มือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ซึ่งเหลืออยู่ที่คิวเพียงคันเดียว ปกติสุดที่รักจะไม่ใช้บริการ หากไม่เร่งรีบ เพราะในเมื่อมีเรี่ยวแรงก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ แต่ดูเหมือนวันนี้ไม่มีอะไรเป็นใจสักอย่าง ทั้งร่างกายไม่เอื้ออำนวย เจ็บทั้งเข่า เจ็บทั้งสะโพก กว่าจะเดินมาถึงนี่ได้ก็ใช้เวลานานมากโข อีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มชั่วโมงเรียนแล้ว และที่โชคร้ายไปกว่านั้นวันนี้ดันมีควิซต้นชั่วโมงอีก เห็นทีคงต้องยอมเสียเงินที่มีอยู่น้อยนิดนั่งวินเข้าไปส่งยังตึกคณะก็คราวนี้
ทว่ากว่าที่วินมอเตอร์ไซค์คันนั้นจะเห็นร่างบางที่ยืนโบกมือหยอยๆ ตรงนี้ กลับมีนักศึกษาสาวคนหนึ่งก้าวเข้าไปประชิดตัวเสียก่อน หลังบอกจุดหมายปลายทางก็นั่งป้ายบนมอเตอไซด์วินทันที คนขับออกตัวพุ่งเข้าประตูมหาวิทยาลัย ไม่มีใครเห็นเด็กหนุ่มชุดนักศึกษาขะมุกขะมอม ผมเผ้ายุ่งเหยิงคนนี้ ราวกับเป็นคนนอกสายตา ไร้ความหมายอย่างแท้จริง
“อ้าว...”
ทำอะไรไม่ได้นอกจากอุทานเสียงแผ่ว ยืนเก้กัง ปวดแสบปวดร้อนบาดแผลถลอกตรงข้างขาอยู่เกือบนาที สุดท้ายกัดฟันเดินลากขาเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เข้ามาได้ก็ต้องเดินเลียบทางเท้าไปอีกไกล คนรีบกลัวจะไปเรียนไม่ทันเวลา จึงได้แต่เร่งฝีเท้าพลางดูนาฬิกาข้อมือด้วยใจอันร้อนรุ่ม พลันทันใดนั้นเอง กลับมีเสียงแตรรถดังขึ้นทางด้านหลัง เรียกความสนใจจากเจ้าตัวให้หันไปมอง
กระจกทึบค่อยๆ ลดลง เผยใบหน้าขาวสะอาดตาแสนคุ้นเคย
คู่กรณีสุดหล่อที่เขาอยากจะหลีกเลี่ยง
“ขึ้นรถ” เจ้าของรถสปอร์ตสีดำออกคำสั่ง
เมื่อเห็นแล้วว่าเป็นใคร สุดที่รักก็ไม่คิดจะให้ความสนใจใดๆ อีก หากแต่ในใจได้แต่นึกสงสัยว่ากว้างขวางมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วผู้หญิงตัวติดกันคนนั้นหายไปไหน แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้กับตัว ก่อนจะบ่ายหน้าหนี เดินขากะเผลกต่อไปเรื่อยๆ
“นี่ พูดไม่ได้ยินเหรอ บอกให้ขึ้นรถ” กว้างขวางแตะคันเร่งตามประกบเด็กหนุ่มที่เอาแต่เดินหนี
“ถ้าคุณจะพาผมไปส่งโรงพยาบาล ผมบอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบคุณครับ แล้วตอนนี้ผมรีบมาก ต้องขอตัวก่อน” เมื่อสุดจะทน สุดที่รักหันมาบอกด้วยสีหน้ายุ่ง เวลาเร่งรีบบวกกับอากาศร้อนจัดทำให้ใบหน้าติดหวานขึ้นสีเรื่อดูน่าเอ็นดูไม่น้อย
รุ่นพี่ปีสี่มองกริยาท่าทางนั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งอีกครั้ง เขาต้องการดูว่ามันจะเดินไปถึงไหนกัน
กว้างขวางไม่ใช่พวกชอบเซ้าซี้ใคร ถามอะไรใครไปครั้งหนึ่งแล้วไม่ได้รับคำตอบกลับมา เขาก็จะไม่ใส่ใจอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะได้ถือว่าคนๆ นั้นไม่ให้ความสนใจที่จะตอบ แต่กับสุดที่รัก เขาถือว่าเป็นกรณียกเว้น ยิ่งถูกปฏิเสธ เขายิ่งอยากที่จะตาม เจ้าตัวสรรหาเหตุผลมาอธิบายความรู้สึกนี้ให้กับตัวเอง ใกล้เคียงมากที่สุดเห็นจะเป็น...การที่เขาต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองต่อเด็กคนนี้
“เฮ้ยแก ดูนั่นดิ นั่นพี่กว้างขวางไม่ใช่เหรอ ขับรถตามใครอะ?”
“เออนั่นสิ ขับรถตามผู้ชายที่ไหน ไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“พี่กว้างขวางตามทวงตังค์หรือเปล่า เด็กคนนั้นดูรนๆ ด้วย”
เสียงเด็กนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ใต้ตึกคณะนิติศาสตร์ดังแว่วขณะสุดที่รักเดินผ่าน คนเป็นจำเลยทั้งๆ ที่ยังไม่มีมูลถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยิน แต่ก็ไม่กล้าพูดแก้ไขอะไร ด้วยความเร่งรีบและเวลาอันน้อยนิดเขาแค่รีบก้าวยาวกะเผลกไปด้วยความมุ่งมั่น
“จะเดินไปถึงไหน บอกให้ขึ้นรถ”
รุ่นพี่ปีสี่โผล่หน้าออกมาจากกระจกอีกรอบ เพราะเป็นบุคคลเกินเอื้อมที่มีแต่คนหลงปลื้ม รอบบริเวณจึงเริ่มเจือไปด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าด นักศึกษาหญิงแท้หญิงเทียมถึงกับหยิกทึ้งกันเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาขั้นเทพ
สุดที่รักหันไปมองคนเซ้าซี้อีกครั้งด้วยสายตาพรั่นพรึง มือบางจับกระเป๋าสะพายแน่น
“พี่กว้างขวาง มีอะไรกันหรือเปล่าคะ?”
เด็กสาวคนหนึ่งทำใจกล้า อาจเพราะมีเพื่อนอีกสามสี่คนคอยเป็นทัพหลัง ลุกจากโต๊ะใต้ตึกคณะเดินเข้ามาถามรุ่นพี่ปีสี่ สลับกับมองสุดที่รักที่ตั้งท่าจะหนีลูกเดียว
ดูแล้วก็เหมือนคนมีความผิดจริงๆ นั่นล่ะ
“ดูดิ คู่กรณีจะหนี” ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าไม่จริงจัง ชี้นิ้วโบ้ยไปทางร่างโปร่ง สุดที่รักหันไปมองอีกฝ่าย ก่อนตวัดกายกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กปีหนึ่ง
“เฮ้ยแก! จริงๆ ด้วย ผู้ชายคนนี้ติดตังค์พี่กว้างขวางจริงๆ พี่กว้างคะ ให้พวกเราจับไว้ก่อนไหมคะ?” เด็กสาวนิติศาสตร์ผู้ดำรงความยุติธรรม ยึดมั่นถือมั่นในความถูกต้องเอ่ยอย่างหมายมาด
“ไม่ใช่นะ เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว!”
สุดที่รักลนลานโบกมือปฏิเสธ แต่ดูเหมือนเด็กใหม่ไฟแรงจะไม่ฟัง เดินกรูเข้าไปช่วยกันล้อมตัวเด็กหนุ่มร่างโปร่งราวกับฝูงไฮยีน่าล้อมเหยื่ออันโอชะท่าเดียว ด้วยความหล่อของเดือนมหาวิทยาลัยปีสี่ เด็กสาวเหล่านี้จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น หวังจะทำผลงานให้เข้าตา ไม่มีแล้วซึ่งตราชั่งแห่งความยุติธรรม หลงลืมว่าต้องไต่สวนทั้งโจทก์และจำเลยให้ครบถ้วนกระบวนความเสียก่อน
ดูท่าว่าจะห้ามไม่ได้และเข้าใจผิดไปกันยกใหญ่ ยังผลให้จำเลยบริสุทธิ์เหงื่อแตกพลั่กชักเท้าถอยหลังหลีกหนี เสี้ยววินาทีที่รองเท้าผ้าใบเก่าๆ ข้างหนึ่งเหยียบหมิ่นเหม่แตะสุดขอบทางเท้า เป็นเหตุให้วืดหงายหลังไร้สิ่งจับยึด สุดที่รักหลับตาแน่นด้วยจำยอมต่อสถานการณ์ คิดเอาไว้แล้วว่าต้องก้นจ้ำเบ้าเจ็บตัวอีกเป็นแน่
ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่คาด ร่างของเขาไม่ได้กระแทกพื้นถนนร้อนระอุ หากแต่เป็นอ้อมกอดของใครบางคน
อ้อมกอดของผู้ชายที่ชื่อกว้างขวาง
ชายหนุ่มรับร่างโปร่งไว้ได้ทันเวลา แล้วเขาก็กอดรัดไว้เต็มวงแขนไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่เจ้าเด็กหน้ามึนมันจะตัวเบาขนาดนี้ ดูได้จากรูปร่างผอมโปร่งแถมยังดูไร้เรี่ยวแรง เขาแทบไม่สะทกสะท้าน แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ นั่นคือการได้รับรู้รสสัมผัสนุ่มนิ่มจากผิวกายของคนในวงแขน แม้จะไม่อ่อนนุ่มเท่าผู้หญิงหลายๆ คนที่เคยสัมผัสมา ทว่ากลับให้ความรู้สึกที่เปราะบางไม่ต่างกัน
ชั่วขณะนั้นเขาใช้สายตาทั้งหมดสบมองคนในวงแขน พลันสิ่งรอบด้าน
ดูรางเลือนละลายกลายเป็นภาพสีน้ำ และเป็นชั่วขณะที่อีกฝ่ายเองก็มองตอบกลับมา แต่สุดที่รักมองกว้างขวางได้ไม่ชัดเท่าไหร่นัก คงเป็นเพราะแสงแดดในช่วงกลางวันที่ฉาดฉายตกกระทบร่างสูงจนทำให้เกิดเงา สุดที่รักหรี่ม่านตามองกว้างขวาง
คนในฝันกำลังลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าใส
“ถ้าวันใดวันหนึ่งที่ไม่มีพ่อกับแม่อยู่แล้ว ขอให้สุดที่รักรู้เอาไว้ ไม่ว่าจะยังไงพ่อกับแม่ก็จะรักลูก ทุกครั้งที่คิดถึงกัน ให้ส่งฝ่ามือไปที่ท้องฟ้านะ ลูกจะรู้ว่ารักมากมายยังมีอยู่บนนั้น”
จู่ๆ ประโยคที่แม่เคยพูดก็ดังก้องขึ้น
หากเปรียบความรักเป็นท้องฟ้า ไม่เท่ากับว่าพี่กว้างขวางกำลังกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของความรักหรอกหรือ
ท้องฟ้ามีพ่อ...แม่...และตอนนี้ก็รวมพี่กว้างขวางเข้าไปด้วย
สุดที่รักแอบคิดอยู่ในใจ
“ควรไปทำบุญบ้างนะ เจอแต่เรื่องเจ็บตัว”
เป็นประโยคแรกจากรุ่นพี่สุดหล่อ
สุดที่รักกระพริบตาถี่ไล่ภวังค์ความคิดหลังถูกฉุดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะผละกายยืนด้วยตัวเอง
“ขึ้นรถ” คราวนี้กว้างขวางไม่พูดเปล่า ยังเอื้อมมือไปเปิดประตูให้สุดที่รัก เด็กหนุ่มปีสองเสื้อผ้ามอมแมมมองชายหนุ่มด้วยท่าทีลังเล “จะไปส่ง เร็วดิ” เขาสำทับ เร่งเร้า
สุดที่รักแปลกใจเล็กน้อยหลังรู้ถึงจุดประสงค์การขับรถตามของกว้างขวาง สุดท้ายด้วยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงมาก อีกทั้งสีหน้ารุ่นพี่หนุ่มก็จริงจังจนดูน่ากริ่งเกรง เหมือนกำลังถูกขู่อยู่กรายๆ จึงจำยอมก้าวขึ้นรถอย่างช่วยไม่ได้ กว้างขวางปิดประตูรถ ก่อนหันมายิ้มให้รุ่นน้องปีหนึ่งที่เหลือ
“ขอบใจนะน้องๆ จับได้ละ” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ก่อนออกรถไป ทิ้งให้เด็กปีหนึ่งวัยใสอ่อนระทวยกับรอยยิ้มกันเป็นแถบ
“ใจบางไปหมดแล้วค่ะพี่”
“นี่พี่หรือผัว เอาดีๆ”
“ฮืออออ อยากนั่งรถหรูให้เป็นบุญตูดบ้าง”
“ให้ไปส่งที่ตึกไหน?” กว้างขวางเอ่ยถามคนข้างๆ หลังออกรถมาได้ไม่ไกล
“คณะครุฯ ครับ”
ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวไปตามเส้นทางในมหาวิทยาลัย ก่อนจะเสตามองดูสภาพร่างของสุดที่รักด้วยความสนใจ เสื้อผ้ามอมแมมขาดลุ่ย บริเวณข้างขาช่วงหัวเข่ามีรอยขาดเห็นไปถึงผิวขาวถลอกเลือดซิบ ทว่าดูเหมือนเจ้าตัวจะใส่ยาเรียบร้อยแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เข้าทรง ทุกอย่างโดยรวมไม่มีความเรียบร้อย ซึ่งนั่นทำให้คนเนี้ยบอย่างเขาค่อนข้างขัดใจ จังหวะหนึ่งเผลอไผลเอื้อมไปยีเส้นผมปราศจากเจลเซต เส้นผมสีดำลื่นมือถูกจัดให้เข้าที่อีกครั้ง
“!!” สุดที่รักตกใจ รีบเบี่ยงหัวหลบแทบติดกระจกรถ
ทำให้รุ่นพี่หนุ่มปีสี่มือค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ มองคนทำท่าทางราวกับลูกแมวหวาดระแวง ก่อนจะชักมันกลับจับพวงมาลัยแก้เก้อ
เขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเหมือนกัน
“เจ็บมากหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง คราวนี้เขาตัดสินใจถามถึงเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ดูจากบาดแผลแล้วเจ้าตัวคงเจ็บไม่น้อย
สุดที่รักไม่ตอบคำถาม แต่ชายหนุ่มก็พอจะเดาเองได้ ใครไม่เจ็บก็บ้าแล้ว ถูกรถชนจังๆ แบบนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน รถสปอร์ตก็มาจอดเทียบท่าหน้าตึกคณะครุศาสตร์ สุดที่รักเก้กังจนกว้างขวางนึกขำ เขานั่งมองเด็กเอ๋อแสร้งทำทีเหมือนไม่มีอะไร ทั้งที่ในใจคงกระวนกระวายอยากออกไปจะแย่
แต่มันเปิดประตูรถไม่เป็น
รถสปอร์ตคันนี้ที่เปิดไม่เหมือนรถทั่วไป ไม่หาให้ดีก็จะไม่รู้ว่ามีอยู่
รุ่นพี่หนุ่มเอาแขนข้างหนึ่งเท้าพวงมาลัย เลิกคิ้วตีหน้าทะเล้นยามสุดที่รักหันมามองเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ช่วยเปิดประตูรถให้หน่อยได้ไหมครับ” สุดท้ายจำใจพูดออกไปเพราะไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว
กว้างขวางหัวเราะให้คนที่สุดท้ายแล้วก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือ เขาปลดสายรัดนิรภัยของตัวเองออก ก่อนโน้มกายไปทางฝั่งคนนั่ง รูปร่างสูงใหญ่ทาบทับบดบังร่างผอมบางจนมิด ชั่วขณะหนึ่งนึกขันอย่างขี้เล่นแกล้งเด็กนัยน์ตาโศกด้วยการหยุดค้างแล้วหันหน้าเผชิญในระยะประชิด
สุดที่รักแทบกลั้นหายใจยามที่รุ่นพี่ที่ตนแอบปลื้มจ้องมอง ด้วยไม่อยากให้หัวใจสั่นไหวไปมากกว่านี้ จึงรีบเบือนหน้าหลบสายตาแฝงความหมายบางอย่างไปทางหน้าต่าง
กว้างขวางหัวเราะในท่าทีประหม่า เกิดความพึงพอใจเล็กๆ ที่รู้แน่ว่ามันยังแอบหลงใหลได้ปลื้มเขา
แต่น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนเมื่อคืน
ความรังเกียจลดลงไป...มาก
“ผมสายมากแล้ว” เสียงย้ำเตือนของเด็กหนุ่มยังผลให้กว้างขวางยอมเปิดประตูรถให้
ทันทีที่เป็นอิสระ ร่างโปร่งก็ผลุนผลันก้าวลงจากรถแทบหลงลืมความเจ็บปวด
“ขอบคุณนะครับ” ด้วยเพราะเป็นคนไม่หลงลืมบุญคุณคนดังคำสอนของแม่ที่จดจำมาตั้งแต่เด็ก สุดที่รักยกมือไหว้กว้างขวาง
กว้างขวางมองการกระทำของเด็กหนุ่มอยู่เงียบๆ กระทั่งเห็นสุดที่รักเดินกะเผลกติดเร่งรีบเข้าไปใต้ตึก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้เดินขึ้นตึกไปอย่างใจหวังในทันที เพราะมีนักศึกษาสาวคนหนึ่งตรงปรี่เข้าไปหาด้วยสีหน้าเว้าวอน ชายหนุ่มมองเหตุการณ์ในระยะค่อนข้างไกล จึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยกันว่าอะไร แต่ดูจากการกระทำของสุดที่รักแล้ว เด็กคนนั้นคงไหว้วานให้ร่างโปร่งช่วยแบกชีทเรียนนับร้อยเล่มขึ้นห้องเรียน
“ขอบคุณมากนะสุดที่รัก ไม่ได้นายเราแย่แน่ๆ พอดีพวกไอ้ต๊อดมันติดคุยงานกับอาจารย์น่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยความตื้นตัน ชีทเข้ารูปเล่มหลายร้อยหน้าพวกนี้เพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อนๆ จริงๆ เป็นหน้าที่ของกลุ่มประธานชั้นปีอย่างต๊อดที่จะต้องนำไปแจกเพื่อนในห้องเรียน แต่เพราะติดคุยงาน แถมบริเวณใต้ตึกก็ไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่เลย เพราะขึ้นไปเรียนกันได้สิบนาทีก่อนกันหมดแล้ว หน้าที่นี้จึงตกมาอยู่ในมือรองประธานชั้นปีอย่างเธอ
“ไม่เป็นไร ช่วยๆ กัน ต้องขอบคุณบีมากกว่าที่เป็นธุระให้เพื่อนๆ” สุดที่รักตอบ พลางอุ้มชีทเย็บเล่มเข้าวงแขนให้ได้มากที่สุด เรื่องแบกของหนักไม่เท่าไหร่ แต่อาการเจ็บแปลบบริเวณสะโพกและข้อเท้านี่สิเล่นเอาเดินไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขายังกัดฟันฝืน จะปล่อยให้ผู้หญิงแบกขึ้นไปลำพังได้ยังไง
ความเจ็บแล่นริ้วเมื่อก้าวขา ชีทนับยี่สิบเล่มในอ้อมแขนโคลงเคลงทำท่าจะร่วง พลันทันใดนั้นเองกลับมีมือแกร่งของใครบางคนมารับเอาไว้ได้ทัน
เป็นอีกครั้งที่รุ่นพี่ปีสี่อย่างกว้างขวางเข้ามาช่วยเอาไว้
“อุ๊ย! พี่กว้างขวางมาได้ยังไงคะเนี่ย สวัสดีค่ะ”
“ให้พี่ช่วยนะ จะได้ไม่ต้องเดินลงมาเอาหลายรอบ” พูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะออกแรงดึงชีททั้งหมดมาจากสุดที่รัก สายตาคมมองตอบแววตาโศก และเป็นอีกครั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาทำสุดที่รักใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ขอบคุณมากนะคะพี่ หล่อแล้วยังใจดีอีกอะ” เด็กสาวปีสองยิ้มเขินๆ
หลังจากนั้นคนทั้งหมดก็พากันเดินผ่านลานโล่งกลางตึกไปยังตึกด้านในสุดเพื่อใช้ลิฟต์ กว้างขวางรับหน้าที่แบกชีทเอาไว้มากที่สุด รองลงมาคือสุดที่รักซึ่งได้ถือเพียงครึ่งหนึ่งของชายหนุ่ม ส่วนบีถือเท่าที่ถือได้หากแต่ไม่ได้มากมายอะไร
เมื่อเข้าไปในลิฟต์ บีก็หันมาคุยกับสุดที่รักซึ่งยืนคั่นกลางระหว่างเธอกับรุ่นพี่หนุ่ม
“สุดที่รักเลือกสถานที่ฝึกงานหรือยัง?”
“เราว่าจะกลับไปที่โรงเรียนเดิมนะ บีล่ะ?”
“เรากับพวกไอ้ต๊อดตกลงกันว่าจะขึ้นเหนือไปน่าน บ้านญาติมันอยู่ที่นั่น ปีที่แล้วเลือกผิดมากลงกระบี่ ร้อนตับแล่บ!” ท่าทางของเธอเรียกเสียงหัวเราะจากสุดที่รักได้เป็นอย่างดี ดวงตาโศกปิดหยีชวนให้คนตัวสูงหันมามองโดยไม่รู้ตัว
“ทางใต้ก็น่าสนุกนะ มีทะเล มีที่เที่ยวเยอะเลย”
“ช่วงแรกๆ ก็สนุกอยู่หรอก เสาร์อาทิตย์ทีก็ไปเล่นน้ำกันจนตัวดำ ปาร์ตี้กันเมาเละ หลังๆ ไม่ไหว ตังค์หมด แล้วที่เชียงรายสนุกไหม ติดใจอะไรไปทุกปีเลย” กระแซะศอกใส่ร่างโปร่ง หลักสูตรของคณะครุศาสตร์จะมีวิชาหนึ่งที่ให้นักศึกษาได้ลองฝึกงานในทุกๆ ปิดเทอม เป็นการฝึกงานระยะสั้นเพื่อทำความคุ้นเคยให้แก่ผู้ที่จะได้ขึ้นชื่อว่าครูในอนาคต
“พอดีเป็นบ้านเกิดน่ะเลยอยากกลับไปที่ที่คุ้นเคย โรงเรียนนั้นเด็กๆ น่ารัก พวกครูก็ใจดีด้วย อยู่แล้วมีความสุข”
คนตอบยิ้มกว้างหลังนึกถึงบรรยากาศที่นั่นเมื่อปีก่อน แม้ที่นั่นจะไม่มี บุพการีที่รักเขาเหลืออยู่แล้ว แต่การกลับไปที่นั่นมันทำให้เขามีความสุขมาก ได้เจอบรรยากาศเก่าๆ ได้กลับไปบ้านสวนที่ตอนนี้มีครอบครัวป้าศรี แม่บ้านคนเก่าคนแก่ของแม่ช่วยดูแลอยู่ มีเด็กนักเรียนกับคุณครูที่เป็นกันเอง อยู่กันเหมือนครอบครัว
“อากาศก็ดีด้วย ยิ่งปีนี้ฝึกช่วงกุมภาอีก ฟีลหนาวมาเลยอะ เอ่อ...แล้ว พี่กว้างล่ะคะ เทอมหน้าก็ฝึกงานแล้ว หนูถามได้ไหมคะว่าจะไปฝึกที่ไหน?”
บีโน้มหน้าโผล่พ้นออกมาจากแถวเรียงหน้ากระดาน ส่งรอยยิ้มให้คนตัวสูงชะลูด
“คงเป็นบริษัทในเครือของพ่อครับ เขาอยากให้ช่วยตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าสาขาไหน”
“โห...ดีจังเลยค่ะ ทำกับที่บ้านไม่ค่อยเกร็งดี แต่จริงๆ อย่างพี่กว้างไปฝึกที่ไหนใครๆ เขาก็รับหมด ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง”
บีอดชมรุ่นพี่ปีสี่ผู้ซึ่งถือเป็นแบบอย่างคนหนึ่งไม่ได้ กว้างขวางขึ้นชื่อเรื่องหล่อขั้นเทพแล้ว เรื่องการเรียนและกิจกรรมก็ไม่ได้น้อยหน้า บ้านร่ำรวยด้วยประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สร้างคอนโดตามจุดยุทธศาสตร์ในหลายๆ จังหวัด รายได้หมุนเวียนนับพันล้านต่อปี
กว้างขวางกระตุกมุมปากคล้ายว่ายิ้ม ทว่ามันเป็นเพียงการเหยียดหยันเมื่อเรื่องครอบครัวถูกพูดถึง
“บางทีก็น่าเบื่อ ไม่มีเรื่องตื่นเต้นให้ลอง พี่อยากเจอคนใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ โดยไม่มีบารมีพ่อมาค้ำให้ พี่ว่าแบบนั้นน่าสนุกกว่าเยอะ”
ความคิดเห็นจากใจจริงถูกเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เป็นครั้งแรกที่สุดที่รักหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงตรงๆ ยามที่กว้างขวางจริงจัง เปิดเผยความคิด ช่างน่าชื่นชม
พูดถึงเรื่องฝึกงานก็นับว่าน่าใจหาย หลังจากจบเทอมนี้ไป กว้างขวาง ศิริไพศาล นักศึกษาปีสี่จะค่อยๆ กลายเป็นความทรงจำของเหล่ารุ่นน้อง เดือนมหาวิทยาลัยปีสี่จะเรียนจบพร้อมออกไปสู่โลกกว้าง ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ห้วงหัวใจของสุดที่รักสั่นไหวทุกครั้งเมื่อคิดว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เขาจะไม่ได้พบเจอคนที่ตนเฝ้าแอบปลื้ม แอบมอง แอบชื่นชมอยู่ไกลๆ อีกแล้ว
ชีวิตของเขาหลังจากนี้คงเงียบเหงาเอาการ
บทสนทนาสั้นๆ จบลงเมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นสี่ ทั้งหมดพากันเดินไปยังหน้าห้องเล็คเชอร์ขนาดกลาง แว่วเสียงอาจารย์ผ่านไมโครโฟน นักศึกษานับร้อยนั่งกระจัดกระจายตามเก้าอี้เลคเชอร์
“ขอบคุณมากนะคะพี่กว้าง” บีย่อกายคล้ายถอนสายบัวเพราะไม่มีมือสำหรับ การไหว้ ก่อนพยักพเยิดส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในห้องให้มาช่วยรับชีทไปแจกจ่ายผ่านช่องกระจกใสตรงประตู
“เลิกเรียนกี่โมง?” กว้างขวางเอ่ยถามสุดที่รัก “ถามก็ตอบดิ”
คนยืนเอ๋อทำหน้างง ที่ไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าจะตอบไปเพื่ออะไร รุ่นพี่ปีสี่คนนี้ต้องการอะไรจากเขาอย่างนั้นเหรอ ยังมีอะไรให้ต้องข้องเกี่ยวกันอีกเหรอ
“สี่โมงครึ่งครับ”
“อืม เลิกแล้วรอที่หน้าตึกคณะนะ”
“ห้ะ?”
“จะคืนมือถือให้”
“อ๋อ...ครับ”
“จะเอาไหม?” เห็นหน้าเอ๋อๆ มึนๆ แล้วกว้างขวางถึงกับต้องถามย้ำ
“เอาครับๆ” เขาลืมไปเสียสนิทว่าทำมือถือตกในรถของรุ่นพี่หนุ่ม กว้างขวางพยักหน้าก่อนจะยื่นชีทในอ้อมแขนให้รุ่นน้องชายที่เข้ามารับหน้าที่แทน สุดท้ายเดินกลับไปยังลิฟต์
“เอ่อคุณ!” สุดที่รักร้องเรียก ก่อนจะวิ่งตามไป
“...”
“รบกวนคุณเอามือถือฝากไว้ที่ใต้ตึกได้ไหมครับ?”
“ทำไม?” ชายหนุ่มร่างสูงขมวดคิ้วให้ท่าทางดูหลบเลี่ยงการเจอหน้าเขาทุกวิถีทาง ไหนจะคำสรรพนามที่เจ้าตัวใช้เรียกเขาอีกล่ะ
เมื่อคืนเรียกเขาว่าพี่ไม่ใช่เหรอ
แล้วนี่อะไร...คุณ?
“เอ่อ...” จะให้เขาบอกได้ยังไง ว่าเขาไม่อยากเจอกว้างขวางอีก แค่นี้โชคชะตาก็เล่นเอาน่วมมากพอแล้ว ต่อไปหลังจากนี้เขาจะต้องระวังตัวให้มาก กว้างขวางอยู่ที่ไหน ที่นั่นคงเป็นเขตต้องห้ามสำหรับเขา
ใครบ้างโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาแล้วไม่เจ็บไม่จำ
“บอกให้รอก็รอ อย่าดื้อได้ไหม”
กว้างขวางพูดพลางพรูลมหายใจ รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่ตัวเองถูกปฏิเสธและเหมือนไม่เป็นที่ต้องการของคนตรงหน้า ไม่เคยมีใครทำหน้าเสียใส่เขาแบบนี้มาก่อน พูดจบก็เดินเข้าลิฟต์ไปทันที
สุดที่รักถอนหายใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตาโศกเจือไปด้วยความหวั่นเกรงหลังชายหนุ่มจากไปแล้ว
ยังจะต้องเจอกันอีกเหรอเนี่ย
“แน้...ไปรู้จักกันได้ยังไงเนี่ย นั่นเดือนมหาลัยเลยนะ ตั้งแต่ปีหนึ่งเราไม่เห็นสุดที่รักจะคุยกับพี่เขาเลย” บียิ้มแซว หลังสุดที่รักหย่อนกายนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ
“มีเรื่องกันนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้รู้จักกันหรอก”
“หืม? เห็นคุยกันอย่างกับรู้จักกันมานาน นึกว่าเพื่อนเราจะไปซี้กับหนุ่มหล่อขวัญใจสาวมหาลัยซะอีก กะจะขอพึ่งใบบุญตีซี้ด้วยซะหน่อย ได้เป็นคนรู้จักพี่กว้างขวางนี่เลิศไม่เบานะ คิคิ”
สุดที่รักส่ายหน้าเบาๆ ในท่าทางของเพื่อนสาว เขาเห็นด้วยกับคำพูดเธอทั้งหมด มีใครบ้างไม่อยากเป็นคนที่อยู่ในความสนใจของผู้ชายที่ชื่อกว้างขวาง
แต่สำหรับเขา นายสุดที่รัก...คงไม่มีวันที่รุ่นพี่หนุ่มคนนั้นจะมาใส่ใจ
คงเป็นคนนอกสายตาอย่างแท้จริง
“นี่ๆ ดูนี่สิ พี่กว้างคุยกับดาวนิเทศปีสองด้วยอะ!” เสียงหนึ่งเค้นต่ำเพื่อไม่ให้อาจารย์จับได้ดังจากด้านหลัง เป็นนักศึกษาสาวอีกคนที่ยื่นโทรศัพท์มือถือซึ่งเปิดเพจ ก๊อซซิปของมหาวิทยาลัยมาให้บีดู
“โห แล้วน้องมายด์เน็ตไอดอลล่ะคะ ไม่ทันข้ามอาทิตย์โดนเขี่ยทิ้งแล้วเหรอ” บีออกความเห็นหลังดูภาพหน้าตึกคณะครุศาสตร์ รุ่นพี่ปีสี่สุดหล่อกำลังยืนคุยกับนักศึกษาสาวหน้าตาสะสวยพร้อมรอยยิ้ม
“รายนั้นฉันให้อีกแค่สามวันค่ะ ส่วนคนนี้...เหมือนจะตัวจริง วงในบอกว่าพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเขารู้จักกัน ฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวท่านนายพลกับคุณหญิงตระกูลผู้ดีเก่า เพียบพร้อมทุกสิ่งอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะ แล้วก็นิสัย”
“รู้ดีจังนะยะ เออแต่ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ว่าพี่กว้างเที่ยวเล่นกับผู้หญิงไปทั่วก็จริง แต่มีคนนึงที่พี่เขาคุยด้วยแต่ไม่ยอมควงออกหน้าออกตา ไม่เปิดตัวว่าเป็นแฟน เหมือนดูแลกันอยู่ห่างๆ ทะนุถนอมแบบไม่แตะต้อง”
“หูยยยยรู้ดีกว่าฉันอีกกก...” เพื่อนสาวอีกคนถึงกับยื่นมือมาตีไหล่บีเบาๆ “ก็คงคนนี้แหละแก นานๆ จะมีรูปคู่กันทีนึง แฟนคลับที่คอยเชียร์ก็ฟินกันกระจาย ส่วนพวกภริยาท่านเทพกว้างก็พากันดิ้นพล่าน ไม่ใช่ฟินนะ อิจฉาเขา” พูดจบก็หัวเราะขื่น เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งใน #ภริยาท่านเทพกว้าง เหมือนกัน
“เขาเหมือนเกิดมาคู่กัน หน้าตาดีทั้งคู่ไม่พอ ทางบ้านสนับสนุนเกื้อหนุนกันอีกต่างหาก ถ้าพี่กว้างขวางมีหลายกว้างขวางพวกเมียๆ อาจจะมีสิทธิ์บ้าง แต่นี่กว้างขวางมีคนเดียวไง ก็ต้องไปเป็นของคนที่เขาเหมาะสมนะคะหล่อน ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ” บียักไหล่ สาวแว่นอย่างเธอปลงตกตั้งแต่แรกแล้ว
“สาวแต่ละคนของพี่กว้างขวางสุดยอดจริงๆ อย่างเราๆ นี่ขี้หมาไปเลยค่ะ”
“พูดซะเหม็นเลยนังดาว เอ้อ! สุดที่รัก อาจารย์บอกให้เราทำควิซหลังเลิกเรียนนะ เป็นกรณียกเว้นที่ช่วยเป็นธุระแบกชีทมาให้เพื่อนๆ” บีทำท่าขยะแขยง ก่อนจะหันมาบอกสุดที่รักถึงเรื่องที่เพิ่งนึกได้ พูดจบก็หันไปเม้ากับเพื่อนด้านหลังต่ออย่างออกรสออกชาติ
สุดที่รักพยักหน้าพลางเหลือบมองภาพในมือถือซึ่งถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ องค์ประกอบภาพนั้นดีเยี่ยม คนสองคนยืนบนทางเท้าพร้อมรอยยิ้ม ด้านข้างเป็นรถสปอร์ตคันหรู ช่วงนี้ลมเย็นมีมาให้สัมผัสบ้างถึงได้พัดเอากลีบดอกราชพฤกษ์ข้างตึกครุฯ โปรยปรายเป็นส่วนหนึ่งของภาพ เพิ่มความสวยงามราวกับเป็นโปสเตอร์หนังรักโรแมนติกสักเรื่อง
รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้า ทว่าหัวใจกลับกระตุกหน่วง ผู้หญิงในภาพเป็นคนรู้จักซึ่งเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
‘อุ่น มาลา ธารามาลา’
ลูกสาวคนเล็กตระกูลดัง หญิงสาวที่เติบโตมาพร้อมกับความเพียบพร้อมทั้งหน้าตาสะสวย ผิวขาวเนียน รูปร่างสะโอดสะอง รู้จักกาลเทศะเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ ในขณะเดียวกันก็เป็นกันเองกับกลุ่มเพื่อน ซ้ำยังมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะนิเทศศาสตร์ปีสองอีกด้วย
สุดที่รักเคยได้ยินมาบ้างถึงความสัมพันธ์ค่อยเป็นค่อยไประหว่างรุ่นพี่ปีสี่อย่างกว้างขวางและดาวนิเทศอย่างอุ่น ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคบกันในสถานะไหน นานๆ ทีถึงจะมีภาพทั้งคู่พบปะพูดคุยกันที ซึ่งก็มีหลายคนที่คอยเอ่ยชมไม่ขาดว่าคนทั้งคู่เหมาะสมกันมากราวกับกิ่งทองใบหยก คนหนึ่งเป็นลูกชายนักบริหารชื่อดังคับประเทศ หล่อเหลาไม่มีที่ติ กับอีกคนเป็นถึงลูกสาวคนเล็กของท่านนายพลตำรวจ กิริยามารยาทเรียบร้อยน่าชื่นชม จึงมีใครต่อใครจับตามองและคอยลุ้น คอยเชียร์ให้คบกันอยู่ตลอด
เขาเห็นรอยยิ้มของอุ่นและแววตาที่กำลังจ้องมองกว้างขวาง สิ่งเหล่านี้สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าหญิงสาวนั้นรู้สึกอย่างไรกับคนถือสถานะเป็นเพื่อนพี่ชาย นอกไปจากนี้สุดที่รักรู้ดีเป็นที่สุดถึงความรู้สึกเบื้องลึกของอุ่น ด้วยเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวธารามาลา ก่อนจะย้ายออกมาอยู่หอพักเพียงลำพัง อีกทั้งอุ่นกับเขายังอายุเท่ากัน เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เวลาที่อุ่นมีอะไรก็มักจะมาบอกเล่าให้เขาฟังเสมอ รวมไปถึงเรื่องหัวใจของเธอด้วย
อุ่นแอบรักเพื่อนของพี่ชายคนนี้มานานมากแล้ว
แค่ภาพถ่ายยังรู้สึกเจ็บแปลบได้ขนาดนี้ ถ้าได้เจอของจริงจะขนาดไหน แต่ถึงจะเจ็บอย่างไรก็ไม่คิดอิจฉา ด้วยเพราะเข้าใจถึงความเป็นจริง จึงได้แต่ซ่อนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อรุ่นพี่หนุ่มเอาไว้อยู่อย่างนี้ ปล่อยให้มันเป็นเพียงความทรงจำที่เขาขอเก็บไปนึกฝันในโลกของตัวเอง ส่วนความจริงจะเป็นเช่นไรนั้น เขาคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับมัน
ชั่วโมงเรียนจบลง สุดที่รักเลิกช้านิดหน่อยเพราะต้องอยู่ทำควิซต่อ โชคดีที่อาจารย์ยกเว้นให้ เพราะถือว่าเขาทำเพื่อเพื่อนๆ หลังทำเสร็จแล้วก็เดินลงมาชั้นหนึ่ง โบกมือลาบีที่เป็นคู่ควิซสองคนสุดท้าย ใต้ตึกครุศาสตร์เวลานี้เงียบเชียบไร้ผู้คน ร่างโปร่งเหลียวซ้ายแลขวามองหาคนที่บอกว่าให้รอ แม้ใจจะอยากหนี แต่เขากลับต้องจำใจอยู่รอเพื่อเอามือถือคืนมาให้ได้เสียก่อน เขาตัดสินใจนั่งม้านั่งหน้าคณะ รออยู่นานจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี ตบยุงก็แล้ว นั่งหาวก็แล้ว ก็ยังไร้วี่แววว่าใครคนนั้นจะมาตามที่พูด คราวนี้สุดที่รักทนอยู่ต่อไม่ได้อีกแล้วเพราะได้เวลาต้องไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ สุดท้ายตัดใจผุดลุกก่อนจะเดินเลียบไปตามทางเท้า แต่ทันใดนั้นเองรถสปอร์ตคุ้นตาก็มาหยุดจอดตรงหน้าพอดิบพอดี