บทที่5/3
ในเช้าวันต่อมาเฉินหลิงเว่ยเดินทางไปยังร้านช่างไม้ก่อนเจรจาซื้อรถม้า การเดินทางเข้าหมู่บ้านเถาอี้นั้นไม่ไกลมากนัก แต่การต้องเดินทางด้วยเท้าก็เสียเวลา แม้นางสามารถว่าจ้างให้ฉินอู่ซ่งเทียมเกวียนมาส่งแต่ในอนาคตนางต้องเจรจาการค้ากับสกุลไป๋อีกหลายครั้ง การนั่งเกวียนไปมาย่อมทำให้ผู้อื่นสงสัย นางไม่อยากเปิดเผยตัวตนหากไม่จำเป็นดังนั้นลงทุนครั้งนี้แม้ไม่ได้กำไรแต่เพื่อความสงบสุขของตัวนางนับว่าคุ้มค่า
“รถม้าคันนี้ราคา3ตำลึงเงินขอรับ”
เฉินหลิงเว่ยขมวดคิ้วเล็กมองรถม้าตรงหน้าที่มีราคาถูกกว่าคันอื่นถึงสองตำลึงด้วยความสงสัย สายตากลมมองสำรวจรถม้าตรงหน้าด้วยความสงสัย ตัวรถม้าทำจากไม้เนื้อดี อีกทั้งภายในตกแต่งอย่างปราณีตม้าสองตัวด้านหน้าก็สง่างาม ให้ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีราคาต่ำกว่า 20 ตำลึงเงิน
“เถ้าแก่รถม้าคันนี้มีปัญหาตรงไหนหรือ”
ช่างไม้ตรงหน้าพลันเหงื่อตกในใจวิตกกังวลจนมือสั่นเทา แววตาเลิ่กลักไปมาขบคิดหาคำตอบที่ดีให้แก่สตรีตรงหน้า แน่นอนว่าถ้าหากเฉินหลิงเว่ยได้สบตาเขานางย่อมรับรู้ถึงความผิดปกติ แต่เพราะเขาก้มหน้าลงต่ำจึงซ่อนสายตาของตนจากเฉินหลิงเว่ย
“แม่นางไยจึงกล่าวเช่นนี้ รถม้าร้านค้าทำอย่างดีทุกคันรับรองไม่มีปัญหาแน่นอน”
“ข้าไม่ได้คิดตำหนิร้านท่าน แต่รถม้าคันนี้ดูดีเกินราคาไปหน่อย”
“เอ่อ… บอกแม่นางตามตรงรถม้าคันนี้เป็นสกุลหูสั่งทำ แต่พวกเขาถูกทางการจับตัวด้วยข้อหายักยอกทรัพย์หลวงแม้รถม้านี้ยังไม่เคยถูกใช้งาน แต่สิ่งของที่นักโทษหลวงสั่งทำใครจะอยากได้เล่า เจ้าเองก็อย่าคิดมากเลยรถม้าดีๆ ราคาถูกเช่นนี้หาซื้อที่ใดย่อมไม่ได้”
เฉินหลิงเว่ยพยักหน้ารับก่อนที่จะตกลงทำการซื้อขาย เมื่อเถ้าแก่เห็นว่านางมาเพียงลำพังจึงให้คนงานในร้านบังคับรถม้าไปส่งถึงเรือน ยามร่างบางจากไปจนลับตาเงินหนึ่งตำลึงทองก็ถูกวางตรงหน้าเถ้าแก่
………………………………………………
เฉินหลิงเว่ยกลับมาถึงเรือนก็ต้องประหลาดใจ เพราะเรือนหลังใหม่ที่ให้หวังเฮ่อเหรินจัดการนั้นยามนี้เสร็จเรียบร้อยไปถึง7ส่วน ที่สำคัญหน้าเรือนยังถูกตกแต่งด้วยสวนดอกไม้นานาชนิด ด้านขวาถูกขุดสระขนาดเล็กปลูกดอกเหลียนฮวาสีชมพูอ่อนมีศาลาเล็กสำหรับนั่งรับลม
“พี่ชายหวังดอกไม้พวกนี้…”
“เอ่อ…สหายข้าพึ่งกลับมาจากเมืองหลวง เขาเอาต้นไม้พวกนี้มาฝากข้าแต่ท่านแม่ข้าแพ้เกสรดอกไม้ ข้าจึงถือวิสาสะปลูกในเรือนเจ้าแต่หากเจ้าไม่ชอบข้าจะให้คนถอนออก”
“อย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ เช่นนี้ก็งดงามไม่น้อย เพียงแต่…”
“อ่อ! …สหายข้า เถ้าแก่ชวีเจ้าของโรงเตี๊ยมทิศใต้สนใจซื้อขายผักของเจ้า เจ้าสนใจขายให้เขาหรือไม่”
เฉินหลิงเว่ยยิ้มกว้างพยักหน้ารับด้วยความยินดี ลืมเรื่องสวนดอกไม้เมื่อครู่ไปเสียสนิท เอ่ยสอบถามผักที่ทางโรงเตี๊ยมชวีต้องการแล้วจดจำเอาไว้ เห็นทีนางจะต้องเร่งปลูกผักในสวนเพิ่มอีกสักหน่อยแล้ว เฉินหลิงเว่ยสนทนาถามรายละเอียดการซื้อขายกับหวังเฮ่อเหรินอีกเล็กน้อยก็เร่งกลับเรือน นางต้องเร่งปลูกผักเพิ่มไม่เช่นนั้นหากผักชุดนี้หมดไปแล้วนางไม่มีผักส่ง ลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองอาจไปเจรจาซื้อขายกับผักผู้อื่นแทน
ที่เรือนเล็กของกัวอี้หลิงซู่ลี่ผิงที่กำลังห่อสบู่ชุดใหม่ใส่กล่องไม้ ยามเห็นเฉินหลิงเว่ยเดินเข้าเรือนมานางก็เร่งลุกไปยกน้ำชามาให้ เฉินหลิงเว่ยยิ้มอ่อนโยนรับน้ำชาจากนาง
“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ สบู่ชุดนี้เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ข้ากำลังจัดใส่กล่องไม้”
“ลำบากท่านแล้ว”
“ลำบากอะไรกัน เจ้ารับคนแก่เช่นข้ามาทำงานก็นับว่ามีน้ำใจต่อข้ามากแล้ว”
เฉินหลิงเว่ยยิ้มแห้งยามที่ซู่ลี่ผิงเอ่ยว่าตนเองชรา มือบางยกน้ำชาขึ้นดื่มดับกระหาย
“อู่ซ่งไปไหนหรือเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าเข้าไปในสวนก็ไม่เห็นเขา”
“เขาไปพลิกหน้าดิน ที่ที่ดินผืนใหม่ของเจ้าน่ะ”
เฉินหลิงเว่ยพยักหน้ารับด้วยความพอใจ นับว่านางโชคดีไม่น้อยที่ได้ฉินอู่ซ่งและมารดามาช่วยงานเช่นนี้
“ท่านป้าพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ วันนี้ข้าซื้ออาหารมาด้วยท่านก็อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันเถิด”
“ได้อย่างไรกัน เจ้าจ่ายค่าแรงข้ากับลูกแล้วยังจะมาเลี้ยงข้าวเย็นอีกได้อย่างไร”
“ข้าว่าจะปรึกษากับอู่ซ่งเรื่องปลูกผักน่ะเจ้าค่ะ คงต้องรบกวนท่านป้ากลับเรือนมืดเสียแล้ว”
ซู่ลี่ผิงถอนหายใจยาวสุดท้ายเย็นนั้นนางกับบุตรชายก็ฝากท้องที่เรือนของเฉินหลิงเว่ย ฉินอู่ซ่งทานอาหารเย็นด้วยรอยยิ้มกว้างอีกทั้งยังเจริญอาหารขอเพิ่มข้าวถึงสองถ้วย ซู่ลี่ผิงมองอาการของบุตรชายแล้วถอนหายใจยาว ด้วยรู้ดีว่าอาการเจริญอาหารของเขานั้นหาใช่จากอาหารเลิศรส แต่เป็นเพราะอาหารมื้อนี้มีเฉินหลิงเว่ยร่วมสำรับต่างหาก
………………………………………………