ตอนที่ 5.3

2254 Words
หลายวันมานี้นักศึกษาครุหลายชั้นปีมักได้เห็นรุ่นพี่หนุ่มสุดหล่อยืนคุยกับใครหลายคนตรงหน้าตึก บางทีก็ใต้ตึก หรือบางทีก็ตรงม้าหินอ่อนหน้าคณะสร้างเสียงฮือฮา เสียงกรี๊ดกร๊าดได้ไม่ขาด บางคนซุบซิบนินทาว่าช่วงนี้ชายหนุ่มกำลังติดพันกับสาวครุศาสตร์คนไหนหรือเปล่า ถึงได้เทียวไปเทียวมาอยู่อย่างนี้ ซึ่งวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ชายหนุ่มกำลังยืนกอดอกด้วยท่าทางสบายๆ คุยอยู่กับพี่ธี ประธานชมรมฟุตบอล หนึ่งในท่านเทพของใครหลายๆ คน “เอ่อ...บี เราขอตัวก่อนนะ นึกขึ้นได้ว่านัดพี่เขมไว้ที่บ่อปลาหลังคณะเกษตรฯ อะ” เมื่อเดินลงมาจากตึก สุดที่รักชะงักฝีเท้าก่อนมีสีหน้าตื่นตระหนก หันไปบอกเพื่อนซึ่งเดินมาด้วยกันอย่างว่องไว “อ้าว! ไหนว่าจะไปติวหนังสือกันที่ห้องสมุด” “เพิ่งนึกได้ ไว้ตามไปนะ” “เอางั้นเหรอ?” บีขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ยอมปล่อยเพื่อนชายท่าทีลุกลี้ลุกลนผิดปกติ ปลีกตัวออกไปทางด้านหลังตึก ทว่ากลับไม่พ้นสายตาคู่หนึ่งซึ่งทันได้เห็นพอดิบพอดี “ตกลงว่าไงวะ ร้านเดิมหรือเปลี่ยน” เสียงคนตรงหน้าดังขัดขึ้น ทำเอาคนตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งเล็กน้อย “ห้ะ? ว่าไงนะ” “มองห่าไร?” ธีหันไปมองตามสายตาของเพื่อนซี้ แต่กลับไม่เห็นใครที่รู้จักอยู่ตรงนั้น มีเพียงกลุ่มน้องนักศึกษาเด็กเรียน “กูถามว่าสอบมิดเทอมเสร็จจะไปฉลองกันที่ไหน ร้านเดิมหรือเปลี่ยนที่” คนถูกถามขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้สนใจคำถามเท่าที่ควร “จะที่ไหนกูก็ได้ทั้งนั้นอะ” ชายหนุ่มชะเง้อคอมองแผ่นหลังบางหายวับไปทางด้านหลัง “เดี๋ยวกูไปละ” “เดี๋ยวๆ แล้วคืนนี้เอาไง ไอ้อิ่มมันกลับมาละ กูนัดมันละนะ” เมื่อเห็นท่าทีลนลานเหมือนคนอยากไปจากที่ตรงนี้เต็มแก่ ธีรีบรั้งแขนเจ้าของรถยนต์สีขาวคันโตเอาไว้ ถามไถ่ถึงนัดดื่มคืนนี้ “เออ ไปดิ กูไปละนะ” กว้างขวางยื้อแขน ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าตึกทันที ไม่สนใจเพื่อนซี้ที่ได้แต่ยืนทำหน้างงเลยสักนิด “อะไรของมันวะ?” หลังหลบหน้ามาได้อย่างหวุดหวิด ร่างโปร่งก็ก้าวยาวมุ่งมาถึงจุดหมาย นั่นคือบ่อเลี้ยงปลาท้ายคณะเกษตรฯ  ในเมื่อไม่มีเรียนแล้ว แถมยังโดดนัดติวกับเพื่อนอีก มันเลยว่างๆ เวลาที่ไม่รู้ไปไหน สุดที่รักมักมาขลุกอยู่ที่นี่ มาอยู่กับพี่เขม รุ่นพี่สถาปัตย์ ความติสต์แตกสุดขั้วทำให้แกชอบมาปักหลักอยู่ตามแปลงผัก บ่อปลาของคณะเกษตรอยู่เป็นประจำ พอเดินมาถึง เห็นคนที่เป็นเหมือนดั่งใบบุญกำลังนั่งบนเก้าอี้สนามตัวเล็กตรงริมบ่อก็ใจชื้น ข้างกายพี่เขมมีถังน้ำสีดำ ส่วนมือถือคันเบ็ดตกปลาเก่าๆ สุดที่รักเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนกายนั่งยองอยู่ข้างๆ คนที่กำลังนั่งมองน้ำ มองฟ้า หันมามองด้วยสายตา   เนิบนาบ ก่อนพูดเสียงอ้อแอ้ยานคาง “ไม่มีตังค์แดกข้าวอีกแล้วเรอะ ถึงจะมาขอตกปลาฟรี ไม่ได้นะโว๊ย นี่ของหลวง”   ชี้นิ้วกวาดทั่วท้องน้ำขนาดใหญ่หลายไร่ ริมซ้ายและขวาเป็นแปลงผักแบบไฮโดรโปนิก   ปลูกในรางน้ำ มีเต็นท์มุ้งสีขาวคลุมเอาไว้ “เปล่าซะหน่อย ผมแค่อยากมาหาพี่” “หือ? งั้นเหรอ อึก! ...” ชายหนุ่มสะอึกเสียงดัง กลิ่นเหล้าคลุ้งกระจัดกระจายจนสุดที่รักย่นจมูก “ดื่มในมหาลัยอีกแล้ว ไม่ดีนะพี่” กลิ่นยาดองนี่มันแรงกว่าเหล้าธรรมดาอีกนะเนี่ย “มึงไม่เอาไปบอกใครจะรู้ นี่มันก็เย็นแล้วไม่มีใครมาตรวจหรอก ส่วนลุงยาม โน่น...เมาแอ๋กลับบ้านไปแล้ว กูเลยอาสาเฝ้าบ่อปลากับแปลงผักให้ มึงมาก็ดีละ กูกำลังเหงาเลย เอ้า! สักกรึ๊บ” ไม่พูดเปล่า ยื่นแก้วเป๊กมียาดองอยู่ในนั้นครึ่งแก้วให้สุดที่รัก “ไม่ดีกว่าพี่” ร่างโปร่งส่ายหน้าพรืด แค่ได้กลิ่นก็แทบอ้วกแล้ว “เห่ย...รุ่นพี่ให้อย่าริปฏิเสธ แดกเลย” เมื่อถูกบังคับ จับยัดให้ถึงมือ รุ่นน้องขี้เกรงใจจึงกลั้นใจกระดกยาดองเข้าปากอย่างว่าง่าย ว่ากลิ่นของมันแรงขื่นชวนอ้วกแล้ว ยังไม่เท่ารสชาติอันร้อนแรง ความขมปร่าแผ่ซ่านในโพรงปาก รสสัมผัสหลังจากกลืนไปแล้วคือความมึนตึงไปชั่วขณะ สุดที่รักนิ่วหน้า ขนลุกขนพอง แต่พี่เขมกลับไม่ยอมให้หยุดอยู่ที่แก้วเดียว คอยเทแล้วยื่นให้อยู่ตลอด หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ โดยมีเหล้ายาดองไม่ขาดปาก ไม่นานสติดีๆ กลับมลายหายไปสิ้น ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู นัยน์ตาเศร้าฉ่ำหวานด้วยแพขนตากระพริบเนิบนาบ “แล้วนี่พวกไอ้ชะไปไหน กูไม่เห็นมันหลายวันละ” “เห็นว่าติดทำโปรเจ็คส่งอาจารย์นะครับ” ช่วงนี้เขาเองก็ไม่ได้เจอชยางกูรเหมือนกัน มีบ้างที่อีกฝ่ายโทรมาหา แต่ก็คุยกันแค่ไม่กี่นาทีก่อนเข้านอน เห็นว่ายุ่งมากกับงานสร้างโมเดลอะไรสักอย่าง ทำกันที่หอเจมส์หามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว “อืม ปีสองงานเยอะจริง กูเข้าใจเลยว่ะ ผ่านจุดนั้นมาละ เห่ยๆ มาว่ะๆ” พลันทันใดนั้นเบ็ดในมือก็กระตุกไหว ผืนน้ำกระเพื่อมเป็นวงใหญ่ เป็นสัญญาณว่ามีปลาติดเบ็ดเข้าแล้ว เขมลุกพรึ่บ ก่อนใช้มือหมุนรอกเบ็ด ยื้อยุดกับ  สิ่งที่อยู่ใต้น้ำอยู่ได้สักพัก และก็เป็นเขาที่เอาชนะเจ้าปลาตะเพียนน้ำจืดได้สำเร็จ “ของหลวงไม่ใช่เหรอพี่?” สุดที่รักชะเง้อคอมองเจ้าปลาเกล็ดเงินมันวาวดิ้นเร่าอยู่กลางอากาศ “เอ๊ะไ*****อนี่ มึงน้องกูไหม? จะแดกไหมปลาเนี่ย” รุ่นพี่หนุ่มขมวดคิ้วใส่รุ่นน้อง หาเหตุผลมาแย้งไม่ได้ ก็ดึงมันเข้าร่วมขบวนการเสียเลย สุดที่รักเงียบไปทันที ได้แต่นั่งยองมองรุ่นพี่ดึงตะขอออกจากปากปลาตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ ก่อนโยนมันลงถังน้ำซึ่งมีปลาแหวกว่ายอยู่ภายในได้สี่ห้าตัวแล้ว เย็นนี้หากได้ปลาสดๆ มายังชีพคงจะดีไม่น้อย จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อข้าว อีกอย่างฝีมือปิ้งปลาของพี่เขมมีน้อยเสียที่ไหน กลิ่นหอมตอนปิ้งกับรสชาติย่างเกลือนี่อร่อยเด็ดอย่าบอกใคร เขาได้กินเป็นประจำ “มองตาใสอยู่นั่น ไปเตรียมฟืนก่อไฟไป เดี๋ยวกูเอาปลาไปล้างก่อน” สุดที่รักพยักหน้าหงึกหงัก พลางลุกด้วยท่าทีโงนเงน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทว่าทันทีที่ตวัดกายหันกลับ กลับพบว่ามีใครคนหนึ่งเดินตรงมาทางนี้พอดี คนสติกระท่อนกระแท่นถึงกับชะงัก ไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่พยายามหนีตลอดสัปดาห์มาหยุดอยู่ตรงหน้า ด้วยความตกใจจึงเผลอชักเท้าถอยหลังไปหลายก้าว “ระวัง!” คนมาใหม่ตกใจเมื่อเห็นร่างโปร่งลื่นไถลไปกับดินโคลนริมบ่อปลา รีบก้าวเท้าเข้าไปใกล้หวังจะคว้าตัวสุดที่รักเอาไว้ ส่วนคนเมาหน้าแดงเองก็ทำตามสัญชาตญาณเช่นเดียวกัน มือบางทั้งสองไขว่คว้าไปข้างหน้า ในขณะที่ร่างทั้งร่างกำลังหงายหลังลงสู่บ่อปลา เป็นจังหวะเดียวกับที่รุ่นพี่หนุ่มผิวขาวสะอาดเข้ามาประชิด สุดที่รักคว้าขยุ้มเสื้อนักศึกษาได้ตรงช่วงอก แม้ร่างกายจะมีน้ำหนักเบา ทว่าแรงดึงรั้งกลับมีมากพอให้ร่างของกว้างขวางถาโถมตามมาด้วย คนสองคนตกลงไปในบ่อปลา ผืนน้ำแตกกระจายเป็นวงใหญ่ จมดิ่งใต้น้ำลึกแค่ระดับอกได้ไม่นานก็พากันผุดขึ้นมาหายใจ ต่างคนต่างไอสำลักจนหน้าดำหน้าแดง “เป็นอะไรมากไหม?! เห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมารเหรอ เจอหน้ากันถึงได้เอาแต่หนี แล้วดูซิ ทำอะไรลงไป! เปียกไปหมดแล้ว!” กว้างขวางตวาดลั่น พลางกระชากต้นแขนบางเข้าหาตัว สีหน้าเดือดดาลสุดขีด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้เด็กนี่มันต้องมีท่าทีกระอักกระอ่วนอยากหนีเขาอยู่ร่ำไป ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจมันแล้ว ทั้งๆ ที่เขา...เป็นฝ่ายตามมัน คนถูกต่อว่าสำลักน้ำอยู่หลายครั้ง ก่อนจะลูบใบหน้าไล่หยาดน้ำเรียกสติ “ขอโทษครับ! ผมไม่ได้ตั้งใจ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสีย กลัวว่าจะถูกกว้างขวางโกรธตนอีก จึงลนลานยกมือไหว้ขอโทษยกใหญ่ เขาไม่ได้ตั้งใจ มือมันคว้าไปเอง กว้างขวางส่ายหน้าไม่พอใจ ที่เขาพูดไม่ใช่เพราะโมโหที่สุดที่รักดึงเขาให้ตกน้ำด้วย แต่เขาโมโหที่รุ่นน้องชื่อแปลกคนนี้เอาแต่หลบหน้าหลบตาเขาทำเหมือนกับเขาเป็นตัวน่ารังเกียจอย่างนั้นล่ะ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันหนีเขา ในเมื่อตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขามาที่คณะครุฯ ก็เพื่อตามหามัน... ไม่รู้ว่าตามหาทำไม เอาไว้เขาจะหาเหตุผลให้ได้เร็วๆ นี้ ชายหนุ่มกัดฟันข่มโทสะขณะมองหน้ารุ่นน้องร่างบาง ต้นแขนในกำมือให้สัมผัสเปราะบางนุ่มนิ่ม กว้างขวางมองเนื้อตัวเปียกม่อล่อกม่อแล่ก เสี้ยววินาทีต่อมาความหงุดหงิดพลันสั่นคลอน เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัว เมื่อได้เห็น...ชุดนักศึกษาสีขาวโปร่งใสแนบเนื้อขาวนวล ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ชีวิตนี้ชายหนุ่มมากคู่นอนไม่เคยคิดว่าจะทำให้อาการเขากำเริบอย่างยอดอกเล็กๆ ทั้งสองข้างของผู้ชายด้วยกัน เวลานี้กลับตรึงสายตา ตรึงอารมณ์สุดบรรยาย สารเคมีในสมองหลั่งรุนแรง เลือดในกายร้อนวูบวาบ กว้างขวางยามเกิดอารมณ์จะไม่สามารถควบคุมการกระทำได้ คิดอย่างไรก็จะแสดงออกไปอย่างนั้น ราวกับเด็กเล็กที่มีความคิดไม่สลับซับซ้อน กว้างขวางแปลกใจตัวเองที่ไม่นึกรังเกียจ ในทางกลับกัน เขากลับรู้สึกว่าร่างตรงหน้าน่าค้นหา น่าลิ้มลอง... “เราขึ้นกันก่อนเถอะครับ” เมื่อถูกสายตาที่ยากต่อการคาดเดาจดจ้อง สุดที่รักจึงบ่ายเบี่ยงหลบหน้า พยายามยื้อแขนออกจากการจับกุมหากแต่ไม่เป็นผล เพราะร่างกายอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงเกิดจากฤทธิ์เหล้าดีกรีสูง “คุณ...” เสียงเรียกแผ่วเบาปลุกภวังค์คนตัวสูงให้เลิกจ้อง กว้างขวางเหมือนคนได้สติขึ้นมาเล็กน้อย ยอมปล่อยแขนร่างบางให้เป็นอิสระ สุดที่รักตั้งใจจะเดินหนี หากแต่สะดุดตาเข้ากับคราบโคลนติดตรงแก้มของรุ่นพี่หนุ่ม หลงลืมตัวด้วยความมึน เอื้อมมือไปทำความสะอาดเช็ดให้ กว้างขวางยกมือขึ้นมาจับหลังมือบางอีกครั้ง สัมผัสนั้นหยุดการกระทำเผอเรอของคนนึกห่วง สุดที่รักชักมือกลับ แล้วรีบเดินฝ่าน้ำไปยังฝั่งซึ่งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะยันมือกับพื้นดินโคลน ทว่าความสูงของฝั่งกับความลื่นของดินโคลนทำให้ร่างบางไม่สามารถปีนขึ้นไปได้สำเร็จ คนที่เดินตามมาจึงถือวิสาสะตวัดแขนแกร่งรัดหน้าท้องบางไว้ สุดที่รักตกใจพลันหันกลับไปมอง นัยน์ตาสองคู่สบประสานชั่วขณะ เกิดความร้อนวูบวาบบนใบหน้า สัมผัสฝ่ามืออุ่นร้อนของกว้างขวางทำเอาร่างกายไร้เรี่ยวแรง เขาไม่น่าดื่มยาดองหนักเลยจริงๆ “อ้าวเฮ้ย! ไปอยู่ในนั้นกันได้ยังไงวะ?” เสียงเขมดังขัด พาเอาคนสองคนซึ่งตกอยู่ในภวังค์บางอย่างชะงักงัน รุ่นพี่หนุ่มร่างสูงจึงใช้แรงยกตัวร่างรุ่นน้องขึ้นฝั่ง ก่อนจะตามขึ้นไปในเวลาต่อมา ขึ้นมาได้ไม่ทันไรก็คว้าข้อแขนของสุดที่รักเอาไว้แล้วออกเดินนำ “เดี๋ยวๆ ไอ้กว้าง ไหนว่ามึงจะมาคุยเรื่องที่ดินไงวะ แล้วนี่จะพาเด็กกูไปไหน?” คนใจร้อนหยุดเดิน ก่อนจะหันมาบอกเพื่อนซี้ ที่จริงเขามีนัดกับเขมินทร์เรื่องที่ดินซึ่งเคยเกริ่นๆ กันเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ที่ดินต่างจังหวัดที่แม่ของเขม  ต้องการจะขาย และเขาเองก็สนใจอยากจะซื้อ เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งนายกว้างขวางจะไม่ต้องการหน้าตาทางสังคม และทรัพย์สินของตระกูล เขาอยากหนี อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องระหว่างเขากับไอ้เขมคงกลายเป็นประเด็นรอง ประเด็นหลักก็คือเขาต้องการพาร่างโปร่งไปจากที่นี่ ส่วนพาไปไหน และทำอะไรนั้น ค่อยว่ากันอีกที “คุยวันหลัง ขอเด็กมึงไปกับกู” พูดจบก็กึ่งกระชากกึ่งลากคนตัวบางให้เดินตามอย่างทุลักทุเล ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม หรือหน้าเขมินทร์ที่ไหนทั้งนั้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD