EP 5 : เลวของจริง

2307 Words
“บอกใครเขาก็ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าเป็นแค่เพื่อนกัน ทำไมไม่จริงจังกันสักทีล่ะ พี่เชียร์เขาก็รวยมากนะ” “น้ำผิง” “หรือเป็นเพราะ...เขามีญาติพี่น้องเป็นตัวหารไม่เหมือนผิง?” “...” “จ้องหน้าผิงทำไมคะ ผิงพูดผิดเหรอ?” ฉันยิ้มถามเขาที่กำลังจ้องหน้าฉัน ดูก็รู้ว่าโกรธ ยิ่งเห็นเขากำมือทั้งสองข้างก็ยิ่งมั่นใจเลยเดินช้า ๆ ไปหยุดตรงหน้าเขา “ว่าไงคะพี่เมฆ ผิงพูดผิดตรง...” หมับ! “พี่เมฆทำบ้าอะ...อื้อ!!!” ฉันโดนเขาจับไหล่กระชากเข้าหาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยทั้งชีวิต แค่เขากล้าทำแบบนี้ฉันก็ตกใจมากแล้วแต่การที่เขาบดปากลงมาที่ปากฉันมันทำให้ฉันตกใจและโกรธจนแทบบ้า “อื้อ!!! อ่อย!!!” ฉันทั้งดิ้นทั้งผลักแต่เขาไม่ปล่อยง่าย ๆ เขาบดริมฝีปากลงมาเต็มแรง แรงมากจนเริ่มรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งปาก “อ่อย!!! อื้อ!!! อ่อย!!!” ยิ่งเขาจูบ ไม่เอา! ฉันไม่ขอเรียกว่านี่คือการจูบเด็ดขาด! ยิ่งเขากดปากลงมาที่ปากฉันนานเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งโกรธเสียงที่ร้องในลำคอก็ยิ่งดังแต่เหมือนมันจะเปล่าประโยชน์จนกระทั้งลิ้นของเขาแทรกเข้ามาในปากฉัน! “อ่อย!!!” “เกิดอะไร ว๊าย!” !!! เสียงบุคคลที่สามที่ดังขึ้นแถมยังร้องด้วยความตกใจจนลั่นไปที่วบริเวณทำฉันแทบช็อคก่อนที่เขาจะปล่อยแล้วหันไปมองแม่บ้านแต่ฉันยังช็อคที่มีคนมาเห็นเหตุการณ์ที่ฉันโดนคนที่พ่อแม่เอามาชุบเลี้ยงทำหยาบคายกับตัวเอง! “ไปนอนซะเอื้อง” “เอ่อ...” “ไปนอน” เขาไม่ได้ตะคอกเสียงดังแค่ดุเสียงเข้ม ฉันตั้งสติได้ก็เริ่มดันแต่เขาก็จับไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้แน่นเพราะสภาพตอนนี้ก็คือ...ทุเรศสิ้นดี! “ค่ะ ๆๆ คุณเมฆ” “เดี๋ยว” “ขะ...คะ” “อย่าพูดเรื่องนี้” “ค่ะ ๆๆ หนูจะไม่พูดเด็ดขาดเลยค่ะว่าคุณเมฆกับคุณผิงจูบ... / พี่เอื้อง!” ไม่ใช่ไอ้บ้าตรงหน้าแต่เป็นฉันเองที่ตะคอกใส่ เขาทำให้คนอื่นคิดว่าเราสองคนจูบกัน เข้าทางเลยสิ ฉันใกล้เรียนจบแล้วคิดจะจับฉันให้อยู่หมัดจะได้กินรวบหมดไม่ให้ทรัพย์สินของบ้านฉันหลุดกระเด็นไปให้ใคร! แม่บ้านรีบไปฉันก็หันกลับมามองเขาที่ไม่ยอมปล่อยฉันสักทีก่อนจสะบัดตัวสุดแรงด้วยอารมณ์โกรธจัดจนหลุด “สารเลว!” เพี้ยะ! “...” “ทำตัวทุเรศ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา!” ไม่ต้องรอให้ผู้ชายคนนี้ที่โดนตบจนหน้าหันหันกลับมาสบตาฉันก็อ้าปากด่าทันที “...” “สงสารคุณพ่อคุณแม่ของผิงจริง ๆ ที่เลี้ยงกาฝากแบบพี่เมฆ! อย่าได้คิดจะมาแตะต้องตัวผิงอีก ไม่สิ แม้แต่คุยก็ไม่ต้อง...รังเกียจ!” #NAMPHING END #MAEKA TALK “...” ...กาฝาก หึ ๆๆ แต่ละคำดูถูกที่คนอย่างไอ้เมฆได้รับ แต่ก็ว่าเขาไม่ได้เพราะผมเป็นกาฝากจริง ๆ ผมมองตามหลังเธอที่เดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปในบ้านแล้ว ไม่รู้ว่ามองนานแค่ไหนรู้แค่ไม่เห็นแผ่นหลังของน้ำผิงมาพักหนึ่งถึงได้ตัดสินใจหันหลังเดินออกมา -วันต่อมา- “คุณผิงล่ะ” “เอ่อ...ออกไปแล้วค่ะ”​ แม่บ้านอย่างเอื้องตอบผมพร้อมกับหลบสายตาทำหน้าเหมือนอาย “เอื้อง” “...คะ” “อย่าพูดเรื่องเมื่อคืนเด็ดขาด อย่าทำให้คุณผิงเสียหาย” ผมย้ำอีกครั้งทั้งที่รู้ว่าแม่บ้านอย่างเอื้องไม่มีทางกล้าขัดคำสั่ง แต่ผมก็ต้องย้ำเพื่อไม่ให้อีกคนเสียหายและ...รังเกียจผมไปมากกว่านี้ “เอื้องไม่พูดแน่นอนค่ะคุณเมฆ คุณเมฆไว้ใจเอื้องได้ค่ะ” “อื้ม ไปเถอะ” “แล้วคุณเมฆจะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ” “ไม่ล่ะ ขอบใจมาก”​ ผมบอกแล้วมองเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินออกมา วันนี้เพิ่ง 7 โมงเช้าก็ออกจากบ้านแล้วทั้งที่ปกติออกจากบ้านสายจะตายก็มีแค่เหตุผลเดียวนั่นล่ะ ...คุณหนูบ้านนี้ไม่อยากเจอหน้ากาฝากอย่างไอ้เมฆ หึ ๆๆ รู้ว่าเขาไม่อยากเจอหน้า รู้ว่าเขารังเกียจ รู้ว่าตัวเองไม่มีความหวัง แต่ก็ยังหน้าด้านอยากเห็นหน้าเขาอยู่ทุกวัน มึงมันน่าสมเพชไม่จบไม่สิ้นเลยว่ะไอ้เมฆ -เวลาต่อมา- “ไงคะคนดี ทำไมหน้าบึ้งจังเลย” ฉันที่ใส่ชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในห้องทำงานห้องหนึ่งถูกเจ้าของห้องทักทายแต่ฉันก็ยังหน้าบึ้งเหมือนเดิมพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาด้วยความหงุดหงิด “ไหนบอกว่าจะช่วยผิง?” “ช่วย? ช่วยอะไรคะ?” ยังจะทำหน้างงอีก! “ก็ช่วยให้ผิงฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขาพี่เวส์ไง” ฉันพูดจบคนฟังก็ขมวดคิ้ววางปากกาแล้วเดินมาหาฉัน “เดี๋ยว ๆๆ พี่บอกฝ่ายบุคคลไปแล้วว่าให้น้องผิงมาฝึกงานตำแหน่งนี้นะคะ น้องผิงพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ” “เหอะ!” ฉันทำได้แค่แค่นเสียงกรอกตามองบนเป็นคำตอบให้พี่ฟิวส์ “อ่าส์! นี่ไอ้เมฆมันไม่ยอมใช่ไหม” “ยังต้องถามอีกเหรอคะ” ใจฉันอยากไปอาละวาดมากตอนที่เดินเข้ามาในบริษัทเพื่อตามเรื่องฝึกงานเลยได้รู้ว่าต้องฝึกงานตำแหน่งไหน ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ก่อนหน้านี้สัก 12 ชั่วโมงฉันไม่เดินมาห้องรองผู้จัดการฝ่ายอย่างพี่ฟิวส์หรอกแต่ฉันคงไปยืนอาละวาดในห้องรองประธานกรรมการของที่นี่แล้ว แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ฉันไม่อยากไปเห็นหน้าคนคนนั้นถึงต้องมาที่นี่ไง! “เดี๋ยวพี่ไปคุยกับมันเองค่ะ” “คิดว่าทำได้เหรอคะ?”​ ไม่ได้ดูถูกพี่ฟิวส์นะแต่รู้ดีแก่ใจว่าทำไมได้หรอก พอฉันถามเขาก็ทำหน้าเก้อนิดหน่อย “มันก็คงเกรงใจกันบ้างถ้ามันไม่หน้าด้านเกินไป” “ถ้างั้นไม่ต้องไปคุยให้เสียเวลาหรอกค่ะ เดี๋ยวผิงคุยกับคุณพ่อเอง”​ ฉันตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพราะค้นพบว่าการเข้ามาระบายในห้องของหลานชายป้าสะใภ้ไม่ได้ทำให้ฉันอารมณ์เย็นลงได้แม้แต่นิดเดียว “โอเคค่ะ ถ้างั้นน้องผิงรีบโทรหาคุณอาเลยนะคะ” ฉันแค่พยักหน้ารับแล้วเดินออกมา แต่คงยังไม่โทรหรอกทางนั้นเพิ่งจะเช้ากลัวคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ตื่นไม่อยากกวน ...ฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขารองประธานกรรมการ เหอะ! ล็อกเอาไว้เลยสินะเมฆา! -วันต่อมา- “พี่เมฆมารึยัง?” “คะ? เอ่อ...”​ ฉันถามแม่บ้านแต่แม่บ้านที่โดนถามกลับทำหน้าอายใส่ทำให้ฉันที่พยายามจะลืม ๆ เรื่องบางเรื่องไปเริ่มจะปรี๊ดขึ้นสมองอีกรอบ “พี่เอื้อง อย่ามาแสดงอาการแบบนี้ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” ฉันพยายามมากนะที่จะไม่ดุแต่ก็เผลอเสียงแข็งเหมือนเดิม “เอื้องเปล่าคิดอะไรนะคะคุณผิง คือ คุณเมฆยังไม่มาค่ะ” “ปกติเขามากินข้าวเช้าเวลานี้ไม่ใช่เหรอ” “ค่ะ” “โอเค พี่เอื้องจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” ฉันบอกพี่เอื้องแล้วเดินไปนั่งรอในห้องอาหาร แม่บ้านเดินมาเสิร์ฟอาหารเช้าฉันก็นั่งกินเงียบ ๆ คนเดียวแต่กินจนหมดพี่เมฆของคุณแม่ก็ยังไม่โปล่หัวมา ...08.15 น. เขาไม่เคยมากินข้าวสายแบบนี้มาก่อนเพราะต้องรีบกินแล้วไปทำงานแต่เช้าเอาใจคุณพ่อตลอด นี่อย่าบอกนะว่าพอคุณพ่อไม่อยู่เลยถือโอกาสขี้เกียจ? ก็ไม่ได้อยากเจอหรอกนะแต่เพราะฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับเขาก่อนที่อาทิตย์หน้าฉันต้องเข้าไปฝึกงาน เรื่องที่ทำฉันหงุดหงิดจนแทบจะไปเคาะประตูบ้านเขาตั้งแต่เมื่อคืน “ผิงขอย้ายไปฝึกงานกับพี่ฟิวส์ค่ะคุณพ่อ” (หนูก็ไปคุยกับพี่เขาสิลูก) “ทำไมต้องคุยกับเขาด้วยคะ ผิงขอคุณพ่อ คุณพ่ออนุมัติก็จบแล้วค่ะ” (หึ ๆๆ ไม่ได้หรอกลูก ตอนนี้พ่อลาพักร้อนอยู่นะคะ หนูต้องคุยกับพี่เขาเองเพราะพี่เขารักษาการแทนพ่ออยู่) “ไม่จำเป็นเลย คุณพ่อใหญ่กว่าเขาผิงขอคุณพ่อแค่ตรงนี้ก็จบ คุณพ่ออย่า...” (น้องผิง ตรงนั้นคือบริษัทไม่ใช่ในบ้านนะลูก หรือต่อให้เป็นเรื่องในบ้านถ้าพ่อให้พี่เขาจัดการพ่อก็ต้องเคารพเขา หนูจะฝึกงานก็ต้องเคารพและให้เกียรติพี่เขาในฐานะผู้บังคับบัญชาของหนูเหมือนกัน) “...สรุปก็คือยังไงก็ต้องแล้วแต่ลูกชายของคุณพ่อใช่ไหมคะ” (หนูต้องโตให้มากกว่านี้) “...ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวผิงไปเคลียร์กับคุณเมฆาเอง” หลังจากจบการโทรคุยกับคุณพ่อด้วยอารมณ์น้อยใจสุด ๆ ฉันก็อยากไปเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่องมากนะคะตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ต้องห้ามใจไว้เพราะบอกกับตัวเองตลอดว่าฉันจะไม่มีทางเดินไปเหยียบบ้านของเขา! “พี่มี่ พี่มี่~” ฉันทนรอไม่ไหวเลยเดินออกมาแล้วตะโกนเรียกหาแม่บ้านคนสนิท “ขา~ พี่มี่อยู่นี่ค่ะคุณผิงขา” แม่บ้านคนสนิทของฉันรีบเดินกึ่งวิ่งมาหา “ไปดูให้ผิงทีว่าลูกชายคุณแม่ทำไมยังไม่มา” “ทำไมเหรอคะ คุณผิงรอทานข้าวเหรอคะ” คำถามทำให้ฉันถลึงตาใส่ ทั้งที่เป็นคนสนิทของฉันแต่ถามในสิ่งที่มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริงแบบนี้ได้ยังไง “ใช่ที่ไหนล่ะ ผิงมีเรื่องจะคุยกับเขา” “อ๋อ ถ้างั้นพี่มี่ว่าคุณผิงโทรหาคุณเมฆดีกว่าค่ะ คุณเมฆออกไปตั้งแต่ 7 โมงเช้าแล้วค่ะ” “เอ้า!” คำตอบทำฉันอารมณ์เสียอีกแล้ว! แล้วจะให้โทรหาได้ยังไงโมโหเรื่องนั้นจนลบเบอร์ลบทุกอย่างของผู้ชายคนนั้นไปหมดแล้ว! ให้ตายเถอะไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับลูกชายสุดที่รักของคุณแม่มีแต่จะทำให้ฉันหงุดหงิดอารมณ์เสียจริง ๆ !!! -เวลาต่อมา- แอด~ “...” ฉันเปิดประตูห้องทำงานคนใหญ่คนโตของบริษัทหลักทรัพย์อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย คุณคนใหญ่คนโตทายาทของที่นี่ก็เงยหน้าจากกองเอกสารที่วางท่วมโต๊ะมองหน้าฉันทันที หน้าตาหยิ่งยโสของเขาทำฉันหงุดหงิดอีกแล้ว ให้ตายเถอะพี่เมฆของคุณแม่เป็นผู้ชายที่มีครบเรื่องหน้าตากับหุ่นมากนะแต่หน้าตาของเขาดันไม่เคยไม่ขัดตาฉันเลยสักครั้ง เห็นทีไรมีแต่ความหงุดหงิด ยิ่งไม่อยากเห็นหน้าแต่ต้องจำใจเจอหน้าก็ยิ่งรำคาญตา “น้องผิงควรเคาะประตู” “...” ก๊อก ๆๆ “พอใจยัง?” “...” ไม่พอใจสินะ แล้วไงใครแคร์? ฉันปิดประตูแล้วก็เดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานใหญ่ของเขาช้า ๆ “มีอะไรครับ” “ผิงไม่ต้องการฝึกงานตำแหน่งที่พี่เมฆยัดเยียด” “พี่ไม่เคยยัดเยียด” “แล้วผิงมาฝึกตำแหน่งนี้ได้ยังไง? หาเหตุผลดี ๆ มานะพี่เมฆ” เขามองหน้าฉันก่อนจะวางปากกา ยืดอกขึ้นแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ราคาหลักแสนของตัวเองช้า ๆ หยิ่ง จองหอง อวดดีที่สุด! “คุณพ่ออยากให้พี่ช่วยเทรนให้น้องผิง” “ไม่จำเป็น ผิงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพี่เมฆ” ฉันตอบได้โดยไม่ต้องคิดเพราะตัวเองพร้อมไร้มารยาทกับผู้ชายคนนี้ได้ตลอดเวลาจริง ๆ “ไม่อยากให้พี่ฮุบบริษัทก็ควรฝึกงานในตำแหน่งที่เห็นงานของพี่ ไม่ดีเหรอครับ เรียนจบแล้วน้องผิงจะได้ขึ้นเป็นรองประธานเร็ว ๆ ไง” “แล้วคุณเมฆาก็ปีนขึ้นเก้าอี้ประธานน่ะเหรอคะ?” “...” “อย่าคิดว่าผิงดูไม่ออกว่าคนอย่างพี่เมฆคิดจะทำอะไร แผนตื้น ๆ” ฉันพูดจบก็ยิ้มเยาะบาง ๆ “พี่คิดจะทำอะไร?” “ฮ่า ๆๆ กล้าถามแล้วกล้ายอมรับความจริงไหมล่ะถ้าผิงตอบ ตอบไปก็ไม่ยอมรับอยู่ดีถ้างั้นไม่ต้องถามหรอก รู้แก่ใจว่าตัวเองคิดจะทำอะไรก็พอแล้วมั้ง” “แล้วคิดว่าพี่จะทำอะไร?” “ก็ทำเรื่องเลว ๆ ไง แสร้งตีหน้าเป็นคนดีแต่สุดท้ายก็หวังฮุบทุกอย่าง อยากได้ทุกอย่างมากจนคิดจะรวบหัวรวบหางผิง พี่เมฆคิดว่าผิงดูไม่ออกเหรอ แต่เสียใจนะ ผิงไม่โง่ให้คนหัวสูงอย่างพี่เมฆทำตามแผนได้สำเร็จแน่นอน จำเอาไว้!” ฉันพูดจบก็หันหลังเดินออกมาทันที ไม่อยากอยู่นาน ไม่อยากสาวไส้ออกมามากกว่านี้แล้วเพราะสะอิดสะเอียนสายตาที่พยายามตัดพ้อฉันของเขา! “น้ำผิง” ขวับ! “อะไร?” ฉันปรี๊ดขึ้นสมองเพราะจะเดินออกไปแล้วแต่เขาดันเรียกฉันว่า น้ำผิง สั้น ๆ ห้วน ๆ กล้ามากนะเมฆา ถือดี อวดดี! แล้วพอหันไปมองก็เห็นสายตาคมกริบของเขากำลังจ้องมองอยู่ยิ่งทำให้ฉันปรี๊ดแตก “พี่ไม่เคยคิดจะทำอย่างที่เรากล่าวหา แต่เอาล่ะ ในเมื่อเราฝังใจว่าพี่ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้พี่จะทำให้ดูว่าถ้าคนอย่างพี่เลว...เลวของจริงมันเป็นยังไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD