บทที่5 ความสัมพันธ์เฮงซวย
ความสัมพันธ์เฮงซวยที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดตอนงานเลี้ยงของคณะที่ฉันกับเพื่อน ๆ ดันสนุกสุดเหวี่ยงและเผลอไปมีอะไรกับคนที่ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยเลยแม้แต่น้อยและฉันยังเสียความบริสุทธิ์ให้กับเขาอีกด้วยพูดแล้วก็อยากจะเอาค้อนทุบหัวตัวเองให้ตายเสียให้ได้
หลังจากวันนั้นมาชีวิตที่เคยสงบสุขของฉันก็ไม่เคยสงบอีกเลยก็มาวินไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่ฉันมีความสัมพันธ์กับมันเพราะความเมา จากที่ฉันอยู่ที่บ้านมันก็บังคับให้ฉันย้ายออกมาอยู่คอนโดคิดเอาเถอะว่ามันเผด็จการกับฉันแค่ไหนและฉันก็ต้องยอมทำตามมันก็เพราะไอ้คลิปเสียงบ้า ๆ ของมัน
ฉันถูกมันตามประกบติดทุกวันและคอยบงการพร้อมข้อบังคับมากมายที่มันมอบให้ ฉันปฏิบัติตามคำสั่งของมันไม่เช่นนั้นมันจะเปิดเผยเรื่องคืนนั้นให้ทุกคนรู้และฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะครอบครัวของฉัน ฉันไม่อยากทำให้พ่อแม่และพี่ชายของฉันเสียใจและผิดหวังกับความไม่ระมัดระวังตัวเองของฉันเพียงแค่ครั้งเดียว
มาวินจัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่เรียกฮอตปรอทแตก หล่อมาก รวยมาก ตามแบบฉบับที่สาว ๆ ใฝ่ฝัน ใคร ๆ ก็บอกว่าเขานั้นหล่อร้าย หล่ออันตราย ด้วยใบหน้าที่เย็นชาและอารมณ์ที่พร้อมปะทะได้กับทุกคนแต่ความร้าย ๆ ของเขามันกลับดึงดูดบรรดาสาว ๆ ให้ต่างพากันคลั่งไคล้และวิ่งเข้าหาอย่างไม่หยุดหย่อน ใคร ๆ ก็พูดว่าอยากได้อยากลิ้มลองแล้วก็อยากนอนครางใต้ร่างของเขากันทั้งนั้นแต่ขอบอกว่ามันคงไม่ใช่ฉันเพราะฉันไม่ชอบความเจ้าชู้และเผด็จการของเขาเอามาก ๆ และฉันไม่มีความคิดสักนิดว่าจะคบกับคนแบบนี้ ส่วนตัวฉันชอบผู้ชายอบอุ่นและไม่เจ้าชู้อยากได้คนที่สามารถมอบหัวใจให้ฉันได้แค่คนเดียวเท่านั้น
ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วที่ฉันต้องอยู่ในความสัมพันธ์ที่บีบบังคับของมาวิน ฉันก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่าทำไมไม่ปล่อยฉันไปสักทีทั้ง ๆ ที่เขามีสาว ๆ สวย ๆ มากมายเข้ามาให้เขาเลือก
ขอแนะนำตัวเองก่อนแล้วกัน ฉันชื่อ เกล อบิเกล แลนเวอร์ เป็นลูกครึ่งไทย อเมริกา อายุ 20ปี ส่วนสูง 169 ซม. นิสัย ร่าเริงสดใสและไม่ค่อยยอมคน ครอบครัวของฉันทำธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนมีสาขาอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ
ฉันมีรูปร่างหน้าตาสวยหวานซ้อนเปรี้ยว จมูกโด่งปลายเชิดรั้นบ่งบอกถึงความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของฉันได้ดี ผิวขาวละเอียดเนียนใส มีความเซ็กซี่และซุกซน รูปร่างและทรวดทรงนั้นก็แสนเย้ายวนชวนฝันจนหญิงสาวหลาย ๆ คนต่างพากันอิจฉาไม่ได้อวยตัวเองนะ ความสวยการันตีจากตำแหน่งดาวมหาลัยที่ได้รับมาและยังสายตาของเหล่าชายหนุ่มที่ไม่ว่าฉันจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนให้ความสนใจ
ฉันมีเพื่อนสนิทสองคน คนแรก แคท คารีน่า สาวหน้าหวานปากแซ่บ ไม่ยอมคนเหมือนกันกับฉันและ ริช ราชัน หรือนามแฝงว่า ริชชี่ ร่างชายแต่ใจหญิง ฉันสนิทกับริชชี่ตั้งแต่ประถมส่วนคารีน่ามาสนิทกันตอนมัธยมต้น เราสามคนรักกันมากและรู้ใจกันแทบจะทุกอย่างเรียกว่าแค่มองตาก็รู้ใจอะไรประมาณนั้น
ฉันเรียนอยู่มหาลัยชื่อดังที่มีค่าเทอมแพงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ เรียนคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ ปี2แล้ว เล่าประวัติคร่าว ๆ แค่นี้ก่อนแล้วกัน
หลายวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ทำให้วันนี้ได้ออกมาท่องราตรีกับเพื่อน ๆ เพื่อระบายความเครียดในสมองออกไปสักหน่อย
“อีเกลมึงบอกไอ้วินมันยังวะ” ริชชี่ เพื่อนชายแต่ใจหญิงถามขึ้นขณะนั่งรถมาด้วยกัน
“ทำไมกูต้องบอกมัน ทีมันไปไหนไม่เห็นมันบอกกูเลย”
“มึงน้อยใจมัน” ริชชี่เบะปากมองเพื่อนสาวที่มองจากดาวอังคารก็รู้กำลังงอนหนุ่มหล่อที่ไม่มีสถานะอย่างมาวินอยู่ในตอนนี้
“อีห่าริชกูจะน้อยใจมันทำห่าอะไรแล้วมึงก็อย่ามาพูดเหมือนกูกำลังคิดอะไรกับมัน” ฉันบึนปากใส่ริชชี่ก่อนที่จะเบื่อนหนีหน้ามันออกไปมองนอกกระจก
“จ๊ะ ๆ ไม่คิดก็ไม่คิดแต่กูกลัวมันมาพังร้านเขาอีกนะสิ” ริชชี่พูดด้วยน้ำเสียงขยาดแล้วนึกถึงภาพหลาย ๆ ครั้งที่แอบพาอบิเกลหนีเที่ยวแล้วมาวินมันจับได้นะ ครั้งไหนที่ไม่มีผู้ชายก็แค่ลากตัวอบิเกลกลับแต่ครั้งไหนที่มีผู้ชายเข้ามาจีบบอกเลยว่าพังยับ
“มึงเอาดี ๆ นะ กูกลัวใจคนอย่างมันเหลือเกิน เกิดอยู่ ๆ โผล่หัวมาแล้วลากมึงกลับเหมือนทุกครั้งอีกละ” คารีน่าที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังก็พูดขึ้นและมันมักจะเป็นอย่างที่ริชชี่พูดเสมอ
“มันไม่มาหรอก เราไม่ได้ไปผับของเพื่อนมันแล้วมันจะรู้ได้ยังไง” ฉันบอกออกไปเพราะทุกครั้งที่มาวินตามเจอก็เพราะพวกฉันไปเที่ยวผับของเพื่อนมาวิน
“เลิกพูดถึงไอ้วินมันเถอะวะ นึกถึงหน้ามันตอนโมโหแล้วกูสยองไม่หาย” ริชชี่ทำท่าขนลุกแล้วตั้งใจขับรถต่อ
The moon club
ตึก! ตึก! ตึก! เสียงเท้าหนักที่เดินเข้ามาที่โต๊ะโซนVIP
ตุบ! เสียงทิ้งตัวลงนั่งของคนที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่
“เอาแรง ๆ มาสักแก้วดิวะ”
“มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้วิน อารมณ์เสียมาเลย” ออสตินที่หน้าซุกไซ้อยู่กับหน้าอกของสาวเซ็กซี่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน
“เกลไม่ให้เอารึไง” ไคโรก็ไม่ต่างออสตินที่กำลังนัวกับสาวสวยอยู่เหมือนกัน
“มึงจะถามมันทำไมก็มีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้ไอ้วินมันหงุดหงิดได้” บรูซที่นั่งดื่มชิลล์ ๆ ไร้สาวข้างกาย
“รู้ดีเถอะมึงไอ้ไค” มาวินยกเท้าถีบเข้าที่หน้าขาของไคโรไปหนึ่งที
“หงุดหงิดมากก็เรียกเด็กไปปลดปล่อยก่อนไป” ออสตินเสนอทางออกให้มาวินได้ระบายความอึดอัด
“ไม่มีอารมณ์วะ” ส่ายหัวบอกแล้วกระดกเหล้าสีอำพันเข้าปาก
“สรุปมึงหงุดหงิดเรื่องอะไร มึงจะพูดได้ยัง”
ปึก! มาวินกระแทกแก้วเหล้าที่ดื่มหมดวางลงบนโต๊ะแล้วถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา รู้สึกเหนื่อยกับความพยศของอบิเกลเหลือเกิน
“เกล แม่งหายหัวไปไหนของมันไม่รู้กูติดต่อมันไม่ได้มาสองวันละ” มาวินพูดแล้วทำหน้าตาครุ่นคิดเหมือนคนกำลังคิดไม่ตก
“เห็นไหมกูว่าล่ะ ไม่พ้นเรื่องเกล” ไคโรพูดขึ้นอย่างรู้ทัน คงไม่มีเรื่องอื่นที่ทำให้คนอย่างมาวินมีอารมณ์ได้นอกจากเรื่องของอบิเกล
“มึงทำเหี้ยอะไรกับเขาอีกล่ะ หลายวันก่อนกูก็เห็นมึงสองคนปกติดี”
“เกลเจอกูกับนับดาวที่ห้าง”
“แล้วเกลทำไงวะ” ไคโรถามต่อ
“ไม่ทำอะไร แค่มองดูกูอยู่สักพักก็เดินไปกับเพื่อนของเธอ” ก็เพราะเธอไม่ทำอะไรนี่แหละมันยิ่งทำให้เขายิ่งหงุดหงิด อบิเกลทำเหมือนเขาไม่ได้สำคัญอะไรกับเธอขนาดเห็นเดินกับผู้หญิงคนอื่นแทนที่จะอาวะลาดสักนิดสักหน่อยแต่นี่อะไรไร้ความรู้สึกสิ้นดี
“แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ ไม่โวยวายไม่หาเรื่อง อยู่แค่ในพื้นทีของตัวเองแบบนี้ดีออกแล้วมึงจะมาดิ้นทำไม กูก็เห็นมึงควงนับดาวบ่อย ๆ เกลก็ไม่ได้ว่าอะไรมึงนี่น่า” บรูซมองมาวินที่มีความย้อนแย้งในตัว
“หึหึ แล้วมึงก็ติดต่อเกลไม่ได้อีกตั้งแต่วันนั้น” ออสตินถามแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเลศนัย
“สองสามวันแล้ว ไปหาคอนโดก็ไม่อยู่ ไปหาที่บ้านก็ไม่ได้กลับ ไม่รู้แม่งไปอยู่ไหนของมัน โทรไปก็ไม่รับสาย”
“อยู่กับผัวใหม่แล้วมั้ง ฮ่าฮ่า” บรูซพูดออกมาขำ ๆ ไม่ได้คิดอะไร
“สัสบรูซ พูดเหี้ยอะไรของมึง” มาวินมองไปที่บรูซตาขวาง
“หึ หึ มึงก็อย่าไปแหย่มันสิวะ” ถึงจะบอกบรูซแบบนั้นแต่ออสตินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจด้วยเหมือนกัน
“กูพูดความจริงไอ้ติน มึงก็รู้ ๆ อยู่ว่าตอนนี้พี่รหัสกับลุงรหัสของเกลกำลังตามจีบเกลมันอยู่แล้วก็อีกหลายคนที่จ้องจะงาบเกลอยู่เหมือนกัน กูแค่อยากจะเตือนมันให้ระวังไว้ให้ดี”
“เด็กมึงก็มีเยอะแยะมึงจะอะไรกับเกลมันหนักหนาวะ” ไคโรพูดขึ้น มีผู้หญิงเข้าหามาวินตั้งเยอะแยะแล้วก็มีแต่สวย ๆ ทั้งนั้นแม้จะสวยน้อยกว่าอบิเกลก็เถอะ
“เรื่องของกู ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่มีทางปล่อยเกลให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น” มาวินพูดพร้อมยกแก้วเหล้าดื่มหมดแก้ว
“มึงรักเกลเหรอวะ” ออสตินถามแต่เขาก็ไม่ได้ต้องการคำตอบหรอกเพราะทุกการกระทำของมาวินมันบอกชัดอยู่แล้ว