คลังสินค้าใหญ่
"นายครับ คุณรามอสโทรมาครับ" ครูซบอดี้การ์ดหนุ่มยื่นโทรศัพท์มือถือให้อันเดรส ในระหว่างที่เขาตรวจคลังสินค้าสำหรับส่งออกในรอบนี้อยู่
"ว่าไงหลานชาย"
-ผมจะถึงกรุงเทพฯในอีกประมาณห้าชั่วโมง แล้วพบกันที่บ้านของนายใหญ่นะครับ ผมจะไปทานมื้อเย็นด้วย- น้ำเสียงทุ้มของบุรุษดังมาตามสายทำให้อันเดรสคลี่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
"ฮ่าๆๆ ดีมาก แล้วเจอกันไอ้หลานชาย" นายใหญ่กดปุ่มวางสายและยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้กับครูซ
"กูคงต้องเปลี่ยนวันกลับเป็นวันนี้แล้วล่ะ" เขาบอกบอดี้การ์ดหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจ
"ครับนาย" ครูซรับคำในขณะที่รับโทรศัพท์มือถือของตนกลับไป
"อ้อ แล้วก็โทรไปบอกคริสตินไว้ด้วยว่าเย็นนี้อย่าให้อันนาไปไหนต่อ แล้วก็กำชับไว้ให้เตรียมตัวต้อนรับรามอสด้วย"
"ครับนาย" ครูซโค้งศีรษะลงเล็กน้อยแล้วจึงเดินออกไปทันที
"นายใหญ่แน่ใจนะครับว่าจะให้คุณรามอสมาเป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณหนูจริงๆ" แฟรงค์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ ที่จะให้มาเฟียหนุ่มจากดินแดนตะวันตกมาเป็นคู่หมั้นคู่หมายของอันนา
"หรือว่ามึงไม่เห็นด้วยล่ะ?"
"ผมแค่รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกคุณหนูก็เท่านั้นเองครับ"
"กูมีลูกสาวคนเดียวและยังเป็นเด็กสาวอายุแค่สิบเก้าปีด้วย อันนาไม่รู้การรู้งานอะไรเกี่ยวกับธุรกิจของกูเลย วันๆเอาแต่กินเที่ยวแล้วก็ทำตัวติดไอ้คริสตินแบบนั้น เพราะฉะนั้นกูจำเป็นต้องหาคนที่มีอำนาจมากพอมาดูแลธุรกิจต่อจากกู"
"นั่นแหละครับเหตุผล เพราะคุณหนูติดคริสตินมากเกินไป อาจทำให้เธอเกิดความสนิทสนมกับคุณรามอสได้ยากมากขึ้น"
"มึงพูดแบบนี้แปลว่ากูควรที่จะแยกคริสตินออกห่างจากลูกสาวกูอย่างนั้นหรอ?" อันเดรสเลิกคิ้วถามสีหน้าครุ่นคิด
"เปล่าครับ ผมแค่คิดว่านายยังไม่ควรที่จะให้คุณรามอสเข้ามาแทรกกลางเพราะว่าคุณหนูยังเด็กเกินไป"
"แต่อันนาเกิดมาเป็นลูกมาเฟีย เขาจะต้องเริ่มทำงานได้แล้ว"
"ถ้าเช่นนั้นก็ต้องลองดูครับ ว่าคุณหนูจะยอมปลีกตัวออกจากคริสตินเพื่อรามอสหรือเปล่า" แม้แฟรงค์จะไม่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างคริสตินและอันนา แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของบอดี้การ์ดหนุ่ม เขาก็พอจะมองออกว่าสองหนุ่มสาวนั้นมีเคมีที่ตรงกันมากเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
"ถ้าอันนายังคงเอาแต่ทำตัวติดไอ้คริสติน กูก็จำเป็นที่จะต้องย้ายมันไปทำงานที่อื่น"
"แต่คริสตินทำงานกับเรามานาน ผมไม่อยากให้นายสูญเสียคนฝีมือดีไปจากกลุ่มของเรานะครับ"
"ดูมึงจะกังวลเรื่องไอ้คริสตินจริงๆ หรือว่าระหว่างมันกับลูกสาวกู มีอะไรบางอย่างที่พวกมึงกำลังปิดบังกูอยู่?" อันเดรสขมวดคิ้วถาม
"ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกครับ นายใหญ่สบายใจได้" เพราะแฟรงค์คือมือขวาที่นายใหญ่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจถึงขั้นดูแลงานแทนตนทุกอย่าง เขาจึงยอมเชื่อที่บอดี้การ์ดหนุ่มพูดออกมา
"รามอสเป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลมากๆในฝั่งตะวันตก เพราะฉะนั้นการที่ได้รามอสมาเป็นลูกเขยมันถือเป็นผลดีกับธุรกิจของเรา กูต้องทำทุกวิถีทางให้อันนายอมรับในตัวของผู้ชายคนนี้ให้ได้"
"ครับนาย" แฟรงค์ตอบรับและโค้งศีรษะลงเล็กน้อย จากนั้นบอดี้การ์ดหนุ่มจึงเดินไปดูงานส่วนอื่นของโกดัง
สองชั่วโมงผ่านไป
'ครืด ครืด ครืด...' คริสตินล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนเอง เขาเห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของครูซจึงกดปุ่มรับสาย
"ฮัลโหล"
-คริส นายใหญ่จะกลับบ้านเย็นนี้เพราะคุณรามอสกำลังเดินทางมาที่ประเทศไทย เขาจะไปทานมื้อเย็นที่บ้านวันนี้ นายใหญ่จึงสั่งไว้ว่าอย่าให้คุณหนูออกไปเที่ยวต่อที่ไหน บอกให้คุณหนูเตรียมตัวต้อนรับคุณรามอสด้วยนะ- ครูซบอกมาตามสาย
"อืม..." คริสตินรับคำแล้วจึงกดปุ่มวางสาย เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกหนักอกหนักใจ ในที่สุดวันที่ตนไม่อยากให้มาถึงก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
"คริสติน" อันนาเดินเข้ามาจนประชิดลำตัวบอดี้การ์ดหนุ่มแล้วจึงเอ่ยเรียกขึ้น คริสตินหันกลับมาหาคนตัวเล็กก็เห็นว่าฟรานซิสยืนอยู่ข้างหลังของหญิงสาวด้วย
"เรียนเสร็จแล้วหรอครับ" ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มราวกับว่ากำลังต้องการอะไรบางอย่าง
"คืนนี้คุณพ่อยังไม่กลับมาใช่หรือเปล่าคะ ฟรานซิสชวนหนูกับคริสไปดื่มด้วยกันสักสองสามชั่วโมง" อันนาทำเสียงอ้อน
"ไม่ได้ครับ ครูซเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้ว่าคุณรามอสจะมาทานมื้อเย็นด้วย และนายใหญ่ยังสั่งไว้อีกว่าให้คุณหนูเตรียมตัวต้อนรับแขกของนายใหญ่ด้วยครับ"
"อ้าว ไหนบอกยังไม่กลับมาไงคะ?"
"เพราะคุณรามอส ว่าที่คู่หมั้นของคุณหนูเดินทางมาไงครับ" คริสตินเน้นย้ำประโยคนี้ชัดเจนเสียจนอันนารู้สึกไม่พอใจ เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถและผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้ร่างบางเข้าไปนั่งในรถ
"ถ้างั้นวันจันทร์เจอกันนะฟราสซิส" ใบหน้าจิ้มลิ้มหันไปบอกลาเพื่อนสนิท จากนั้นจึงหันกลับมาและเอื้อมมือไปปิดประตูรถด้านหลังที่คริสตินกำลังเปิดรอ
"นั่งข้างหลังเถอะครับคุณหนู"
"ไม่ค่ะ" เธอตอบเสียงแข็งและยังทำท่าทางกระด้างกระเดื่องโดยการเดินมาเปิดประตูรถข้างหน้า จากนั้นจึงแทรกกายเข้าไปนั่งโดยที่ไม่สนใจสีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
"บ้าจริง" คริสตินส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินอ้อมกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ฟรานซิสยืนมองเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความรู้สึกสงสัย
"หนูรู้นะว่าคริสตินไม่พอใจเรื่องที่รามอสเดินทางมาที่นี่" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียงประชดประชัน
"ผมมีสิทธิ์ไม่พอใจด้วยเหรอครับ ในเมื่อคุณหนูเป็นลูกสาวของนายใหญ่ และคุณรามอสก็เป็นว่าที่คู่หมั้นที่นายใหญ่เคยบอกคุณหนูไว้ตั้งนานแล้ว"
"พูดแบบนี้อยากให้หนูหมั้นกับรามอสมากนักหรือยังไงคะ?"
"ผมมีสิทธิ์ที่จะไม่อยากให้คุณหนูหมั้นด้วยหรอครับ?"
"คริสติน! พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ คุณไม่แคร์หนูเลย" น้ำเสียงนั้นฟังดูสั่นเครือเพราะความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ
"ผมแคร์ครับ เพียงแค่ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบอกนายใหญ่ว่าไม่ให้คุณหนูหมั้นกับรามอส ถ้าหากว่านายใหญ่ตัดสินมาว่าคุณหนูจะต้องหมั้นกับเขา ผมก็ทำอะไรไม่ได้"
"คริสตินไม่คิดจะสู้อะไรเพื่อหนูเลย"
"ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสู้อะไรเพื่อคุณหนูนะครับ"
"คริสติน! ก็ได้ค่ะ ถ้าจะพูดแบบนี้ก็อย่าพูดอะไรเลยดีกว่า ถ้าหากว่าหนูต้องหมั้นกับรามอสจริงๆหนูก็จะไม่สนใจคริสตินแล้วเหมือนกัน" ดวงตากลมโตเอ่อล้นด้วยน้ำตา มันไหลอาบพวงแก้มใสลงมาเป็นสายด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
"คุณหนูอย่าเพิ่งโกรธผมเลยนะครับ รอดูก่อนดีกว่าว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง"
"ถ้าคุณพ่อให้หนูหมั้นกับรามอสก็ดี ทุกอย่างมันจะได้จบๆไป" หญิงสาวพูดเท่านั้นแล้วจึงเบือนหน้าออกมาทางกระจกรถ คริสตินต้องการให้หญิงสาวสงบสติอารมณ์ เขาจึงเอื้อมมือไปสตาร์ทรถและขับออกจากบริเวณหน้าคณะเรียนของมหาวิทยาลัยไปทันที