บทที่ 7
วินซ์หรี่ตามองร่างอรชรในชุดซอมซ่อของขวัญชีวาด้วยสายตาเย็นเยียบ รอยยิ้มไม่มีบนใบหน้าของเขา มีแต่ความเดือดดาลเท่านั้นที่เต้นระริกอยู่ ผู้หญิงคนนี้ลองดีกับเขาทุกสถานการณ์จริงๆ หล่อนยั่วโทสะของเขาให้แล่นพล่านด้วยการขัดคำสั่งของเขาหลายต่อหลายครั้ง และแน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้หล่อนกำเริบได้ใจอีกต่อไปแล้ว
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ”
“ผมจำได้ว่าเสื้อชุดนี้มันไม่ได้เป็นหนึ่งในจำนวนร้อยกว่าชุดที่ผมเตรียมเอาไว้ให้คุณนี่นา ขวัญชีวา”
แม้น้ำเสียงของวินซ์จะยังคงที่อยู่ในระดับเดิมคือต่ำและลึก แต่กระนั้นคนฟังอย่างขวัญชีวาก็ยังอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เพราะหล่อนรู้ดีว่าคนตัวโตกำลังเดือดดาลมากแค่ไหน ความจริงหล่อนไม่ได้อยากจะยั่วโมโหเขาหรอก แต่หล่อนทนใส่เสื้อผ้าพวกนั้นไม่ได้จริงๆ แค่คิดว่ามันเป็นของผู้หญิงคนก่อนหน้าที่เขาเคยพาเข้ามาอยู่ในบ้าน หล่อนก็เจ็บราวกับถูกทิ่มด้วยเข็มแหลมคมสักล้านเล่มแล้ว
“ชุดนี้มันก็สวยดีนี่คะ”
คนตัวโตระบายยิ้มเย็นเยือกออกมา เขาลุกขึ้นยืน และเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อน ขวัญชีวาจะถอยหนีแต่ก็หนีอุ้งมือใหญ่ที่ตวัดมารวบเอวบางเอาไว้ไม่ทัน ในที่สุดก็ต้องลอยเข้าไปปะทะอกกว้างของคนตัวโตอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้
“ผมไม่ชอบคนขัดคำสั่ง” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของเขาเล็ดลอดไรฟันออกมา
“ฉันรู้แล้ว แต่ว่าฉัน...ฉันชอบชุดนี้” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม
“ขึ้นไปเปลี่ยนซะ อย่าให้ผมโมโหมากไปกว่านี้เลยขวัญชีวา” เขาจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ ขวัญชีวาเม้มปากแน่น มองเขาด้วยความขุ่นเคือง
“ฉันไม่เปลี่ยน”
“แต่คุณต้องขึ้นไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ เพราะนี่คือคำสั่งของผม!” อ้อมแขนของเขารัดแน่นขึ้น แน่นจนกระดูกของหล่อนแทบแหลกละเอียด ขวัญชีวาซ่อนน้ำตาแห่งความอดสูเอาไว้ หล่อนจะต้องไม่ยอมแพ้ หล่อนจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้บงการทุกสิ่งในชีวิตหรอก
“แต่คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉันนะ ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่างแบบนี้...ว้าย!” หญิงสาวร้องลั่น เมื่อจู่ๆ ร่างของหล่อนก็ลอยขึ้นมาพาดบ่าทรงพลังของคนตัวโต
“ปล่อยฉันนะ จะพาฉันไปไหน”
วินซ์ที่กำลังก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดอยู่นั้นเค้นเสียงตอบออกมา มันกระด้างจนคนฟังอย่างขวัญชีวาขวัญหนีดีฝ่อกันเลยทีเดียว
“เปลี่ยนชุดให้คุณยังไงล่ะ”
คำพูดที่หลุดจากปากของคนชอบบงการทำเอาหน้าที่เคยแค่แดงกลายเป็นไหม้เกรียมเลยทีเดียว
“อย่านะ ไม่นะ ฉัน...ฉันเปลี่ยนเองได้” ขวัญชีวาพยายามวิงวอนแต่ก็ไร้ผลเพราะตอนนี้หล่อนถูกเขาพาเข้ามาในห้องนอนเสียแล้ว แถมยังถูกคนตัวโตจับโยนลงไปบนเตียงอย่างไม่ปรานีอีกต่างหาก
“ฉัน...ฉันจะเปลี่ยนเอง”
“เสียใจคนสวย ผมจะเปลี่ยนให้กับคุณเอง”
ว่าแล้วพ่อคนตัวโตก็เดินไปหยุดที่ตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนังที่ใหญ่โตภายในห้องนอน เขาเปิดประตูตู้ออก จากนั้นก็คว้าชุดเดรสสีดำตัวหนึ่งติดมือมาหยุดตรงหน้าของหล่อน
“ฉัน...ไม่มีทางใช้ของร่วมกับผู้หญิงคนไหนของคุณหรอก”
วินซ์แค่นยิ้ม ก่อนจะไหวไหล่กว้างทรงพลังอย่างไม่แยแส
“ถ้าผมต้องการ คุณก็ทำได้แค่พูดเท่านั้นแหละขวัญชีวา”
เขาพูดจบก็คว้าข้อเท้าของหล่อนเอาไว้ ก่อนจะลากเข้ามาหา ในที่สุดหล่อนก็ถูกพันธนาการด้วยความเหี้ยมโหดของวินซ์อีกครั้ง เขาแสยะยิ้มหยันขณะค่อยๆ เปลื้องเสื้อผ้าของหล่อนออกจากกาย
“อย่านะ ฉัน...ฉันจะถอดเอง”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า”
เขาไม่แค่ดุหล่อนเท่านั้น เพราะเขายังจับมือสองข้างของหล่อนที่พยายามต่อกรให้ไพล่ไปอยู่ด้านหลังอีกต่างหาก ไม่นานเสื้อของหล่อนก็ถูกกระชากออกไปจากกาย เปิดเปลือยความอะร้าอร่ามของทรวงงามที่มีเพียงบราเซียร์สีขาวตัวจิ๋วห่อหุ้มเอาไว้แก่สายตาคมกริบ
ขวัญชีวาหน้าแดงจนแทบไหม้ด้วยความอับอาย และยิ่งได้เห็นสายตาลุกวาบเป็นประกายของคนตัวโตด้วยแล้ว ก็ยิ่งสะท้านสะเทือน
“คนบ้า! คุณมันไร้มารยาทที่สุด”
คนถูกตำหนิหัวเราะเบาๆ ขณะจ้องทรวงอวบใหญ่ไม่วางตา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่แลดูบอบบางผอมแห้งแบบขวัญชีวาเวลาปอกเปลือกแล้วจะอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือแบบนี้ มันงดงาม สมบูรณ์แบบ จนเขาร่ำๆ อยากจะฟัดเจ้าหล่อนเสียเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
ความต้องการมากมายถล่มยับอยู่ภายในเรือนกายอย่างบ้าคลั่ง ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองไม่มีทางถูกผู้หญิงคนไหนควบคุมได้ง่ายๆ แต่ทำไมแค่เห็นปทุมถันอวบสล้างของขวัญชีวาเพียงเท่านี้ เขาถึงได้รู้สึกอยากนักนะ อยาก...อยากจะกินหล่อนเหลือเกิน
‘บ้าชะมัด!’ วินซ์ก่นด่าตัวเองอยู่ภายในอก ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ของว่างฆ่าเวลาของเขาเท่านั้น หล่อนไม่ได้มีค่า ไม่ได้มีราคาอะไรเลย ก็แค่ไม่อยากขาดทุนกับเงินที่เสียไป เขาถึงได้ลากหล่อนมาเกี่ยวข้องด้วย ก็แค่นี้จริงๆ ชายหนุ่มระบายยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง
“ก็แค่มอง ไม่เสียหายหรอกน่าขวัญชีวา และจะบอกอะไรให้นะ หน้าอกของคุณน่ะมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอยากจะมีเซ็กส์ขึ้นมาเลยสักนิด ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ผมต้องทบทวนการขึ้นเตียงของเราใหม่อีกครั้งในคืนนี้ต่างหาก”
คำสบประมาทของวินซ์ เอเมอร์ตันทำให้ขวัญชีวาหน้าร้อนผ่าว ถึงแม้จะไม่ได้อยากให้เขามองหรือแตะต้องนัก แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้เขาพูดจาดูถูกหรือทำท่าทางไม่สนใจไยดีแบบนี้ ทำไม? หล่อนมันสวยสู้ผู้หญิงคนอื่นๆ ของเขาไม่ได้เลยหรือไง
“ก็ดี...เพราะฉันก็ไม่ได้ต้องการให้คุณมาวุ่นวายด้วยสักหน่อย”
หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าคนตัวโตรู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนี้ รู้เพียงอย่างเดียวก็คือพ่อเจ้าประคุณโยนเสื้อใส่หน้าหล่อน และถอยออกห่างอย่างรวดเร็ว ราวกับร่างของหล่อนที่เขาจับต้องอยู่นั้นมันคือกองไฟยังไงยังงั้น สร้างความงงงวยให้แก่คนมองอย่างขวัญชีวายิ่งนัก
“ผมให้เวลาคุณห้านาที ใส่ชุดนี้ซะ แล้วเราจะออกไปข้างนอกด้วยกัน”
หล่อนกำลังจะอ้าปาก แต่เขาก็ขัดขึ้นอย่างรู้ทันซะก่อน
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะใจดี จำใส่สมองเอาไว้ขวัญชีวา”
จบคำเตือนเดือดดาลของเขา เสียงบานประตูที่กระทบกับวงกบก็ดังสนั่นหวั่นไหวตามแรงอารมณ์ของคนที่พึ่งก้าวออกไป หญิงสาวกัดปากแน่น น้ำตาซึมไหลออกมา ขณะก้มลงมองชุดสวยที่พ่อตัวโตโยนใส่หน้าเอาไว้
ขวัญชีวาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้เจ็บปวดแบบนี้ ทำไมถึงได้เจ็บราวกับถูกเชือดถูกเฉือนดวงใจด้วยคมมีดแบบนี้นะ ก็แค่เสื้อผ้า ทำไมหล่อนต้องใส่ใจด้วย ใส่ๆ มันเข้าไปเถอะ ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะเคยเป็นของผู้หญิงคนไหนของเขามาก่อน อย่าไปใส่ใจ เพราะถึงยังไงซะวินซ์ เอเมอร์ตันก็ไม่มีทางเป็นของหล่อน ไม่มีทางเป็นชั่วนิรันดร์...