"มาแล้วโว๊ย พ่อคนฮ็อตสุดหล่อ” คนนั่งอยู่ก่อนยิ้มกว้าง พลางยืนขึ้น แสร้งตบมือต้อนรับเพื่อนซี้ที่ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือน ทว่าเมื่อเห็นคนหน้าเรียบเฉยเดินตึงตังเข้ามานั่ง โดยมีหญิงสาวหน้าอกหน้าใจใหญ่โตชวนอึดอัดกุลีกุจอตามมานั่งด้วย คนรอต้อนรับจึงได้แต่เลิกคิ้วมอง ก่อนทิ้งกายนั่งข้างๆ
“น้อง เอาเหล้ามาอีกขวด” คนมาใหม่สั่งพนักงานที่เดินผ่านด้วยสีหน้าขวางขึง
“เห่ยๆ ใจเย็นดิวะ เหล้าที่สั่งมายังเหลือตั้งเยอะ แล้วนี่ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา?” คนมาก่อนเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นตะลึง หลังสังเกตเห็นบาดแผล รอยฟกช้ำบนใบหน้าเพื่อนซี้
กว้างขวางกระดกเหล้าเพียวขึ้นดื่มโดยไม่มีรีรอ อารมณ์คุกรุ่นภายในอกยังคงทำให้เขาว้าวุ่น
“มานานยัง?” เมื่อคล้ายว่าจะเสียมารยาทกับเพื่อนที่ห่างหายไปนาน กว้างขวางจึงหันไปเอ่ยถามคนข้างกาย
ชายหนุ่มร่างสูง อกผายไหล่ผึ่ง ผิวสีแทนยิ้มให้
“สักพักว่ะ กว่าจะมาถึงนี่ได้กูต้องต่อรถหลายต่อเลยนะเว้ย ลำบากฉิบหาย วันหลังนัดแดกที่บ้านกูเหอะ”
“ไม่โทรบอกกูให้ไปรับวะ?” มันลำบากขนาดนี้ทำไมไม่นึกถึงเขา
“ถ้าโทรติดได้ กูคงโทรไปแล้วล่ะครับ หายต๋อมเลยมึง”
“โทษทีว่ะ มือถือตกน้ำ”
“สวัสดีค่ะ พี่...”
บทสนทนาระหว่างกันเป็นอันต้องชะงักเมื่อมีหญิงสาวนามว่ามายด์แทรกขึ้นมา เธอยื่นหน้าเข้ามาร่วมวงด้วยอย่างมีจริต มองผู้ชายผิวแทนที่ไม่เคยเจอมาก่อน ใบหน้าคมเข้มดูรับกับสันกรามและหัวทุยได้รูป ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าคมคายมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก น่าแปลกที่รอยแผลเป็นตรงหางคิ้วข้างซ้ายที่ดูๆ แล้วจะเป็นเหมือนจุดบกพร่อง แต่กลับกลายเป็นจุดมีเสน่ห์ได้อย่างน่าประหลาด มายด์อดเปรียบเทียบแฟนหนุ่มอย่างกว้างขวางกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ หากพูดถึงความหล่อ แน่นอนว่ากว้างขวางนั้นมีคะแนนนำ แต่หากพูดถึงความมีเสน่ห์น่าเข้าหาคงเป็นผู้ชายคนนี้ เพราะแค่พบกันครั้งแรก เธอก็รู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองแล้ว
“โทษที มายด์นี่อิ่ม เพื่อนสนิทพี่ ส่วนนี่มายด์ เด็กกู” คนนั่งกลางยกแก้วเหล้าชี้ไปชี้มา แนะนำให้คนทั้งสองได้รู้จักกัน
“สวัสดีครับน้องมายด์ พี่ได้ยินไอ้กว้างพูดถึงบ่อยๆ ตัวจริงสวยมากนะเนี่ย” อุ่นยิ้มพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างเอาใจ เอ่ยชมสาวเจ้าได้ยิ้มจนแก้มปริ
นักเรียนนายร้อยตำรวจใช่ย่อยเสียที่ไหน รู้จักวิธีพูดจาเอาอกเอาใจคนให้โอนอ่อนตาม ยามออกไปดูงาน กับผู้บังคับบัญชาสิ่งที่ต้องท่องไว้นั่นก็คือ...‘ได้ครับพี่ ดีครับท่าน’ กับสาวๆ ก็ต้องห้ามทักว่าอ้วนขึ้นอะไรทำนองนั้น ให้ชมว่าสวย ว่าน่ารักเข้าไว้ ไปที่ไหนรับรองไม่มีอด
กว้างขวางพรูลมหายใจพลางส่ายหน้า ไอ้อิ่มมันปากหวานแต่ไหนแต่ไร เขายังไม่เคยพูดถึงแฟนสาวคนล่าสุดให้ฟังเลยสักครั้ง มันก็ชมเขาได้เป็นตุเป็นตะ
“อุ๊ยขอบคุณนะคะพี่อิ่ม ปากหวานจริงๆ พี่อิ่มเรียนที่ไหนคะ ทำไมมายด์ไม่เคยเห็นพี่กว้างพูดถึงเลย”
“โรงเรียนนายร้อยตำรวจครับ ถ้าว่างไปเที่ยวหาได้นะ พี่จะพาทัวร์เลย พิธีรับพระราชทานกระบี่ตอนเรียนจบก็น่าสนุกนะ ไว้มาสิ”
“ว้าว! ได้เลยค่ะ เห็นเขาว่ามีแต่นักเรียนตำรวจหุ่นล่ำๆ ตัวสูงใหญ่ละลานตาเลย พิธีรับพระราชทานกระบี่ก็จะมีญาติๆ แต่งตัวสวยๆ ไปร่วมแสดงความยินดีด้วย พี่กว้างพามายด์ไปนะคะ มายด์อยากไป” หญิงสาวคะยั้นคะยอ ใช้ร่องอก ร่องใจเบียดเสียดต้นแขนแฟนหนุ่ม ทว่ากลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร คนสนใจเห็นจะเป็นหนุ่มนักเรียนนายร้อยที่ตอนนี้ทำอมยิ้มกรุ่มกริ่ม กระแอมไอเหมือนมีอะไรติดคอ ก่อนจะกระดกเหล้าดื่มแก้ขัด
กว้างขวางพยักหน้าไปส่งๆ กว่าไอ้อิ่มมันจะเรียนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ถึงวันนั้นคงไม่มีชื่อน้องมายด์ในสารบบชีวิตเขาแล้ว
“พวกไอ้ธีล่ะ?” กว้างขวางถามอิ่ม เห็นมันนั่งคนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว
“ไอ้ธีกำลังมา เห็นบอกว่าเพิ่งซ้อมบอลเสร็จ ส่วนไอ้เขม...กูติดต่อไม่ได้ว่ะ เหมือนที่ที่มันอยู่แม่งไม่มีสัญญาณ”
“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ นึกถึงไอ้เขมก็พาลให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำกับใครอีกคน
“เออ พรุ่งนี้มึงจะไปงานเลี้ยงขอบคุณบริษัทพ่อมึงหรือเปล่า แม่กูชวนพวกกูไปยิกๆ กำชับเอาเป็นเอาตายเลยว่าต้องไปให้ได้ ไม่รู้ว่ามีอะไร ทำไมถึงอยากให้ไปเจอกันพร้อมหน้าก็ไม่รู้” อิ่มเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้
งานเลี้ยงฉลองขอบคุณลูกค้าซื้อขายคอนโดบริษัทของพ่อกว้างขวางจัดไตรมาสละครั้ง เป็นเหมือนงานรวมตัวพวกไฮโซในประเทศมากที่สุดงานหนึ่งเลยก็ว่าได้ พวกผู้ใหญ่มักจะมาหาคอนเนคชั่นที่นี่ บางตระกูลถือโอกาสนี้มาหาคู่หมั้นคู่หมายให้ลูกชายลูกสาวกันที่นี่กันเลยทีเดียว
“ไป ก็โดนบังคับเหมือนเคย มึงไปก็ดีละ กูจะได้มีเพื่อน”
“พ่อมึงยังไม่เลิกหาคู่ให้มึงอีกเหรอวะ?”
“หลังๆ มานี้ยิ่งถี่ ไม่กี่เดือนกูก็จะเรียนจบแล้ว คงรีบหาคนแต่งให้กูใหญ่ เบื่อว่ะ...ชักไม่อยากเรียนจบ เพิ่งรู้ว่าชีวิตมหาลัยก็ไม่ได้แย่” ยิ่งช่วงหลังมานี้ มันวุ่นวายแบบแปลกๆ ดี
“คนเราก็ต้องเติบโตขึ้น มึงเรียนจบก็จะได้เป็นอิสระมากขึ้นไง ได้เป็นเจ้าคนนายคน”
“เรียนจบก็ต้องทำงานที่เขาวางไว้ แล้วก็ต้องแต่งงานกับคนที่เขาหามาเนี่ยนะ?” กว้างขวางยิ้มเหยียด ก่อนจะยกเหล้ากระดกย้อมใจ คนนั่งฟังอีกคนถึงกับตวัดหน้าหันมาทันที
“อะไรนะคะพี่กว้าง! พี่กว้างจะแต่งงานกับใครคะ? พี่กว้างคบกับมายด์อยู่นะ! มายด์ไม่ยอมนะคะ” หญิงสาวขุ่นเคืองระคนใจเสีย ส่ายหน้าไม่ยอมรับ ต้องเป็นเธอเท่านั้นที่จะเป็นคู่ชีวิตของผู้ชายที่ชื่อกว้างขวาง ลูกชายเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐี ตระกูลศิริไพศาล
เมื่อถูกเซ้าซี้จนเกิดความรำคาญ กว้างขวางจึงแสดงอาการผ่านสีหน้า เขาไม่ชอบคนเอาแต่ใจ เห็นความต้องการของตัวเองเป็นที่หนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่แฟนสาวคนล่าสุดกำลังแสดงออกมาให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ตอนคบกันแรกๆ ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ พอนานวันเข้ากลับเรียกร้องมากขึ้นจนเขาเอือมระอา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงทิ้งอย่างไม่ใยดีแน่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแฟนสาวคนนี้จะยังพอมีประโยชน์กับเขาอยู่บ้าง เลยเลือกเก็บเอาไว้อีกสักหน่อยคงไม่เสียหาย
อย่างน้อยก็ให้ถึงคืนพรุ่งนี้
ชายหนุ่มคิดแผนการหักหน้าคนเป็นพ่อเอาไว้ในหัว แล้วสบถเสียงสะใจในลำคอ ก่อนจะเอื้อมแขนรัดรั้งร่างแฟนสาว ตัวละครตัวสำคัญสำหรับฉากเด็ดในวันพรุ่งนี้
“ก็ต้องเป็นมายด์สิคะที่พี่จะแต่งงานด้วย พรุ่งนี้พี่จะพามายด์ไปเปิดตัวกับพ่อแม่ มายด์ว่าดีไหม?”
“อะ...อะไรนะคะ?!” หญิงสาวเบิกตาโพลง ริมฝีปากหุบยิ้มไม่มิด เอาจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะมีวาสนาได้เป็นคนที่กว้างขวางพาไปพบบุพการี “ดีค่ะดี! มายด์อยากไปมานานแล้ว งานเลี้ยงไฮโซเซเลป พี่กว้างอย่าหลอกมายด์นะคะ งั้นพรุ่งนี้เช้าพี่กว้างพามายด์ไปเลือกซื้อชุดได้ไหมคะ?” เธอออดอ้อน โถมกายซบอกไม่แคร์สายตาใคร
“ได้สิคะ จะเอาแบรนด์ไหน ราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวพี่ซื้อให้”
“ขอบคุณนะคะ พี่กว้างน่ารักที่สุดเลย ว่าที่สามีของมายด์” พูดจบก็ถือวิสาสะพุ่งไปหอมแก้มแฟนหนุ่มโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะหันไปคว้ามือถือ กดพิมพ์ยุกยิกเพื่ออวดเพื่อนๆ
กว้างขวางชะงัก ก่อนกลอกกลิ้งตาไปมาด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ จังหวะหนึ่งใช้ต้นแขนเช็ดรอยลิปสติกบนแก้มขาว
อิ่มมองการกระทำนั้นแล้วหัวเราะ
“หวงเนื้อหวงตัวไม่เปลี่ยนเลยว่ะ นี่อย่าบอกนะ ว่ายังไม่เคยมีใครได้แอ้มแก้ม แอ้มปากมึง” เพราะรู้ดี ถึงได้เอ่ยปากถามอย่างรู้ใจ
กว้างขวางมันหวงรสสัมผัสนุ่มนวลแบบนั้นอย่างกับอะไรดี
“ไม่มี” เขาตอบห้วน ฟังเสียงเพลงบีทหนักคลอเคล้าการดื่มแอลกอฮอล์รสเฝื่อน
“แล้วอ้อมกอดพี่กว้างล่ะคะ” คนผิวแทนยังคงกระเซ้า
“ชาตินี้ทั้งชาติ คงไม่มีใครได้ทั้งหมดที่มึงพูดมา กูไม่คิดกอดหรือจูบใคร”
“มั่นใจมากไปไหมเพื่อน กูจะคอยดูว่ามึงจะกลืนน้ำลายตัวเองไหม กูว่าต้องมีแน่ๆ ใครสักคนที่จะมาทำให้ไอ้คุณชายกว้างขวางยอมศิโรราบ มอบทั้งกอด มอบทั้งจูบให้อย่างเต็มหัวใจ”
“หึ...” คนฟังพรูลมพลางส่ายหน้า มั่นใจเป็นที่สุด ว่าทั้งชีวิตของเขาจะไม่มีใครคนนั้น คนที่เขาอยากมอบอ้อมแขน มอบจุมพิตด้วยความเต็มใจ
จู่ๆ ความมั่นใจเลือนหายไปชั่วขณะ เมื่อภาพใครคนหนึ่งพลันฉายชัดขึ้นในสมอง
คนในอ้อมแขนเขาหลายต่อหลายครั้งที่ได้เจอกัน
คนตกในห้วงความคิดหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็เห็นคนนัยน์ตาโศกตราตรึง คนนั้นเด่นหราในความคิด
“เออ” อิ่มนึกขึ้นได้ เขาเปล่งเสียงกลัวว่าจะลืมว่าจะพูดอะไรหลังยกแก้วออกจากปาก กลืนน้ำเมาลงคอ “ตอนอยู่มหาลัย มึงได้เจอสุดที่รักบ้างเปล่าวะ?”
“ทำไมวะ?” ไอ้อิ่มมันนั่งญาณทิพย์หรือเปล่า ถึงได้ถามถึงคนในความคิดเขาตอนนี้
“เปล่า ถามดูเฉยๆ กูแค่เป็นห่วง กูไม่มีเวลาได้ติดต่อใครเลย คุยกับอุ่นไม่กี่ครั้ง ยัยนั่นก็บอกว่าติดต่อสุดที่รักไม่ได้เหมือนกัน”
“เป็นห่วงขนาดนั้นเลย? น้องสาวมึงน่าห่วงกว่าไหม หนุ่มๆ มาจีบเพียบเท่าที่กูรู้”
“โอ๊ย สกิลการดูแลตัวเองของมันยิ่งกว่านางพญา เพื่อนมันรุมล้อมเยอะแยะเต็มไปหมด ยิ่งเป็นดาว ยิ่งมีคนมาห้อมล้อม มีแต่คนรัก คนเอ็นดู แต่สุดที่รักไม่ใช่อย่างนั้น เด็กนั่นไม่มีใคร พูดน้อย แสดงความรู้สึกน้อย กลัวว่าจะหาเพื่อนไม่ได้ อีกอย่างสุดที่รักเป็นเด็กดี บางทีก็ดีเกินไป กลัวว่าจะโดนใครเขาหลอกเอาง่ายๆ พูดแล้วเหนื่อยใจ ชวนให้กลับไปอยู่บ้านก็ไม่ไป คงเก็บเอาคำพูดป้ากูมาใส่ใจ...”
“ป้ามึง?” กว้างขวางเลิกคิ้ว จำได้ลางๆ ว่าป้าของไอ้อิ่มเป็นคุณหญิงผู้ดีเก่า สาวโสดที่หวงทุกสิ่งอย่างที่เป็นของตระกูลธารามาลา รักน้องชายคนเดียวซึ่งเป็นพ่อของอิ่มกับอุ่นยิ่งกว่าใคร เจ้ากี้เจ้าการ เจ้าระเบียบเป็นที่หนึ่ง
“ช่างเหอะว่ะ กูไม่อยากพูดถึง” อิ่มเลิกคุยเสียดื้อๆ “ตั้งแต่เข้ามหาลัย สุดที่รักก็ ไม่ยอมพึ่งใครนอกจากตัวเอง ถ้ามึงเจอน้อง เลี้ยงข้าวเด็กมันสักมื้อนะ ถามไถ่มันบ้างว่าสบายดีหรือเปล่า กูสงสารมัน เหลือตัวคนเดียวจริงๆ ถือว่ากูขอล่ะไอ้กว้าง ถือซะว่ามันเป็นน้องมึงคนนึง”
“ไม่ให้กูอุปการะมันเลยล่ะ ถ้าจะฝากฝังขนาดนี้”
“หือ? เออ...จะว่าไปก็ดีนะ สุดที่รักเป็นเด็กดี ขยัน อดทน ท่านกว้างขวางสนใจจะรับเลี้ยง กระผมว่าก็ดีนะขอรับ”
“ไอ้ห่า กูไม่ได้แก่ขนาดนั้น อีกอย่างพ่อมึงก็รับเลี้ยงแล้วป่ะวะ” กว้างขวางหัวเราะ นึกถึงตอนเด็กนั่นมาเป็นลูกบุญธรรมแล้วแปลกประหลาดพิลึก
“ธารามาลารับเลี้ยงด้วยพฤตินัย ไม่ใช่โดยทางนิตินัยว่ะ คุณหญิงป้ากู นั่นล่ะ ท่านคงกลัวว่าสุดที่รักจะมาแย่งมรดกลูกหลาน”
“หึ นั่นก็เป็นเรื่องที่ท่านควรจะกลัว อยู่ๆ จะรับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาจดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรมก็ต้องคิดหนักเป็นธรรมดา ถูกของท่านแล้วที่จะไม่ยอม”
“คุณหญิงป้ากูแม่งเขี้ยวลากดินจริงๆ”
นึกถึงเรื่องราวมรดกตกทอดของผู้ลากมากดีในตระกูลแล้วก็ต้องส่ายหน้า อิ่มเหลือบมองเพื่อนซี้ซึ่งนั่งจิบเหล้าอยู่ใกล้ๆ อีกไม่นานไอ้กว้างก็จะเรียนจบ มีงานมีการทำ เป็นใหญ่เป็นโตไม่น้อยหน้าคนเป็นพ่อ แถมนิสัยลอยชายของมันดูแล้วคงไม่คิดจะผูกใจไว้กับใคร คงจะดีไม่น้อย หากพูดฝากฝังสุดที่รักไว้กับเพื่อนตายคนนี้ เขาคงคลายกังวลไปได้ไม่น้อย
“กูพูดจริงๆ นะไอ้กว้าง ชีวิตนี้สุดที่รักไม่มีใครอีกแล้ว ถ้าไม่มีธารามาลา ไม่มีกู เด็กนั่นก็ไม่เหลือใคร”
“ทำไมมึงคะยั้นคะยอจังวะไอ้อิ่ม” พลันคำพูดของเพื่อนซี้ กลับทำให้เขาใจไม่ดี
มันพูดเหมือนเป็นลาง
“กูก็พูดไปงั้น สุดที่รักเป็นน้องที่กูรักมาก กูถึงอยากดูแลเขาให้ถึงที่สุดเท่านั้นเอง”
“อืม...ไว้กูจะดูให้”
คำตอบของกว้างขวางทำให้อิ่มยิ้มจางออกมา รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การตอบรับแบบส่งๆ ก็ตาม
หลังจากนั้นต่างคนต่างอยู่ในช่วงเวลาของตัวเอง อิ่มเอาแต่นึกถึงภาพเด็กชายนัยน์ตาเศร้า ทบทวนเหตุการณ์ครั้งแรกที่พบกัน สุดที่รักน้ำตาไหลหากแต่ไร้เสียงสะอื้น น้ำมูกใสหยดย้อย ตัวผอมแห้งราวกับคนขาดสารอาหาร อิ่มในตอนนั้นเพิ่งรู้จักคำว่าโศกเศร้าเป็นครั้งแรกในชีวิต ผ่านเด็กชายพูดน้อยที่เอาแต่นั่งมองท้องฟ้า
“แม่ ทำไมแววตาน้องถึงได้ดูหม่นหมองอย่างนั้นล่ะ?”
อิ่มจำได้ว่าเขาเคยถามแม่แบบนั้น
“น้องเจอเรื่องร้ายในชีวิตขนาดนี้ก็ต้องเศร้าหมองเป็นธรรมดา อิ่มต้องดูแลเอาใจใส่น้องนะลูก ต้องทำให้เขารู้สึกว่าเราคือครอบครัวของเขา สุดที่รักไม่มีใครอีกแล้ว”
หลังฟังแม่พูดจบ เขามองเด็กชายสุดที่รักผ่านกระจกใส เด็กชายที่พ่อพากลับมาบ้านด้วย หลังไปร่วมงานศพของเพื่อนและภรรยายังภาคเหนือ เด็กชายตัวผอมบางมักนั่งกอดเข่าอยู่ตรงริมบึงบัวหลังบ้าน แววตาเลื่อนลอยขึ้นบนท้องฟ้า ตั้งแต่มาถึงที่บ้านสุดที่รักยังไม่เคยเปล่งเสียงเลยแม้พยางค์เดียว
ภาพนั้นติดตรึงอยู่ในใจอิ่มมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้ มันบรรยายคำว่า “ไม่มีใครอีกแล้ว” ของแม่ได้ดีเหลือเกิน
“กูได้ข่าวว่ามึงจะซื้อที่ไว้เป็นของตัวเอง” อิ่มสลัดความเศร้าในอดีตออกไป ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ข่าวจากไอ้เขมล่ะสิ” คนถามส่ายหน้าเบาๆ บอกให้มันปิดเป็นความลับไว้ก่อน แค่นี้ก็ทำไม่ได้
“มึงคิดจะทำอะไรวะ เล่นซื้อที่เก็บไว้ แถมยังเป็นที่ที่โคตรไกลตั้งเชียงราย ไหนว่าไม่ชอบอสังหา นี่มึงกำลังเจริญรอยตามพ่อมึงเลยนะเนี่ย”
“ก็แค่ซื้อเก็บไว้ เผื่อเป็นที่พักตากอากาศเวลากูเบื่อๆ”
“ที่แถวไหนวะ?”
“ไร่ชาเก่า แถวดอยแม่สลอง แม่ไอ้เขมจะย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่เมืองนอก อีกอย่างดินก็ไม่ดีเหมือนอย่างเคย เลยกะจะขายทิ้ง โชคดี เขาให้ส่วนลดกูมานิดหน่อย”
“เพราะเป็นเพื่อนลูก?”
“เปล่า เพราะหล่อ”
“กูระคายหูตัวเอง เล่นถึงแม่เพื่อนเลยนะมึง” อิ่มส่ายหน้าในขณะที่คนหล่อแห่งปีหัวเราะร่วน
“เทอมหน้ากูฝึกงาน ว่าจะถือโอกาสไปดูที่ดูทางเสียหน่อย”
“นี่มึงเอาจริงเหรอเนี่ย มึงอยู่ได้เหรอวะ บ้านป่าเมืองดอยแบบนั้น ไปอยู่แล้วมึงจะทำอะไร กูมั่นใจแน่ๆ ว่าเชียงรายไม่มีย่านทำเลทองให้ปลูกคอนโด ไม่มีศูนย์การค้าให้ลงทุนวางแผนอะไรทั้งนั้น” ตั้งแต่รู้จักกันมา อิ่มไม่เคยเห็นไอ้เพื่อนคนนี้มันต้องลำบากลำบนกับอะไร อยากได้อะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ อยู่แต่กับสังคมเมืองกรุง แล้วนี่มันจะไปอยู่บนเขาบนดอย คนอย่างมันจะอยู่ได้เหรอ
“คงลงทุนทำอะไรสักอย่าง อาจจะปรับปรุงไร่ชาเดิมให้ดีขึ้น”
“แม่เจ้าโว๊ย! คิดการไกลสมกับเป็นลูกนักธุรกิจจริงๆ ว่ะ พ่อเลี้ยงกว้างขวาง...ฟังดูเข้าท่าดีเหมือนกันนะ” อิ่มลูบปลายคางพลางพยักหน้ายอมรับในคำนำหน้าที่ใช้เรียกเพื่อน
บรรยากาศสังสรรค์หลังจากนั้นครึกครื้นมากยิ่งขึ้นด้วยการมาของธีร์ซึ่งชักชวนรุ่นน้องนักฟุตบอลมาร่วมวงด้วยอีกสามสี่คน ส่วนไอ้เขมหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อนซี้ที่เหลือก็ไม่ได้ตกอกตกใจอะไร เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าเขมินทร์มันไม่เหมือนคนอื่น ชอบปลีกวิเวก อยู่ตามบ่อปลา ตามสวนผัก ใช้ชีวิตดั่งคนสมถะ ทั้งๆ ที่บ้านมีอันจะกินอยู่พอสมควร
ค่ำคืนการกลับมาพบปะของกลุ่มแก๊งท่านเทพจบลงในเวลาต่อมา ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ส่วนกว้างขวางรับอาสาทำหน้าที่เป็นสารถีไปส่งพ่อหนุ่มนักเรียนนายร้อยเนื้อหอมถึงหน้าบ้าน อิ่มไม่วายแซวเขาเรื่องรถยนต์คันโตที่เขาใช้ มันบอกไม่คิดว่าคนอย่างกว้างขวางจะสละสปอร์ตมาใช้รถครอบครัวที่แม้แต่พ่อเขาเองก็ยังไม่คิดจะขับ
“อ๊ะ! อ๊า...พี่กว้าง เร็วอีกค่ะ มายด์ใกล้แล้ว อื๊อออ...” เสียงครางดังระงมไปทั่วรถยนต์คันใหญ่ หญิงสาวปล่อยให้คนรักกระทำตามความกระสันได้ตามใจอยาก ร่างขาวอวบอัดเปลือยเปล่าถูกมือแกร่งจับลำคอกดอัดให้นอนหงายบนเบาะนั่งด้านหลัง ไม่สามารถขยับกาย ไม่แม้แต่เอื้อมแขนไปคล้องคอคนรัก นัยน์ตาดำสุกสกาวเปื้อนไปด้วยความสุขสมจากรสชาติเซ็กซ์อันหนักหน่วงของแฟนหนุ่ม แม้ร่างกายจะบอบช้ำสักแค่ไหน ทว่าเธอกลับยินดีให้ชายหนุ่มได้กระทำเป็นอย่างยิ่ง
ยามได้เห็นความดิบเถื่อน ได้เห็นแววตากระหายของกว้างขวาง เธอยิ่งพออกพอใจ อดลำพองตัวเองไม่ได้ที่เป็นคนเดียวที่ทำให้ชายหนุ่มไปถึงฝั่งฝัน
ทว่าช่างแตกต่างกับคนบนร่าง ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวสะอาดสะอ้านเหงื่อโทรมกายไม่ได้คิดแบบนั้น สายตาคมดุดันจ้องมองดวงหน้าขาวสวยของหญิงสาวก็จริง แต่สมองกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับคนใต้ร่างเลยสักเสี้ยววินาที
เขาเอาแต่นึกถึงใบหน้าของใครอีกคน คนที่เขาบอกเองว่าไม่มีวันมองคนที่เขาบอกเองว่ารังเกียจ แต่สุดท้ายแล้วกลับนึกถึงการกระทำใสซื่อบริสุทธิ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ได้ซึมซับ อีกทั้งยังมีรสสัมผัสนุ่มนิ่มติดปลายมือและอ้อมแขน ในยามที่ได้แนบชิดกันหลายต่อหลายครั้งด้วย ที่ทำเอาเขาคิดถึงอย่างคนหมกมุ่น
ช่วงจังหวะกระแทกกระทั้นสิ้นสุดลงอย่างหนักแน่นพร้อมกับการปลดปล่อยอันมากมายในเครื่องป้องกัน หลังทุกหยาดหยดปลดปล่อย คนบนร่างผละกายออกห่าง หยิบกางเกงที่กองร่วงอยู่ปลายขาขึ้นมาใส่
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
พูดเพียงแค่นั้นก็เดินออกจากรถเพื่อไปนั่งยังที่นั่งคนขับแล้วออกตัวในทันที
“พี่กว้างเป็นอะไรหรือเปล่าคะ คืนนี้มายด์อยู่กับพี่ได้ทั้งคืนเลยนะ ไหนว่าเราจะไปต่อกันที่โรงแรมไง” หญิงสาวเห็นว่าผิดสังเกตไปมาก จึงรีบสวมใส่ชั้นในและจัดชุดให้เข้าที่ พลางยื่นหน้าไปถามคนขับรถซึ่งปั้นหน้านิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดใด แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
“วันนี้พี่เหนื่อย อยากกลับไปพักผ่อน”
“แต่...”
คำพูดของมายด์ถูกเจ้าตัวกลืนเก็บ หลังมองเห็นสายตาคมปรามผ่านกระจกมองหลัง เธอเก็บความขุ่นข้องหมองใจหลังกว้างขวางดูเปลี่ยนไปในหลายวันที่ผ่านมาเอาไว้ ด้วยกลัวว่าความงี่เง่าของเธอจะทำให้ชายหนุ่มสลัดเธอทิ้งในเวลาอันใกล้
“พรุ่งนี้เช้าพี่จะไปรับ แล้วไปหาซื้อชุดกัน” ชายหนุ่มเอ่ยหลังมาส่งหญิงสาวที่หน้าคอนโดหรูสูงระฟ้า
“ค่ะพี่กว้าง” เธอตอบด้วยสีหน้าหงอย “มายด์รักพี่กว้างนะคะ”
เจ้าของรถคันโตพยักหน้าราบเรียบ ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกตัวไปเลย
หลังกลับมาถึงคอนโด กว้างขวางจัดการชำระล้างร่างกายตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลับตาบนเตียงเพียงลำพัง พลันความหงุดหงิดกลับผุดขึ้นมาอีกครั้งในห้วงความรู้สึก
คำพูดของไอ้เด็กนั่นมันกำลังปั่นป่วนเขา
ยิ่งไปกว่านั้นคือรสสัมผัสซึ่งให้ความรู้สึกแปลกประหลาด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะมีความรู้สึกแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกันเอง เขาเปรียบเทียบในใจ เซ็กซ์กับมายด์เมื่อครู่ไม่ได้แย่ เขาปลดปล่อยเหมือนอย่างเคย แต่ทำไมเขากลับไม่รู้สึกสุขสมเหมือนที่ผ่านมา ผิดแผกกับการได้สัมผัสเจ้าเด็กตาเศร้านั่น...ที่แค่ แตะต้องด้วยมือ ด้วยสายตา ความรู้สึกเขากลับเตลิดไปถึงไหนต่อไหน
ความหงุดหงิดมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหาคำตอบไม่ได้ ร่างสูงจึงชันกาย
ลุกนั่ง ก่อนจะคว้าเอาบุหรี่กับโทรศัพท์ติดมือไปยืนรับลมอยู่ตรงระเบียงห้อง
นานๆ ครั้งที่คนอย่างกว้างขวางจะสูบบุหรี่ เขาจะสูบมันเฉพาะตอนที่เครียดจัดเท่านั้น ชายหนุ่มดูดมวนกระดาษรับนิโคตินเข้าปอด ก่อนจะใช้นิ้วคีบมันไว้ข้างกาย มือข้างหนึ่งกดเบอร์โทรศัพท์ที่เขาจำได้ขึ้นใจ ต่อสายหาคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“คุณกว้าง...ตีสาม ถ้าคุณไม่ได้ดูนาฬิกา” เสียงปลายสายแผ่วพร่า ไม่ต้องเดาให้ยากว่านอนหลับไปนานแค่ไหนแล้ว
“ขอโทษที นึกว่าหมอเข้าเวร” กว้างขวางหัวเราะในลำคอ ฟังเสียงครางของอีกฝ่ายที่คงกำลังพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง
“หมอจิตเวชไม่ต้องเข้าเวร อีกอย่างผมก็ไม่ได้ทำงานให้โรงพยาบาล ผมเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง” คนปลายสายย้ำอีกครั้ง ตำหนิแต่ก็ยังมีมารยาท
“โอเคครับ งั้นผมไม่กวน”
“ไม่ทันแล้วคุณ ผมตาสว่างแล้ว...มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“หมอคิดว่าผมผิดปกติไหมที่มีอารมณ์กับเพศเดียวกัน”
ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง เขารู้ดีว่ารสนิยมทางเพศของกว้างขวางเป็นอย่างไร และอยู่ในระดับไหน เพราะเป็นแพทย์ประจำตัว ถึงได้รับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายทุกอย่าง มาวันนี้คนไข้สุดหล่อกำลังเปิดประเด็นใหม่ที่เขาไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด
“มันช้าไปเสียด้วยซ้ำ ถ้าคุณจะรู้สึกอย่างนั้น”
“ทำไม?”
“คนเสพติดการมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่อยากลองอะไรแปลกใหม่อยู่เสมอ หนึ่งในนั้นคือความสนใจเรื่องเพศเดียวกัน คุณเข้ามาปรึกษาผมตั้งแต่มัธยมปลาย ผมเลยคิดว่ามันช้าไปมาก หากคุณเพิ่งค้นพบความรู้สึกอีกด้านหนึ่งของตัวเอง”
“แปลว่ามันไม่ประหลาด ไม่น่าขยะแขยงอย่างนั้นเหรอ?”
กว้างขวางขมวดคิ้วมุ่น
“ความต้องการของมนุษย์ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีผิด ไม่มีถูก มันคือความรู้สึกล้วนๆ เอาจริงๆ คุณควรคิดว่ามันคือการเปิดโลกใหม่ๆ ให้กับคุณ ผมไม่ได้สนับสนุนให้คุณชอบเพศเดียวกัน แต่ถ้าคุณรู้สึกดี ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกประหลาดตรงไหน”
“ผมจะพิจารณาดู”
“คุณพูดเหมือนพ่อคุณเลย” คนปลายสายหัวเราะร่วน นึกถึงในตอนที่เขาเคยเข้าไปบำบัดอาการเครียดของคนเป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน ชายวัยกลางคนรูปร่างดี สูงชะลูดพร้อมใบหน้าหล่อเหลาไว้มาด มักจะพูดแบบนี้เสมอ มันทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้
พ่อลูกไม่มีอะไรต่างกันเลย
“พิจารณาได้ แต่ควรอยู่บนพื้นฐานความยินยอมของอีกฝ่าย”
“เขาชอบผม เพราะงั้นเรื่องยินยอมคงไม่มีปัญหา”
“ชอบแบบไหนครับ? ชอบแบบฉาบฉวยเหมือนคนที่ผ่านมาที่คุณเคยมาปรึกษาผม หรือชอบแบบเจตนาดี?”
กว้างขวางอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อหมอหนุ่มเอ่ยถามได้อย่างตรงเป้า
“หมอรู้ได้ยังไงว่าเขาอาจจะชอบแบบเจตนาดี”
“เพราะคุณกว้างไม่เคยปรึกษาเรื่องแบบนี้กับผม เราคุยกันแต่เรื่องความต้องการทางเพศของคุณ” เขาพอจะเดาออก ว่าใครคนนั้นค่อนข้างมีอิทธิพลต่อจิตใจคนน่าสงสารคนนี้
กว้างขวาง...คนน่าสงสาร
“อืม เขาบอกว่าความชอบของเขาไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แค่ชอบมองอยู่ห่างๆ แปลกใช่ไหม...เพราะที่ผ่านมามีแต่คนเข้าหาผมก็ต้องการเรื่องอย่างว่า ต้องการเงินของผม แค่ของนอกกาย หมอ...มันมีคนแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วเขาจะได้อะไรจากการชอบผม”
“การชอบใครสักคนด้วยเจตนาดีนั่นคือความกล้าที่ยิ่งใหญ่ คุณเคยได้ยินที่เขาพูดกันไหม ว่ารักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รักคือการให้อะไรทำนองนั้น เขาอาจจะเป็นคนแบบนั้น ส่วนได้อะไรจากการชอบคุณ อาจจะเป็นความสุขใจ”
ความสุขใจ...
ฟังเหมือนเป็นความรู้สึกที่สงบสุข
มักน้อย...
“ผมจะมีวันที่รู้สึกแบบนั้นบ้างไหม?”
จู่ๆ ก็นึกอยากจะถาม คนอย่างเขาจะมีความรู้สึกแบบนั้นบ้างหรือเปล่า ในตอนนี้...ที่เป็นอยู่ เขายังมองไม่เห็นทาง
“ลองศึกษาจากใครคนนั้นดูดีไหมครับ ในเมื่อเขาชอบคุณ เขาน่าจะแบ่งปันความรู้สึกให้คุณได้รับรู้บ้าง”
“ผม...ผมค่อนข้างทำแย่กับเขา” กว้างขวางประดักประเดิด ความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าเด็กเอ๋อนั่นเริ่มต้นไม่ดีเท่าไหร่นัก คงยากที่จะพูดคุยกันด้วยความปรองดอง
“งั้นคุณควรปรับตัวเสียใหม่ ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าเขาชอบคุณในแบบเจตนาดี ไม่ได้หวังผลตอบแทน คุณควรทะนุถนอมเขาไว้ให้ได้นานที่สุด”
“......”
“บางทีใครคนนั้นอาจเป็นคนที่ทำให้คุณกว้างขวางมีความสุขจริงๆ เสียที ไม่ต้องทนทรมานกับความต้องการฉาบฉวยของตัวเองแบบนี้”
“......”
“คนที่มาเติมเต็มชีวิตของคุณให้สมบูรณ์”
แม้ไม่เข้าใจในสิ่งที่หมออธิบาย แต่กว้างขวางก็เลือกที่จะจดจำคำเหล่านี้มาใส่ใจ จนกว่าจะถึงวันนั้น ชายหนุ่มยังต้องเรียนรู้และพบเจอกับความเจ็บปวดอีกมากมายที่รออยู่ข้างหน้า ผ่านการกระทำเลวร้ายของตัวเอง กว่าที่จะเข้าใจคำว่าทะนุถนอม เขาก็ใกล้จะทำคนเติมเต็มชีวิตหลุดมือหายไปเสียแล้ว