ตอนที่ 4 นายใหญ่

1352 Words
คลังสินค้าใหญ่ "นายครับ คุณรามอสโทรมาครับ" ครูซบอดี้การ์ดหนุ่มยื่นโทรศัพท์มือถือให้อันเดรส ในระหว่างที่เขาตรวจคลังสินค้าสำหรับส่งออกในรอบนี้อยู่ "ว่าไงหลานชาย" -ผมจะถึงกรุงเทพฯในอีกประมาณห้าชั่วโมง แล้วพบกันที่บ้านของนายใหญ่นะครับ ผมจะไปทานมื้อเย็นด้วย- น้ำเสียงทุ้มของบุรุษดังมาตามสายทำให้อันเดรสคลี่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ "ฮ่าๆๆ ดีมาก แล้วเจอกันไอ้หลานชาย" นายใหญ่กดปุ่มวางสายและยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้กับครูซ "กูคงต้องเปลี่ยนวันกลับเป็นวันนี้แล้วล่ะ" เขาบอกบอดี้การ์ดหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจ "ครับนาย" ครูซรับคำในขณะที่รับโทรศัพท์มือถือของตนกลับไป "อ้อ แล้วก็โทรไปบอกคริสตินไว้ด้วยว่าเย็นนี้อย่าให้อันนาไปไหนต่อ แล้วก็กำชับไว้ให้เตรียมตัวต้อนรับรามอสด้วย" "ครับนาย" ครูซโค้งศีรษะลงเล็กน้อยแล้วจึงเดินออกไปทันที "นายใหญ่แน่ใจนะครับว่าจะให้คุณรามอสมาเป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณหนูจริงๆ" แฟรงค์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ ที่จะให้มาเฟียหนุ่มจากดินแดนตะวันตกมาเป็นคู่หมั้นคู่หมายของอันนา "หรือว่ามึงไม่เห็นด้วยล่ะ?" "ผมแค่รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกคุณหนูก็เท่านั้นเองครับ" "กูมีลูกสาวคนเดียวและยังเป็นเด็กสาวอายุแค่สิบเก้าปีด้วย อันนาไม่รู้การรู้งานอะไรเกี่ยวกับธุรกิจของกูเลย วันๆเอาแต่กินเที่ยวแล้วก็ทำตัวติดไอ้คริสตินแบบนั้น เพราะฉะนั้นกูจำเป็นต้องหาคนที่มีอำนาจมากพอมาดูแลธุรกิจต่อจากกู" "นั่นแหละครับเหตุผล เพราะคุณหนูติดคริสตินมากเกินไป อาจทำให้เธอเกิดความสนิทสนมกับคุณรามอสได้ยากมากขึ้น" "มึงพูดแบบนี้แปลว่ากูควรที่จะแยกคริสตินออกห่างจากลูกสาวกูอย่างนั้นหรอ?" อันเดรสเลิกคิ้วถามสีหน้าครุ่นคิด "เปล่าครับ ผมแค่คิดว่านายยังไม่ควรที่จะให้คุณรามอสเข้ามาแทรกกลางเพราะว่าคุณหนูยังเด็กเกินไป" "แต่อันนาเกิดมาเป็นลูกมาเฟีย เขาจะต้องเริ่มทำงานได้แล้ว" "ถ้าเช่นนั้นก็ต้องลองดูครับ ว่าคุณหนูจะยอมปลีกตัวออกจากคริสตินเพื่อรามอสหรือเปล่า" แม้แฟรงค์จะไม่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างคริสตินและอันนา แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของบอดี้การ์ดหนุ่ม เขาก็พอจะมองออกว่าสองหนุ่มสาวนั้นมีเคมีที่ตรงกันมากเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง "ถ้าอันนายังคงเอาแต่ทำตัวติดไอ้คริสติน กูก็จำเป็นที่จะต้องย้ายมันไปทำงานที่อื่น" "แต่คริสตินทำงานกับเรามานาน ผมไม่อยากให้นายสูญเสียคนฝีมือดีไปจากกลุ่มของเรานะครับ" "ดูมึงจะกังวลเรื่องไอ้คริสตินจริงๆ หรือว่าระหว่างมันกับลูกสาวกู มีอะไรบางอย่างที่พวกมึงกำลังปิดบังกูอยู่?" อันเดรสขมวดคิ้วถาม "ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกครับ นายใหญ่สบายใจได้" เพราะแฟรงค์คือมือขวาที่นายใหญ่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจถึงขั้นดูแลงานแทนตนทุกอย่าง เขาจึงยอมเชื่อที่บอดี้การ์ดหนุ่มพูดออกมา "รามอสเป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลมากๆในฝั่งตะวันตก เพราะฉะนั้นการที่ได้รามอสมาเป็นลูกเขยมันถือเป็นผลดีกับธุรกิจของเรา กูต้องทำทุกวิถีทางให้อันนายอมรับในตัวของผู้ชายคนนี้ให้ได้" "ครับนาย" แฟรงค์ตอบรับและโค้งศีรษะลงเล็กน้อย จากนั้นบอดี้การ์ดหนุ่มจึงเดินไปดูงานส่วนอื่นของโกดัง สองชั่วโมงผ่านไป 'ครืด ครืด ครืด...' คริสตินล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนเอง เขาเห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของครูซจึงกดปุ่มรับสาย "ฮัลโหล" -คริส นายใหญ่จะกลับบ้านเย็นนี้เพราะคุณรามอสกำลังเดินทางมาที่ประเทศไทย เขาจะไปทานมื้อเย็นที่บ้านวันนี้ นายใหญ่จึงสั่งไว้ว่าอย่าให้คุณหนูออกไปเที่ยวต่อที่ไหน บอกให้คุณหนูเตรียมตัวต้อนรับคุณรามอสด้วยนะ- ครูซบอกมาตามสาย "อืม..." คริสตินรับคำแล้วจึงกดปุ่มวางสาย เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกหนักอกหนักใจ ในที่สุดวันที่ตนไม่อยากให้มาถึงก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว "คริสติน" อันนาเดินเข้ามาจนประชิดลำตัวบอดี้การ์ดหนุ่มแล้วจึงเอ่ยเรียกขึ้น คริสตินหันกลับมาหาคนตัวเล็กก็เห็นว่าฟรานซิสยืนอยู่ข้างหลังของหญิงสาวด้วย "เรียนเสร็จแล้วหรอครับ" ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มราวกับว่ากำลังต้องการอะไรบางอย่าง "คืนนี้คุณพ่อยังไม่กลับมาใช่หรือเปล่าคะ ฟรานซิสชวนหนูกับคริสไปดื่มด้วยกันสักสองสามชั่วโมง" อันนาทำเสียงอ้อน "ไม่ได้ครับ ครูซเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้ว่าคุณรามอสจะมาทานมื้อเย็นด้วย และนายใหญ่ยังสั่งไว้อีกว่าให้คุณหนูเตรียมตัวต้อนรับแขกของนายใหญ่ด้วยครับ" "อ้าว ไหนบอกยังไม่กลับมาไงคะ?" "เพราะคุณรามอส ว่าที่คู่หมั้นของคุณหนูเดินทางมาไงครับ" คริสตินเน้นย้ำประโยคนี้ชัดเจนเสียจนอันนารู้สึกไม่พอใจ เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถและผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้ร่างบางเข้าไปนั่งในรถ "ถ้างั้นวันจันทร์เจอกันนะฟราสซิส" ใบหน้าจิ้มลิ้มหันไปบอกลาเพื่อนสนิท จากนั้นจึงหันกลับมาและเอื้อมมือไปปิดประตูรถด้านหลังที่คริสตินกำลังเปิดรอ "นั่งข้างหลังเถอะครับคุณหนู" "ไม่ค่ะ" เธอตอบเสียงแข็งและยังทำท่าทางกระด้างกระเดื่องโดยการเดินมาเปิดประตูรถข้างหน้า จากนั้นจึงแทรกกายเข้าไปนั่งโดยที่ไม่สนใจสีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มเลยแม้แต่น้อย "บ้าจริง" คริสตินส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินอ้อมกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ฟรานซิสยืนมองเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความรู้สึกสงสัย "หนูรู้นะว่าคริสตินไม่พอใจเรื่องที่รามอสเดินทางมาที่นี่" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียงประชดประชัน "ผมมีสิทธิ์ไม่พอใจด้วยเหรอครับ ในเมื่อคุณหนูเป็นลูกสาวของนายใหญ่ และคุณรามอสก็เป็นว่าที่คู่หมั้นที่นายใหญ่เคยบอกคุณหนูไว้ตั้งนานแล้ว" "พูดแบบนี้อยากให้หนูหมั้นกับรามอสมากนักหรือยังไงคะ?" "ผมมีสิทธิ์ที่จะไม่อยากให้คุณหนูหมั้นด้วยหรอครับ?" "คริสติน! พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ คุณไม่แคร์หนูเลย" น้ำเสียงนั้นฟังดูสั่นเครือเพราะความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ "ผมแคร์ครับ เพียงแค่ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบอกนายใหญ่ว่าไม่ให้คุณหนูหมั้นกับรามอส ถ้าหากว่านายใหญ่ตัดสินมาว่าคุณหนูจะต้องหมั้นกับเขา ผมก็ทำอะไรไม่ได้" "คริสตินไม่คิดจะสู้อะไรเพื่อหนูเลย" "ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสู้อะไรเพื่อคุณหนูนะครับ" "คริสติน! ก็ได้ค่ะ ถ้าจะพูดแบบนี้ก็อย่าพูดอะไรเลยดีกว่า ถ้าหากว่าหนูต้องหมั้นกับรามอสจริงๆหนูก็จะไม่สนใจคริสตินแล้วเหมือนกัน" ดวงตากลมโตเอ่อล้นด้วยน้ำตา มันไหลอาบพวงแก้มใสลงมาเป็นสายด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ "คุณหนูอย่าเพิ่งโกรธผมเลยนะครับ รอดูก่อนดีกว่าว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง" "ถ้าคุณพ่อให้หนูหมั้นกับรามอสก็ดี ทุกอย่างมันจะได้จบๆไป" หญิงสาวพูดเท่านั้นแล้วจึงเบือนหน้าออกมาทางกระจกรถ คริสตินต้องการให้หญิงสาวสงบสติอารมณ์ เขาจึงเอื้อมมือไปสตาร์ทรถและขับออกจากบริเวณหน้าคณะเรียนของมหาวิทยาลัยไปทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD