ผ่านไปกว่า 1 เค่อ (15 นาที) ร่างบางก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน จิ้นเจิ้นเทียนได้แต่สงสัยว่าเหตุใดชามแค่ 3 ใบ นางถึงได้ใช้เวลานานนัก ด้วยความกังวลว่าคนป่วยอาจจะยังไม่หายดี สองขาแกร่งจึงเดินไปยังทิศทางที่นางอยู่ แต่เมื่อเขามาถึงก็ได้พบกับภาพแปลกประหลาด ร่างบางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ย รอบตัวมีน้ำเจิ่งนองเล็กน้อยจากการเทน้ำทิ้ง น้ำในโอ่งที่ถูกตักไว้จนเต็มพร่องไปกว่าครึ่ง อีกทั้งเจ้าตัวยังเอาชามมาดมจนแทบติดจมูก….
“ทำไมยังมีกลิ่นอยู่อีกล่ะเนี่ย” เสียงหวานบ่นพึมพำอย่างขัดใจ เธอล้างชามไปกว่า 5 รอบแล้ว แต่บนชามก็ยังมีกลิ่นติดอยู่ไม่น้อย ซึ่งมันดูไม่สะอาดสำหรับลูกคุณหนูอย่างเธอ เธอรับไม่ได้จริงๆ
“เจ้าต้องเอาขี้เถ้ามาถูแล้วล้างออก มันจะช่วยให้สะอาดขึ้น”
“ว๊าย!”
ซ่า
เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบข้างใบหูทำให้คนที่ใจจดจ่ออยู่กับการล้างชามให้สะอาดสะดุ้งโหยงจนมือที่ถือชามใส่น้ำไว้เต็มใบสาดเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาเข้าอย่างจัง
“ขะ ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ร่างบางรีบเอ่ยบอกอย่างตื่นตระหนก นี่เธอกล้าสาดน้ำใส่บุรุษในดวงใจได้เช่นไร! ฮือออ หมดกัน…เส้นทางภรรยาที่ดีพร้อม
“ไม่เป็นไร เป็นความผิดข้าเองที่ทำให้เจ้าตกใจ อีกอย่างข้ายังไม่ได้อาบน้ำ ถือเสียว่าได้ฤกษ์ไปอาบเสียที” จิ้นเจิ้นเทียนรู้สึกผิดเล็กน้อยที่หวังแกล้งอีกฝ่ายเล่น แต่กลายเป็นเขาหาเรื่องใส่ตัว
“ท่านรีบไปอาบน้ำก่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะป่วยไข้ ข้าจะเอาขี้เถ้ามาล้างชามพวกนี้เอง” เฟิ่งหงรีบไล่อีกฝ่ายให้ไปจัดการเสื้อผ้าที่เปียกจนแนบชิดไปกับร่างกายกำยำนั่นเสียก่อน มิเช่นนั้นเธอคงอดใจไม่ไหวแน่
“ได้” คนตัวโตรับคำก่อนจะผละออกไป จึงไม่ทันได้สังเกตสายตาที่แทบจะกลืนกินเขาจนหมดทั้งตัว
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินเข้ามายังห้องโถงซึ่งมีอีกคนกำลังปูฟูกนอนที่เพิ่งไปเปลี่ยนในห้องนอนมา เขายกอันที่เพิ่งซื้อมาใหม่ให้กับดรุณีน้อย ส่วนตนเองก็เอาอันเก่ามาปูเสีย การกระทำเหล่านั้นแขกในห้องหาได้รู้ไม่ ถ้าเธอได้รับรู้เธอคงกรีดร้องอย่างเป็นสุขประหนึ่งได้รับของขวัญจากชายในดวงใจแน่นอน
“ข้าเพิ่งรู้ว่าการใช้ขี้เถ้าล้างชามจะช่วยให้มันสะอาดขึ้นจริงๆ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเพื่อหาเรื่องชวนคุย นางพยายามค่อยๆ ตีสนิทเขา
“เมื่อก่อนข้าเองก็ไม่รู้ จนกระทั่งมีคนบอกมา” เมื่อหลายเดือนก่อนขณะเขาเอาชามไปล้างที่ริมแม่น้ำ หญิงสาวชาวบ้านที่มาพบได้บอกเรื่องเหล่านี้ให้เขาได้รู้ ซึ่งชายหนุ่มหารู้ไม่ว่าหญิงชาวบ้านผู้นั้นเข้ามาหวังชวนตนคุยเล่นเพื่อสานสัมพันธ์ แต่อดีตชินอ๋องกลับกล่าวขอบคุณแล้วเดินกลับบ้านเสียอย่างนั้น
“ข้าอยากให้ท่านค่อยๆ สอนเรื่องง่ายๆ เหล่านี้ให้กับข้าได้รึไม่ ข้าอยากทำอะไรเพื่อท่านบ้าง อย่างน้อยข้าก็ไม่อยากมาอาศัยโดยไม่ทำสิ่งใดเลย” คนตัวเล็กกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ต่างกลับในใจที่กระดี๊กระด๊าเพราะหาเรื่องให้ได้อยู่ใกล้ชิดชายหนุ่ม ฉากรักหวานละมุนมากมายลอยเข้ามาในหัว บทหนังที่พระเอกนางเอกใกล้ชิดกัน เวลาสอนมีจับไม้จับมือ สักพักก็แนบชิด กรี๊ดดด แค่คิดใบหน้าสวยก็แดงระเรื่อ
“ย่อมได้ แต่ยามนี้เจ้าไปพักก่อนเถิด” ชายหนุ่มตัดบทจนเฟิ่งหงไม่กล้ารั้งอยู่ต่อ แม้จะเศร้าใจที่เหมือนอีกฝ่ายไม่อยากคุยด้วยแต่เธอก็ปลอบใจตนเองว่ายังมีโอกาสอีกมาก อย่าได้ใจร้อนนัก
“เจ้าค่ะ” เธอรับคำแผ่วเบาก่อนจะเดินกลับห้องนอนไปอย่างเซื่องซึม หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายเห็นใบหน้านวลแดงก่ำจึงเข้าใจผิดไปว่าเธอคงมีไข้เพราะยังไม่หายดี เลยออกปากให้นางไปพักผ่อน
ผ่านไปกว่า 3 วันแล้วที่เฟิ่งหงได้มาอยู่กับบุรุษที่ตนปักใจ ฉากหวานแหววที่จินตนาการไว้หาได้เป็นอย่างที่คิดแม้แต่น้อย เพราะจิ้นเจิ้นเทียนเป็นบุรุษที่ให้เกียรติสตรีเป็นอย่างมาก เขาสอนสิ่งต่างๆ โดยไม่แม้แต่จะเข้าใกล้นาง ยามเธอแกล้งบิดผ้าไม่แห้งส่งดวงตาออดอ้อน หวังให้เขาเข้ามาจับมือเธอสอนว่าควรบิดประมาณไหน เขากลับบอกให้เธอวางผ้าไว้ในถังน้ำ เขาจะบิดให้ดู…ถัดจากนั้นก็เรื่องซักผ้า เธอซักผ้าไม่เป็นและให้เขาช่วยสอน พ่อพระรองผู้แสนดีก็สอนด้วยความจริงจัง บอกเธอว่าควรขยี้อย่างไร พอเธอขยี้แรงไปเขาก็กล่าวเสียงขรึมดุจอาจารย์ในสำนักศึกษา ทำให้เธอต้องตั้งใจเรียนรู้จนไม่ทันได้คิดใช้มารยาเลยแม้เพียงนิด
เอาล่ะ ในเมื่อแผนการเหล่านั้นไม่ได้ผล เธอก็ไม่ถอดใจ ข้างบ้านมีพื้นที่อยู่ไม่น้อยเธอจึงบอกเขาว่าเธอต้องการปลูกผักเอาไว้กินกันสองคน ในใจเต็มไปด้วยแผนการว่าถ้าได้ดูแลสวนนี้ร่วมกันย่อมเหมือนคู่แต่งงานขึ้นมาบ้าง อย่าคิดว่าเธอจะเดินตามรอยนิยายปลูกผักที่ตัวเอกเข้าป่าพบโสมหรือเห็ดหลินจือแล้วเอาไปขายจนร่ำรวย รึเอาความรู้สมัยใหม่มาใช้หาเงินเพื่อให้ฐานะครอบครัวดีขึ้น เรื่องเหล่านั้นมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะผู้ชายของเธอเขาไม่ต้องการยังไงล่ะ! เขาเป็นนักโทษประหารที่ถูกประกาศว่าเสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ อีกทั้งความรู้สึกผิดต่อพี่ชายผู้เป็นฮ่องเต้ช่างใหญ่หลวงนักเขาจะไม่ยอมใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นแน่ ดังนั้นแม้ลูกคุณหนูไฮโซซึ่งเคยมีทุกอย่างเพรียบพร้อมอย่างเธอจะคิดถึงความสะดวกสบายแค่ไหนก็ต้องทำใจ และตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
“หืมมม” ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ฟุ้งซ่านอยู่กับตนเองเพราะชายหนุ่มเข้าเมืองไปซื้ออาหารเช่นทุกวัน เธอก็นึกขึ้นได้ว่าถึงความสามารถในการทำงานบ้านหลายอย่างจะติดลบจนน่าเหนื่อยใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอสามารถทำมันได้ค่อนข้างดีก็คือ การทำอาหาร!
“โชคดีจริงๆ ที่ทางบริษัทต้นสังกัดต้องการให้ข้าเปิดช่องถ่ายทอดสดรายการทำอาหารของตนเองเพื่อเรียกกระแส” เธอจึงสั่งให้เชฟประจำตระกูลมาสอนเมนูง่ายๆ ที่เธอสามารถนำไปใช้ถ่ายทำรายการได้มาหลายเมนู ยามผลตอบรับดีเยี่ยมเธอจึงเรียนรู้มาเรื่อยๆ จนมีฝีมือพอสมควร
“หึหึ ครานี้แหละข้าจะใช้เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรัก ผัวหลง มามัดใจเทียนเกอให้ได้!” เสียงหวานใสเต็มไปด้วยความฮึกเหิม เธอมั่นใจในฝีมือตนเองมาก ขนาดเชฟที่เป็นผู้สอนยังชมว่าเธอมีพรสววรค์ อีกทั้งด้านการพลิกแพลงวัตถุดิบก็มีไม่น้อย ครั้งนี้เธอจะก้าวเข้าใกล้ การเป็นภรรยาที่ดีพร้อมแน่นอน!
………
…..
..
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรีดร้องทำให้สองขายาวที่เดินจนเกือบใกล้ถึงบ้านของตนรีบเร่งใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปยังจุดหมายปลายทางในทันที สภาพที่เห็นในยามนี้พาเอาคนตัวโตถึงกับตกตะลึง หญิงสาวในสภาพเต็มไปด้วยเขม่าสีดำเลอะไปทั้งใบหน้าและเสื้อผ้ากำลังวิ่งวุ่นเอาถังน้ำมาสาดด้านข้างบ้านที่เป็นส่วนของครัว ซึ่งบัดนี้มีควันไฟโขมงจนมองไม่เห็นด้านใน ใบหน้างดงามที่เคยดูเย้ายวนกลายเป็นเด็กน้อยมอมแมมจนจิ้นเจิ้นเทียนแทบหลุดขำ แต่ยังคงเร่งถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้น” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้คนตัวเล็กรีบหันมามอง
“คะ คือข้า…ข้าอยากลองทำอาหารให้ท่านกินดูบ้าง แต่…ตอนที่ข้ากำลังก่อไฟ หินสองก้อนที่กระทบกันมันมีสะเก็ดไฟกระเด็นไปโดนกองใบไม้แห้งที่ข้าเอามาทำเชื้อไฟด้วย มันเลย…” เลยเกือบเผาบ้านท่านจนวอดไปแล้ว ประโยคหลังเธอได้แต่คิดในใจไม่กล้าเอ่ยออกไป แผนการมัดใจว่าที่สามีด้วยการกุมกระเพาะของเขาคงต้องพักไว้ชั่วคราว
“ไม่เห็นต้องลำบากเลย ข้าก็เข้าเมืองไปซื้ออย่างเช่นทุกวันก็ได้แล้ว” ชายหนุ่มกล่าวไปตามตรง แค่เข้าเมืองไปซื้อก็จบแล้ว ไม่ต้องมาวุ่นวายเตรียมของและทำให้เหนื่อย
“แต่ข้าอยากทำอะไรเพื่อท่านบ้าง ข้าพยายามแล้วซึ่งมันก็ยังไม่ดีสักอย่าง แต่ข้าคิดว่าข้าน่าจะทำอาหารออกมาได้ดี ความรู้สึกบอกข้าเช่นนั้น!” ร่างบางตอบกลับด้วยความเศร้าใจ เธอมั่นใจในฝีมือทำอาหาร แต่เธอลืมไปว่าเธอไม่เคยก่อไฟโดยวิธีเหล่านี้ เพราะชีวิตก่อนเธอใช้แต่เตาไฟฟ้าอัตโนมัติที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้แค่ปลายนิ้วอย่างไรล่ะ!
“อืม ถ้าเจ้าต้องการ อย่างนั้นข้าจะสอนเจ้าจุดไฟเอง” เห็นใบหน้านวลฉายแววหม่นหมองจิ้นเจิ้นเทียนก็อยากจะตามใจให้นางทำในสิ่งที่ต้องการ ขอเพียงไม่เผาบ้านเขาก็พอแล้ว…