“มันคันอ่ะพี่เมฆ~”
“เดี๋ยวก็หาย” เขาบอกในขณะที่นิ้วกำลังวนเป็นวงกลมบนตุ่มสีแดงที่เกิดขึ้นบนผิวฉันอย่างตั้งใจ...มั้ง
“ไม่เห็นหายเลย คันเป็นบ้า” ฉันบ่นออกมาเขาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วสั่งสายตาดุอีกครั้ง
“พี่บอกว่าเดี๋ยวก็หาย ไม่ได้บอกว่าทาแล้วมันจะหายเลย”
“ชิส์!” ฉันกลอกตามองบนแล้วหันไปมองไอ้ขี้เถ้าฆ่าเวลา
ดูไอ้อดีตตัวจิ๋วสิ ตอนนี้กำลังนั่งกึ่งนอนชูคอมองหน้าฉันอยู่ ดูหูที่ตกทั้งสองข้างกับลิ้นที่ห้อยออกมาไหนจะสายตาบ๊องแบ๊วคู่นี้สิ น่ารักจัง น่ารักเป็นบ้าเลยขี้เถ้า
ฟู่ว์~
ลมอุ่น ๆ ที่ปะทะผิวตรงข้อเท้าทำให้ฉันต้องละสายตาจากขี้เถ้าไปมองพ่อของมัน
“เสร็จแล้ว ห้ามเกาล่ะเดี๋ยวก็หายคัน” เขาบอกแล้ววางเท้าฉันลงเบา ๆ
“ขอบคุณค่ะ” จะไม่ขอบคุณก็ไร้มารยาทใช่ไหมล่ะก็เลยต้องขอบคุณเขาหน่อย เดี๋ยวหาว่าคุณแม่ไม่สอน
“คราวหลังอย่าไปแอบตรงนั้น แถวนั้นมดคันไฟมัน... / ไม่ได้แอบดูพี่เมฆ ผิงแค่เดินผ่านแถวนี้เฉย ๆ” เขาพูดยังไม่จบฉันก็สวนกลับทันที อย่ามาเข้าใจผิดย่ะ!
“หึ ๆๆ พี่ไม่ได้ว่าน้องผิงแอบดูพี่สักหน่อย ร้อนตัวอะไร?”
“พี่เมฆ!” ฉันวีนใส่แต่เขาแค่ยิ้มมุมปากแล้วหันไปลูบหัวขี้เถ้าหน้าตาเฉย
“ไงไอ้เหม็น ไม่เคยเห็นรึไงไอ้เด็กกำพร้า มองอะไรขนาดนั้น”
“เรียกมันอะไรแบบนั้น มันไม่ได้กำพร้าซะหน่อย”
“เหรอ?” อย่ามาทำหน้ากวนประสาทได้ไหม!
“ก็...มันก็มีพี่เมฆเป็นเจ้านายอยู่นี่ไง กำพร้าอะไร ใช่ไหมขี้เถ้า” ฉันหันไปคุยกับขี้เถ้าที่ไม่รู้ว่ามันจะฟังภาษาคนรู้เรื่องรึเปล่า แต่พอฉันคุยด้วยขี้เถ้ามันก็กระดิกหางแล้วอ้าปากกว้างกว่าเดิมนะคะ หรือว่ามันรู้เรื่อง?
ฉันดูไม่ออกหรอกว่าตกลงแล้วมันฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมแต่พ่อของไอ้ขี้เถ้าที่หันไปมองลูกชายหมาของตัวเองกำลังลูบหัวมันช้า ๆ แล้วไอ้ขี้เถ้าก็เอียงคอลงไปหามือของพ่อมัน ท่าทางจะขี้อ้อนน่าดูนะคะ
“มันดีใจนะ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วก็แบมือให้มันเอาหน้าแนบแล้วก็พยายามเอาหน้าถูมือของพ่อมันมากขึ้น อ้อนสุด ๆ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นตัวผู้คงได้นึกว่าหมาตัวเมียเห็นคนหล่อแล้วนะ
“...” ฉันมองอาการของขี้เถ้าที่ท่าทางอ้อนพ่อมากแต่สายตาของมันกลับมองมาที่ฉันตลอดเวลา
“ขอบคุณนะที่วันนี้มาหามัน” ฉันมัวแต่มองขี้เถ้าเลยไม่รู้ว่าเขาหันมามอง รู้อีกทีก็ตอนที่เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมานี่ล่ะ
“...ทำไมไม่พามันไปเล่นที่บ้านใหญ่ล่ะคะ” ฉันถามออกไปทำให้เขายิ้มแต่สายตากลับไม่ยิ้มตาม
“ก็เจ้าของบ้านบอกว่าไม่อยากเลี้ยงมันแล้ว พี่จะกล้าพามันไปได้ยังไง”
“...” เขาตอบฉันด้วยคำตอบที่ทำให้คนฟังจุกไปทั้งใจจบแล้วก็หันกลับไปหาลูกชายของตัวเอง หันไปทั้งตัวแล้วก็เกาคางกับแก้มมันด้วยมือทั้งสองข้าง
“หิวน้ำไหมไอ้เหม็น ไปกินน้ำกันดีกว่า...พี่พามันเข้าบ้านก่อน อย่าเกาแรงแบบเมื่อกี้อีกนะถ้ายังคันมากทายาอีกรอบดีกว่า” เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วอุ้มไอ้ลูกหมาตัวโตขึ้นแต่ดูท่าทางมันจะยังไม่อยากไปเท่าไหร่เพราะมันพยายามดิ้นแล้วก็มองมาที่ฉันตลอดเวลา
“งิ้ง~ งิ้ง ๆๆ” ขี้เถ้าส่งเสียงร้องแล้วก็พยายามจะดิ้น สายตาเอาแต่มองมาที่ฉันทำฉันแทบจะร้องไห้ออกมา
มันคิดถึง มันจำฉันได้ทั้งที่ฉันไม่เคยคิดที่จะมาหามันเลยตลอดระยะเวลาสามปีกว่า ๆ ฉันมันแย่มากเลย...
“ผิงอยากเล่นกับมัน” ฉันเอ่ยออกไปทำให้เขาหยุดก้าวเดินแล้วหันกลับมามอง
“มันก็อยากเล่นกับน้องผิง แต่อย่าเลย พี่กลัวมันรอน้องผิงอีก”
“...” รอยยิ้มบาง ๆ ของเขาทำให้ฉันเจ็บปวด ฉันเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังบอก เขาขอบคุณที่มาหามันแต่ก็ไม่อยากให้มันเล่นกับฉันเพื่อเพิ่มความผูกพันเพราะกลัวว่าฉันจะไม่มาหามันอีกเหมือนที่ผ่านมา
“อย่าลืมเอายากลับไป... / ผิงจะไม่ให้มันรอ” ฉันพูดแทรกเพราะตอนนี้อยากกอดไอ้ขี้เถ้าของฉันจะแย่แล้ว ดูหน้าที่มันมองแม่ของมันสิ ขอโทษนะเถ้า ขอโทษจริง ๆ
“...พี่เมฆปล่อยมันสักที” ฉันบอกพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินไปหาคนกับหมาทำให้เขาที่กำลังมีสีหน้าลังเลยอมปล่อยมันลงและฉันก็ย่อตัวนั่งลงเพื่อเตรียมเล่นกับมันทันที
“งิ้ง ๆๆ”
แผล็บ~
“อื้อ~” ไอ้ขี้เถ้าพุ่งมาหาแล้วก็เลียแขนเลียขาแสดงความรักกับฉันทันทีแต่ฉันไม่ปล่อยให้มันแสดงความรักนานหรอกเพราะฉันก็รีบกอดมันเพื่อแสดงความรักบ้างเหมือนกัน
หมับ~
“อื้อ~ อ้วนขึ้นเยอะเลยนะไอ้ลูกหมา” พ่อให้กินอะไรเนี่ยทำไมพอกอดแล้วเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ไอ้คุณชายหมาพันธุ์ไทยบ้าน~
“งิ้ง ๆๆ”
“หึ ๆๆ อ้อนใหญ่เลยนะไอ้เหม็น” เขาย่อตัวนั่งลงแล้วลูบหลังไอ้ขี้เถ้าบ้าง พอพ่อของมันคุยด้วยไอ้ขี้เถ้าก็หันไปมองแล้วทำเสียงงิ้ง ๆ อ้อนใหญ่เลย
“มันกินข้าวรึยังพี่เมฆ”
“กินแล้ว”
“ทำอะไรให้มันกินคะทำไมอ้วนแบบนี้”
“อาหารเม็ดสลับเนื้อสัตว์ต้มแบบไม่ปรุง แต่ส่วนมากเป็นอย่างหลัง ไอ้เถ้ามันไม่ชอบกินอาหารเม็ด” คำตอบทำให้ฉันขมวดคิ้วเพราะไม่เคยได้ยินว่าแม่บ้านที่บ้านทำอาหารให้ไอ้ขี้เถ้านะ หรือแอบทำเพราะกลัวฉันรู้? แต่ถ้าแอบทำเพราะกลัวฉันรู้คงเกินไปหน่อยเพราะฉันไม่เคยเกลียดไอ้หมาน้อยตัวนี้เลยสักครั้ง
“ใครทำให้?”
“พี่ทำเองสิ” เขาตอบเรื่อย ๆ มือก็ลูบหัวลูบหลังมันเบา ๆ ด้วยความรัก
“บ้านพี่เมฆมีครัวด้วยเหรอ?” ประชดค่ะ รู้แหละว่าบ้านเขาต้องมีครัวอยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าคุณเมฆของสาว ๆ แม่บ้านจะใช้ครัวบ้านตัวเอง นึกว่าทำไว้ประดับเพราะไปกินข้าวบ้านใหญ่ตลอด
“หึ ๆๆ บ้านจะไม่มีครัวได้ยังไง” ยิ้มกวนประสาทเป็นบ้า ไม่อยากสนใจหน้าตาเขาให้อารมณ์เสียหรอกเล่นกับไอ้เถ้าดีกว่า
ฉันเล่นกับไอ้ขี้เถ้าอยู่พักหนึ่งถึงได้รู้ว่าขี้เถ้าน้อยฉลาดมาก ตอนเป็นเจ้าจิ๋วจนเริ่มโตเป็นหนุ่มก็ฉลาดมากแล้วนะแต่ตอนนี้ฉลาดกว่าตอนนั้นอีกแล้วมันก็เป็นน้องหมาที่เล่นสนุกมาก วิ่งกระโดดโลดเต้นใหญ่เลยทำเอาฉันเหนื่อยแต่ก็ไม่หยุดเล่นกับมันหรอกนะคะ เล่นกันอยู่พักใหญ่เขาก็หายเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินออกมาพร้อมน้ำของคนกับหมา
“พักกินน้ำกันก่อนเร็ว” เขาถือน้ำส้มมายื่นให้ฉันแล้วเอาถ้วยน้ำน้องหมาแบบยืดหดได้มาเทน้ำเปล่าให้ขี้เถ้ากิน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับน้ำไปดื่มเพราะเล่นจนเหนื่อยแล้วก็กระหายมากดื่มจนหมดแก้วถึงได้รู้ว่าถูกเขายืนมองด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“อะไร?” ยิ้มอยู่ได้เป็นบ้ารึไง
“เปล่า เอาแก้วมาพี่เอาไปวางให้” เขายื่นมือมารับเลยยื่นแก้วคืนให้จากนั้นพี่เมฆก็เดินอมยิ้มเอาแก้วไปวางที่โต๊ะ
...ประสาท ยิ้มอยู่ได้
“ไงเถ้า กินน้ำอิ่มไหม” เขาเดินกลับมานั่งลงลูบหัวลูกชายของเขา มันกินน้ำไม่หยุดเลยค่ะท่าทางจะหิวมาก พอกินอิ่มก็เงยหน้ามองพ่อของมันแล้วก็อ้อนออเซาะด้วยการพยายามจะปีนไปนั่งบนตักซะงั้นเขาเลยทิ้งตัวนั่งลงที่พื้นหญ้าแล้วปล่อยให้มันนอนบนตักหน้าตาเฉย
“ออเซาะอะไรกันขนาดนั้น” ฉันอดพูดด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ เล่นกันอยู่ดี ๆ หนีไปนอนตักพ่อตัวเองเฉยเลยนะไอ้เถ้า แล้วพ่อมันก็ลูบหัวลูบหลังอย่างกับลูกชายหมาเป็นลูกหมาตัวเล็ก ๆ ทั้งที่ไอ้ขี้เถ้ามันก็เกินพิกัดไปแล้วด้วยซ้ำ
“หึ ๆๆ ก็มีกันอยู่แค่นี้ไม่ออเซาะได้ไงเนอะเถ้าเนอะ” เขาพูดขึ้น ระหว่างพูดก็ก้มลงมองหน้ามันพร้อมกับลูบหัวมันไปด้วย
“...” ภาพที่เห็นตรงหน้ามันน่ารักมากนะคะ ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน่ารักแต่เป็นความน่ารักที่แอบเศร้ายังไงก็ไม่รู้
...ผู้ชายตัวใหญ่กับหมาตัวใหญ่อยู่ด้วยกันนอนตักนั่งลูบหัวแล้วพูดว่า มีกันอยู่แค่นี้ มัน...
“ง่วงยังเหม็น อยากเล่นกับแม่ต่อไหม”
“งิ้ง ๆๆ” ไม่รู้ว่ามันฟังรู้เรื่องไหมหรือแค่ส่งเสียงตอบกลับไปตามประสาเพราะได้ยินเสียงของพ่อแต่พอมันทำเสียงงิ้ง ๆ ใส่เขาเสร็จขี้เถ้าก็หันมามองฉันตาละห้อย นี่ฟังรู้เรื่องจริงดิ?
“ง่วงก็ไปนอน ตอนเย็นค่อยเล่นกันใหม่ก็ได้ครับ” ฉันย่อตัวลงตรงหน้าแล้วเกาคางมันบ้าง
...น่ารักมากเลย ทำไมนิสัยเสียจนถึงขั้นกล้าใจร้ายไม่มาดูดำดูดีมันเลยนะน้ำผิง ทำไมเป็นผู้หญิงที่นิสัยเสียได้มากขนาดนี้
“งิ้ง ๆๆ” ขี้เถ้าเอียงคอพยายามจะเอาหน้าซบลงที่มือฉันเหมือนตอนที่อ้อนเขาไม่มีผิดฉันเลยแบมือให้มันทำตามที่ใจมันต้องการ ยิ่งมันทำแบบนี้ความรู้สึกผิดยิ่งเกาะกินหัวใจ
“มันฟังรู้เรื่องนะ อย่าไปสัญญากับมัน”
“เข้าใจมันขนาดนั้นเชียว?” ฉันอดเหน็บเขาไม่ได้แต่เขาก็แค่ยิ้มบาง ๆ
“เด็กกำพร้าเหมือนกันไม่เข้าใจกันได้ยังไง ใช่ไหมไอ้เหม็น?” ฉันดูออกว่าเขาไม่ได้พูดประชด เขาแค่พูดเล่นกับมันแต่คนฟังอย่างฉันทำไมถึงได้รู้สึกหวิว ๆ ที่ใจก็ไม่รู้
“ไม่ได้กำพร้าซะหน่อย...พี่เมฆก็เหมือนกัน” ประโยคสุดท้ายฉันพูดเบามาก เพราะมัน...ไม่รู้สิคะ ไม่ค่อยได้ญาติดีกันเท่าไหร่พอพูดจาแบบนี้ออกมาเลยรู้สึกแปลก ๆ แต่เขาได้ยินนะแถมยังมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่ดูไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินซะด้วย
“...อะไร พี่เมฆจะมองผิงอะไรนักหนา” เขายังไม่ได้มองเยอะหรอกค่ะมองยังไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำแต่ฉันก็ว่าออกไปก่อนแล้ว จะเรียกว่าว่าแก้เก้อก็ได้ไม่ผิดหรอก -///- แล้วพอฉันว่าเขาก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะก้มลงมองไอ้ขี้เถ้าที่มือใหญ่กำลังลูบหัวพร้อมกับเอ่ยคำหนึ่งออกมา
“วันนี้น้องผิงแปลก ๆ”
“แปลกอะไรผิงก็ปกกะ... / พี่ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรวันนี้ถึงแปลกไป อาจจะนึกใจดีหรือตั้งใจเข้ามาแกล้งพี่ก็ได้ แต่พี่ดีใจนะ...มันเหมือนพี่ได้เจอน้องผิงของพี่เมฆอีกครั้ง”