ้นเลื่อนแว่นตาลงมาถึงจมูกเล็กน้อย แล้วหรี่ตาเพ่งเล็งมองให้แน่ใจก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากอย่างมีแผนการ พลางเลื่อนแว่นตากลับที่เดิม แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากเคาร์เตอร์บาร์มากนักแต่เขายืนอยู่ที่สูงกว่า จึงสามารถเห็นผู้คนด้านล่างได้เกือบทั้งหมด อีกทั้งเคาน์เตอร์บาร์ยังอยู่ตรงกับระดับสายตาพอดี “มีอะไรหรือเปล่าครับนาย “พาร์ทเตอร์เห็นว่าผู้เป็นนายกำลังจ้องมองใครบางคน ด้วยความสงสัยเขาจึงเอ่ยถาม พลางเอี่ยวหน้ามองไปตามสายตาของผู้เป็นนาย “กูมีงานให้มึงทำ “มุมปากหนายกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองไปยังเคาน์เตอร์บาร์ไม่วางตา “ยิ้มร้ายแบบนี้ นายคงไม่คิดจะฉุดผู้หญิงคนนั้นนะครับ “พาร์ทเตอร์ประมาณการอย่างรู้ความคิด หากผู้เป็นนายยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทีไรมักไม่ใช่เรื่องดีทุกที “ฮึ “ทินกรไม่ได้ตอบกลับเขาเพียงแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ สองเท้าก้าวเดินไปยังราวระเบียงชั้น พีไอวี แล้วคล้ำมือกับราวระเบียงจ้องมองไปยังเป้าหมายด้วยสีหน้ายากที่จะคาดเดา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD