“บอกใครเขาก็ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าเป็นแค่เพื่อนกัน ทำไมไม่จริงจังกันสักทีล่ะ พี่เชียร์เขาก็รวยมากนะ”
“น้ำผิง”
“หรือเป็นเพราะ...เขามีญาติพี่น้องเป็นตัวหารไม่เหมือนผิง?”
“...”
“จ้องหน้าผิงทำไมคะ ผิงพูดผิดเหรอ?” ฉันยิ้มถามเขาที่กำลังจ้องหน้าฉัน ดูก็รู้ว่าโกรธ ยิ่งเห็นเขากำมือทั้งสองข้างก็ยิ่งมั่นใจเลยเดินช้า ๆ ไปหยุดตรงหน้าเขา
“ว่าไงคะพี่เมฆ ผิงพูดผิดตรง...”
หมับ!
“พี่เมฆทำบ้าอะ...อื้อ!!!” ฉันโดนเขาจับไหล่กระชากเข้าหาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยทั้งชีวิต แค่เขากล้าทำแบบนี้ฉันก็ตกใจมากแล้วแต่การที่เขาบดปากลงมาที่ปากฉันมันทำให้ฉันตกใจและโกรธจนแทบบ้า
“อื้อ!!! อ่อย!!!” ฉันทั้งดิ้นทั้งผลักแต่เขาไม่ปล่อยง่าย ๆ เขาบดริมฝีปากลงมาเต็มแรง แรงมากจนเริ่มรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งปาก
“อ่อย!!! อื้อ!!! อ่อย!!!” ยิ่งเขาจูบ ไม่เอา! ฉันไม่ขอเรียกว่านี่คือการจูบเด็ดขาด! ยิ่งเขากดปากลงมาที่ปากฉันนานเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งโกรธเสียงที่ร้องในลำคอก็ยิ่งดังแต่เหมือนมันจะเปล่าประโยชน์จนกระทั้งลิ้นของเขาแทรกเข้ามาในปากฉัน!
“อ่อย!!!”
“เกิดอะไร ว๊าย!”
!!!
เสียงบุคคลที่สามที่ดังขึ้นแถมยังร้องด้วยความตกใจจนลั่นไปที่วบริเวณทำฉันแทบช็อคก่อนที่เขาจะปล่อยแล้วหันไปมองแม่บ้านแต่ฉันยังช็อคที่มีคนมาเห็นเหตุการณ์ที่ฉันโดนคนที่พ่อแม่เอามาชุบเลี้ยงทำหยาบคายกับตัวเอง!
“ไปนอนซะเอื้อง”
“เอ่อ...”
“ไปนอน” เขาไม่ได้ตะคอกเสียงดังแค่ดุเสียงเข้ม ฉันตั้งสติได้ก็เริ่มดันแต่เขาก็จับไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้แน่นเพราะสภาพตอนนี้ก็คือ...ทุเรศสิ้นดี!
“ค่ะ ๆๆ คุณเมฆ”
“เดี๋ยว”
“ขะ...คะ”
“อย่าพูดเรื่องนี้”
“ค่ะ ๆๆ หนูจะไม่พูดเด็ดขาดเลยค่ะว่าคุณเมฆกับคุณผิงจูบ... / พี่เอื้อง!” ไม่ใช่ไอ้บ้าตรงหน้าแต่เป็นฉันเองที่ตะคอกใส่
เขาทำให้คนอื่นคิดว่าเราสองคนจูบกัน เข้าทางเลยสิ ฉันใกล้เรียนจบแล้วคิดจะจับฉันให้อยู่หมัดจะได้กินรวบหมดไม่ให้ทรัพย์สินของบ้านฉันหลุดกระเด็นไปให้ใคร!
แม่บ้านรีบไปฉันก็หันกลับมามองเขาที่ไม่ยอมปล่อยฉันสักทีก่อนจสะบัดตัวสุดแรงด้วยอารมณ์โกรธจัดจนหลุด
“สารเลว!”
เพี้ยะ!
“...”
“ทำตัวทุเรศ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา!” ไม่ต้องรอให้ผู้ชายคนนี้ที่โดนตบจนหน้าหันหันกลับมาสบตาฉันก็อ้าปากด่าทันที
“...”
“สงสารคุณพ่อคุณแม่ของผิงจริง ๆ ที่เลี้ยงกาฝากแบบพี่เมฆ! อย่าได้คิดจะมาแตะต้องตัวผิงอีก ไม่สิ แม้แต่คุยก็ไม่ต้อง...รังเกียจ!”
#NAMPHING END
#MAEKA TALK
“...”
...กาฝาก
หึ ๆๆ แต่ละคำดูถูกที่คนอย่างไอ้เมฆได้รับ แต่ก็ว่าเขาไม่ได้เพราะผมเป็นกาฝากจริง ๆ
ผมมองตามหลังเธอที่เดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในบ้านแล้ว ไม่รู้ว่ามองนานแค่ไหนรู้แค่ไม่เห็นแผ่นหลังของน้ำผิงมาพักหนึ่งถึงได้ตัดสินใจหันหลังเดินออกมา
-วันต่อมา-
“คุณผิงล่ะ”
“เอ่อ...ออกไปแล้วค่ะ” แม่บ้านอย่างเอื้องตอบผมพร้อมกับหลบสายตาทำหน้าเหมือนอาย
“เอื้อง”
“...คะ”
“อย่าพูดเรื่องเมื่อคืนเด็ดขาด อย่าทำให้คุณผิงเสียหาย” ผมย้ำอีกครั้งทั้งที่รู้ว่าแม่บ้านอย่างเอื้องไม่มีทางกล้าขัดคำสั่ง แต่ผมก็ต้องย้ำเพื่อไม่ให้อีกคนเสียหายและ...รังเกียจผมไปมากกว่านี้
“เอื้องไม่พูดแน่นอนค่ะคุณเมฆ คุณเมฆไว้ใจเอื้องได้ค่ะ”
“อื้ม ไปเถอะ”
“แล้วคุณเมฆจะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ขอบใจมาก” ผมบอกแล้วมองเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินออกมา วันนี้เพิ่ง 7 โมงเช้าก็ออกจากบ้านแล้วทั้งที่ปกติออกจากบ้านสายจะตายก็มีแค่เหตุผลเดียวนั่นล่ะ
...คุณหนูบ้านนี้ไม่อยากเจอหน้ากาฝากอย่างไอ้เมฆ
หึ ๆๆ รู้ว่าเขาไม่อยากเจอหน้า รู้ว่าเขารังเกียจ รู้ว่าตัวเองไม่มีความหวัง แต่ก็ยังหน้าด้านอยากเห็นหน้าเขาอยู่ทุกวัน มึงมันน่าสมเพชไม่จบไม่สิ้นเลยว่ะไอ้เมฆ
-เวลาต่อมา-
“ไงคะคนดี ทำไมหน้าบึ้งจังเลย” ฉันที่ใส่ชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในห้องทำงานห้องหนึ่งถูกเจ้าของห้องทักทายแต่ฉันก็ยังหน้าบึ้งเหมือนเดิมพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาด้วยความหงุดหงิด
“ไหนบอกว่าจะช่วยผิง?”
“ช่วย? ช่วยอะไรคะ?” ยังจะทำหน้างงอีก!
“ก็ช่วยให้ผิงฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขาพี่เวส์ไง” ฉันพูดจบคนฟังก็ขมวดคิ้ววางปากกาแล้วเดินมาหาฉัน
“เดี๋ยว ๆๆ พี่บอกฝ่ายบุคคลไปแล้วว่าให้น้องผิงมาฝึกงานตำแหน่งนี้นะคะ น้องผิงพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ”
“เหอะ!” ฉันทำได้แค่แค่นเสียงกรอกตามองบนเป็นคำตอบให้พี่ฟิวส์
“อ่าส์! นี่ไอ้เมฆมันไม่ยอมใช่ไหม”
“ยังต้องถามอีกเหรอคะ” ใจฉันอยากไปอาละวาดมากตอนที่เดินเข้ามาในบริษัทเพื่อตามเรื่องฝึกงานเลยได้รู้ว่าต้องฝึกงานตำแหน่งไหน ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ก่อนหน้านี้สัก 12 ชั่วโมงฉันไม่เดินมาห้องรองผู้จัดการฝ่ายอย่างพี่ฟิวส์หรอกแต่ฉันคงไปยืนอาละวาดในห้องรองประธานกรรมการของที่นี่แล้ว แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ฉันไม่อยากไปเห็นหน้าคนคนนั้นถึงต้องมาที่นี่ไง!
“เดี๋ยวพี่ไปคุยกับมันเองค่ะ”
“คิดว่าทำได้เหรอคะ?” ไม่ได้ดูถูกพี่ฟิวส์นะแต่รู้ดีแก่ใจว่าทำไมได้หรอก พอฉันถามเขาก็ทำหน้าเก้อนิดหน่อย
“มันก็คงเกรงใจกันบ้างถ้ามันไม่หน้าด้านเกินไป”
“ถ้างั้นไม่ต้องไปคุยให้เสียเวลาหรอกค่ะ เดี๋ยวผิงคุยกับคุณพ่อเอง” ฉันตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพราะค้นพบว่าการเข้ามาระบายในห้องของหลานชายป้าสะใภ้ไม่ได้ทำให้ฉันอารมณ์เย็นลงได้แม้แต่นิดเดียว
“โอเคค่ะ ถ้างั้นน้องผิงรีบโทรหาคุณอาเลยนะคะ” ฉันแค่พยักหน้ารับแล้วเดินออกมา แต่คงยังไม่โทรหรอกทางนั้นเพิ่งจะเช้ากลัวคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ตื่นไม่อยากกวน
...ฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขารองประธานกรรมการ
เหอะ! ล็อกเอาไว้เลยสินะเมฆา!
-วันต่อมา-
“พี่เมฆมารึยัง?”
“คะ? เอ่อ...” ฉันถามแม่บ้านแต่แม่บ้านที่โดนถามกลับทำหน้าอายใส่ทำให้ฉันที่พยายามจะลืม ๆ เรื่องบางเรื่องไปเริ่มจะปรี๊ดขึ้นสมองอีกรอบ
“พี่เอื้อง อย่ามาแสดงอาการแบบนี้ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” ฉันพยายามมากนะที่จะไม่ดุแต่ก็เผลอเสียงแข็งเหมือนเดิม
“เอื้องเปล่าคิดอะไรนะคะคุณผิง คือ คุณเมฆยังไม่มาค่ะ”
“ปกติเขามากินข้าวเช้าเวลานี้ไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ”
“โอเค พี่เอื้องจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” ฉันบอกพี่เอื้องแล้วเดินไปนั่งรอในห้องอาหาร แม่บ้านเดินมาเสิร์ฟอาหารเช้าฉันก็นั่งกินเงียบ ๆ คนเดียวแต่กินจนหมดพี่เมฆของคุณแม่ก็ยังไม่โปล่หัวมา
...08.15 น.
เขาไม่เคยมากินข้าวสายแบบนี้มาก่อนเพราะต้องรีบกินแล้วไปทำงานแต่เช้าเอาใจคุณพ่อตลอด นี่อย่าบอกนะว่าพอคุณพ่อไม่อยู่เลยถือโอกาสขี้เกียจ?
ก็ไม่ได้อยากเจอหรอกนะแต่เพราะฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับเขาก่อนที่อาทิตย์หน้าฉันต้องเข้าไปฝึกงาน เรื่องที่ทำฉันหงุดหงิดจนแทบจะไปเคาะประตูบ้านเขาตั้งแต่เมื่อคืน
“ผิงขอย้ายไปฝึกงานกับพี่ฟิวส์ค่ะคุณพ่อ”
(หนูก็ไปคุยกับพี่เขาสิลูก)
“ทำไมต้องคุยกับเขาด้วยคะ ผิงขอคุณพ่อ คุณพ่ออนุมัติก็จบแล้วค่ะ”
(หึ ๆๆ ไม่ได้หรอกลูก ตอนนี้พ่อลาพักร้อนอยู่นะคะ หนูต้องคุยกับพี่เขาเองเพราะพี่เขารักษาการแทนพ่ออยู่)
“ไม่จำเป็นเลย คุณพ่อใหญ่กว่าเขาผิงขอคุณพ่อแค่ตรงนี้ก็จบ คุณพ่ออย่า...”
(น้องผิง ตรงนั้นคือบริษัทไม่ใช่ในบ้านนะลูก หรือต่อให้เป็นเรื่องในบ้านถ้าพ่อให้พี่เขาจัดการพ่อก็ต้องเคารพเขา หนูจะฝึกงานก็ต้องเคารพและให้เกียรติพี่เขาในฐานะผู้บังคับบัญชาของหนูเหมือนกัน)
“...สรุปก็คือยังไงก็ต้องแล้วแต่ลูกชายของคุณพ่อใช่ไหมคะ”
(หนูต้องโตให้มากกว่านี้)
“...ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวผิงไปเคลียร์กับคุณเมฆาเอง”
หลังจากจบการโทรคุยกับคุณพ่อด้วยอารมณ์น้อยใจสุด ๆ ฉันก็อยากไปเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่องมากนะคะตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ต้องห้ามใจไว้เพราะบอกกับตัวเองตลอดว่าฉันจะไม่มีทางเดินไปเหยียบบ้านของเขา!
“พี่มี่ พี่มี่~” ฉันทนรอไม่ไหวเลยเดินออกมาแล้วตะโกนเรียกหาแม่บ้านคนสนิท
“ขา~ พี่มี่อยู่นี่ค่ะคุณผิงขา” แม่บ้านคนสนิทของฉันรีบเดินกึ่งวิ่งมาหา
“ไปดูให้ผิงทีว่าลูกชายคุณแม่ทำไมยังไม่มา”
“ทำไมเหรอคะ คุณผิงรอทานข้าวเหรอคะ” คำถามทำให้ฉันถลึงตาใส่ ทั้งที่เป็นคนสนิทของฉันแต่ถามในสิ่งที่มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริงแบบนี้ได้ยังไง
“ใช่ที่ไหนล่ะ ผิงมีเรื่องจะคุยกับเขา”
“อ๋อ ถ้างั้นพี่มี่ว่าคุณผิงโทรหาคุณเมฆดีกว่าค่ะ คุณเมฆออกไปตั้งแต่ 7 โมงเช้าแล้วค่ะ”
“เอ้า!” คำตอบทำฉันอารมณ์เสียอีกแล้ว! แล้วจะให้โทรหาได้ยังไงโมโหเรื่องนั้นจนลบเบอร์ลบทุกอย่างของผู้ชายคนนั้นไปหมดแล้ว!
ให้ตายเถอะไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับลูกชายสุดที่รักของคุณแม่มีแต่จะทำให้ฉันหงุดหงิดอารมณ์เสียจริง ๆ
!!!
-เวลาต่อมา-
แอด~
“...” ฉันเปิดประตูห้องทำงานคนใหญ่คนโตของบริษัทหลักทรัพย์อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย คุณคนใหญ่คนโตทายาทของที่นี่ก็เงยหน้าจากกองเอกสารที่วางท่วมโต๊ะมองหน้าฉันทันที หน้าตาหยิ่งยโสของเขาทำฉันหงุดหงิดอีกแล้ว
ให้ตายเถอะพี่เมฆของคุณแม่เป็นผู้ชายที่มีครบเรื่องหน้าตากับหุ่นมากนะแต่หน้าตาของเขาดันไม่เคยไม่ขัดตาฉันเลยสักครั้ง เห็นทีไรมีแต่ความหงุดหงิด ยิ่งไม่อยากเห็นหน้าแต่ต้องจำใจเจอหน้าก็ยิ่งรำคาญตา
“น้องผิงควรเคาะประตู”
“...”
ก๊อก ๆๆ
“พอใจยัง?”
“...” ไม่พอใจสินะ แล้วไงใครแคร์? ฉันปิดประตูแล้วก็เดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานใหญ่ของเขาช้า ๆ
“มีอะไรครับ”
“ผิงไม่ต้องการฝึกงานตำแหน่งที่พี่เมฆยัดเยียด”
“พี่ไม่เคยยัดเยียด”
“แล้วผิงมาฝึกตำแหน่งนี้ได้ยังไง? หาเหตุผลดี ๆ มานะพี่เมฆ” เขามองหน้าฉันก่อนจะวางปากกา ยืดอกขึ้นแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ราคาหลักแสนของตัวเองช้า ๆ
หยิ่ง จองหอง อวดดีที่สุด!
“คุณพ่ออยากให้พี่ช่วยเทรนให้น้องผิง”
“ไม่จำเป็น ผิงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพี่เมฆ” ฉันตอบได้โดยไม่ต้องคิดเพราะตัวเองพร้อมไร้มารยาทกับผู้ชายคนนี้ได้ตลอดเวลาจริง ๆ
“ไม่อยากให้พี่ฮุบบริษัทก็ควรฝึกงานในตำแหน่งที่เห็นงานของพี่ ไม่ดีเหรอครับ เรียนจบแล้วน้องผิงจะได้ขึ้นเป็นรองประธานเร็ว ๆ ไง”
“แล้วคุณเมฆาก็ปีนขึ้นเก้าอี้ประธานน่ะเหรอคะ?”
“...”
“อย่าคิดว่าผิงดูไม่ออกว่าคนอย่างพี่เมฆคิดจะทำอะไร แผนตื้น ๆ” ฉันพูดจบก็ยิ้มเยาะบาง ๆ
“พี่คิดจะทำอะไร?”
“ฮ่า ๆๆ กล้าถามแล้วกล้ายอมรับความจริงไหมล่ะถ้าผิงตอบ ตอบไปก็ไม่ยอมรับอยู่ดีถ้างั้นไม่ต้องถามหรอก รู้แก่ใจว่าตัวเองคิดจะทำอะไรก็พอแล้วมั้ง”
“แล้วคิดว่าพี่จะทำอะไร?”
“ก็ทำเรื่องเลว ๆ ไง แสร้งตีหน้าเป็นคนดีแต่สุดท้ายก็หวังฮุบทุกอย่าง อยากได้ทุกอย่างมากจนคิดจะรวบหัวรวบหางผิง พี่เมฆคิดว่าผิงดูไม่ออกเหรอ แต่เสียใจนะ ผิงไม่โง่ให้คนหัวสูงอย่างพี่เมฆทำตามแผนได้สำเร็จแน่นอน จำเอาไว้!” ฉันพูดจบก็หันหลังเดินออกมาทันที ไม่อยากอยู่นาน ไม่อยากสาวไส้ออกมามากกว่านี้แล้วเพราะสะอิดสะเอียนสายตาที่พยายามตัดพ้อฉันของเขา!
“น้ำผิง”
ขวับ!
“อะไร?” ฉันปรี๊ดขึ้นสมองเพราะจะเดินออกไปแล้วแต่เขาดันเรียกฉันว่า น้ำผิง สั้น ๆ ห้วน ๆ กล้ามากนะเมฆา ถือดี อวดดี! แล้วพอหันไปมองก็เห็นสายตาคมกริบของเขากำลังจ้องมองอยู่ยิ่งทำให้ฉันปรี๊ดแตก
“พี่ไม่เคยคิดจะทำอย่างที่เรากล่าวหา แต่เอาล่ะ ในเมื่อเราฝังใจว่าพี่ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้พี่จะทำให้ดูว่าถ้าคนอย่างพี่เลว...เลวของจริงมันเป็นยังไง”