HOME 100%

1345 Words
​ คำนั้นหญิงสาวทำได้แค่อุทานอยู่ในใจแต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกมา อยากขยับออกห่าง แต่ตอนนี้อ้อมแขนแกร่งนั้นแม้เพียงข้างเดียวแต่แรงกลับมากพอตรึงเธอไม่ให้ขยับออกห่างไปไหน ดวงตาเจือแววทั้งหวาดผวาและตกใจรีบหลุบต่ำลงไปทันควันเมื่อเผลอสบกับแววตาขุ่นใจบนใบหน้าขึงตึงไม่ต่างของเจ้าของอกกว้างที่มองมาอยู่ก่อน “ขึ้นไปซนอะไรบนนั้น” ยังจะดีซะกว่าถ้าเป็นหม่อมเจ้าอธิรุจหรือไม่ก็ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนตรงหน้าเธอตอนนี้มาเห็น เจ้าของวังถามเสียงดุไม่ต่างจากแววตา ยังดีที่พอเธอประคองตัวเองให้พอหายตกใจและยืนได้อย่างมั่นคง วงแขนแข็งแรงของเขาก็ยอมปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ ร่างเล็กรีบถอยห่างออกมาราวกับร่างสูงใหญ่ที่เธอสูงแค่หัวไหล่เขาของคนตรงหน้าเป็นของร้อน ความจริงกุลญาดาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอย่างนั้น “ขอโทษค่ะ” หญิงสาวประนมมือไหว้ แต่กลับไม่มีการรับไหว้จากเขาเหมือนผ่านมาที่เธอเคยเห็น ยากจะอธิบายเป็นคำพูดถึงที่มาที่ไปในเหตุผลของการกระทำให้ยาวเหยียด กุลญาดาเหลือบมองไปทางแม่แมวขาเดี้ยงและลูกอีกสี่ห้าตัวหลังต้นไม้ เธอหวังว่าเขาจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง แต่เสี้ยวหน้าเรียบนิ่งของหม่อมราชวงศ์หนุ่มนอกจากไม่มองตาม ยังปรับโฟกัสอยู่แค่กับเธอ สาวน้อยหลบตาวูบ ยิ่งใจฝ่อลงไปอีกเท่าตัว เมื่อคราวนี้ที่เผอิญมองไปที่แขนเสื้อสูทตัวนอกของเขา สีดำของมันทำให้เห็นรอยห้านิ้วเปื้อนดินที่ประทับลงไปบนนั้นชัดเจน ริมฝีปากบางเคลือบลิปสติกสีชมพูมันวาวเม้มสนิท รู้สึกผิดเพิ่มอีกเท่าตัว รู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้เสื้อสูทชั้นดีราคาแพงของเขาเปื้อนจนอาจถึงขั้นเข้าไปในงานต่อไม่ได้ ไม่ได้มาจากที่ไหนไกล นอกจากมือตัวเอง เหมือนเด็กทำความผิดแล้วกำลังหลบเลี่ยง ธนาธิปมองใบหน้าตื่นแต่พยายามปกปิด ตากลมโตเบิกกว้างที่โฟกัสอยู่แต่กับแขนเสื้อของเขา ในขณะที่เจ้าตัวพยายามเอามือเปื้อนๆ ของตัวเองไปหลบไว้ข้างหลัง “เสื้อคุณชาย…” “แมวมันฉีดยามาก่อนหรือเปล่า ถ้าโดนข่วนแล้วเป็นแผลเป็นบาดทะยักไป ตัวเองเดือดร้อนไหมกุลญาดา” ไร้ซึ่งคำตอบ ความเงียบคือสิ่งที่ปกคลุมระหว่างคนสองคนนานร่วมนาที ตากลมเอาแต่หลุบต่ำ แม้จะแอบเหลือบขึ้นมองเป็นระยะ แต่กุลญาดาคงไม่มีโอกาสเห็นตอนที่เจ้าของดวงตาดุแสนดุตามนิยามของเธอลอบถอนหายใจราวกำลังอ่อนใจกับเด็กดื้อ อาจแค่เผอิญเดินผ่านมา ทว่าพฤติกรรมซุกซนของเด็กบางคน เพราะรู้อยู่แล้วว่ากุลญาดาเป็นคนยังไง ทำให้เขาไม่อาจละสายตา ต้องยืนมองวีรกรรมการปีนบันไดกำแพงวังในชุดบอลลูนของเธออยู่หลายนาทีด้วยลางสังหรณ์ใจว่าจะเกิด แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ จนได้ “ผมควรลงโทษคุณดีไหม” คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบ แต่แววตาคู่นั้นก็สื่อความหมายชัดเจนว่าเธอปฏิเสธ กุลญาดามองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่สั่งให้เธอสวมรองเท้าให้เรียบร้อยแล้วอยู่ดีๆ ก็หันหลังแล้วสั่งให้เธอเดินตามเข้าไปโดยไม่บอกจุดหมายว่าจะไปไหน คนระดับความสูงแค่ไหล่ได้แต่เดินตามคนตัวโตต้อยๆ คราวนี้เขาพาเธอเดินเลาะด้านข้างหลบผู้คน เข้าไปในตำหนักใหญ่ทางประตูครัวซึ่งอยู่ด้านหลัง ไปยังห้องที่อยู่ทางปีกขวา ความใหญ่โตหรูหราไม่แพ้ด้านนอก ตกแต่งด้วยเครื่องเรือน มีตู้หนังสือวางอยู่ด้านข้าง กุลญาดาเดาว่าน่าจะเป็นห้องพักผ่อน หญิงสาวนั่งลงบนโซฟาเมื่อเจ้าของวังหันกลับมาบอกให้นั่ง ส่วนตัวเขาหันไปสั่งอะไรสักอย่างกับนางข้าหลวงที่ค้อมตัวเดินเข้ามาอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นจึงเดินออกไป ปล่อยให้เธอเคว้งคว้างอยู่ในห้องกว้างเพียงคนเดียว บรรยากาศถึงไม่เหมือนแต่คล้ายคลึงทำให้คนพยายามจะลืมอดคิดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ ความทรงจำเลวร้ายเมื่อครั้งยังเด็กและพ่อแม่ไม่อยู่ในวังรมย์นลิน กุลญาดาดึงสติตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง คิ้วเรียวเปลี่ยนเป็นขมวดอย่างสงสัยกับสิ่งที่นางข้าหลวงประจำวังนำเข้ามา… กล่องปฐมพยาบาล ผ้าสะอาดและกะละมังใส่น้ำอุ่น เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเกรงใจเมื่ออีกฝ่ายจะนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดทำความสะอาดมือสองข้างที่เปื้อนนั้นให้ แต่เพราะเจ้าของวัง หม่อมราชวงศ์ธนาธิปเดินเข้ามาพอดี สายตาดุๆ ของเขาออกคำสั่งบังคับให้เธอทำได้เพียงแค่นั่งนิ่งๆ ยอมรับการปรนนิบัตินั้น ความจริงเธอเดินไปล้างเองก็ได้ เป็นเจ้านายต้องวุ่นวายขนาดนี้เลยหรือ… หญิงสาวได้แต่แอบคิดในใจ มองเจ้าของร่างสูงไหล่กว้างภายใต้เสื้อสูทนอกตัวใหม่ทรุดตัวนั่งลงตรงอีกฝั่งของโซฟาตัวเดียวกัน แล้วเลื่อนสายตาเปลี่ยนไปมองนางข้าหลวงที่กำลังใช้ผ้าแห้งเช็ดตามแขนและมือให้เธออย่างนุ่มนวล ไม่อยากเผลอทำอะไรขัดใจเขาแล้วเป็นเรื่องให้โดนดุ ไม่อย่างนั้นมีหวังได้อายบุคคลที่สามแน่ๆ สาวน้อยเอ่ยขอบคุณเบาๆ เมื่อนางข้าหลวงทำทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนั้นจึงค้อมตัวผ่านหน้าคุณชายเดินออกไปอย่างรู้หน้าที่ ซึ่งเธอคิดว่าตัวเองก็ควรจะออกไปเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ยินเสียงเข้มเอ่ยขึ้นเสียก่อน “ยื่นมือมา” หญิงสาวฟังคำสั่งและช้อนตาขึ้นมองคนออกคำสั่งอย่างงงๆ ธนาธิปลอบส่ายหน้าให้กับท่าทางเหมือนเด็กไม่เข้าใจอะไรเลยนั้น เพราะเธอยังไม่ยอมเข้าใจอะไร เขาจึงถือวิสาสะดึงมือซ้ายที่ยังวางนิ่งบนตักมาเสียเอง “ที่ผมสั่งให้นางข้าหลวงมาทำให้คุณ เพราะคุณควรเรียนรู้การให้คนอื่นดูแลซะบ้าง” …รวมถึงตอนนี้ที่เขากำลังทำให้เธอด้วยหรือเปล่า ขนาดตัวเองยังไม่ทันใส่ใจด้วยซ้ำว่ามีแผลที่แขน กุลญาดาลอบมองเสี้ยวหน้าคมนิ่งของเจ้าของฝ่ามือใหญ่แต่ทำทุกอย่างได้นิ่งและเบามือต่างจากความรู้สึกเจ็บแสบที่เธอเคยคิดไว้ ท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมระหว่างคนสองคน ความอุ่นจากมือของเขาที่จับบนแขน เธอกลัวหรือเกินว่าความเงียบจะทำให้เขาได้ยินเสียงของหัวใจข้างในที่มันกำลังเต้นแรงเหมือนอย่างวันนั้น วันที่ฝ่ามือนี้แตะลงบนหน้าผาก วันที่ทำให้เธอจดจำเขาได้อย่างไม่เคยลืมเลือนจนมาถึงตอนนี้ อยากถามว่าแล้วเขาจำเธอได้บ้างหรือเปล่า… กุลญาดายกมือไหว้ก่อนเอ่ยขอบคุณเบาๆ เมื่อราชนิกุลหนุ่มทำแผลให้เสร็จ เขาทำเพียงพยักหน้ารับ เธอมองเขาเดินออกไป หลังจากนั้นไม่นานนางข้าหลวงอีกคนเข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยของหน้า ผม และชุดที่ใส่ให้อีกครั้ง แสงกลางเวทีส่องสว่าง หญิงสาวถอนสายบัวทำความเคารพหม่อมเจ้าอธิรุจเจ้าของงาน เดินตรงไปนั่งบนเก้าอี้เข้าชุดกับแกรนด์เปียโน ท่าทางอ่อนหวานงามสง่าอย่างกุลสตรีไทยเรียกเสียงปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติในงาน ดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทรายต้นไม้ใหญ่…*1 เสียงเพลงหวานบรรเลงขับกล่อมพาให้บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ไม่มีใครรู้ ความจริงเธอเตรียมเพลงสากลที่รุ่นพี่บอกว่าหม่อมเจ้าอธิรุจทรงโปรดมาเพื่ออวยพร แต่ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับหัวใจทำให้หญิงสาวตัดสินใจเลือกเพลงนี้ บ้าน… ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD