MAFIA 01
**************************
“พัดชา พัดชา”
“…”
“พัดชา…”
ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวไปหมดและที่รู้สึกเจ็บมากที่สุดเลยก็คือหัวของฉัน มันหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินมาวางอยู่ที่หัวยังไงยังไงยังงั้นเลย
พอสายตาเริ่มปรับโฟกัสได้ฉันก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีใบหน้าของผู้ชายที่ฉันไม่คุ้นเคยมาอยู่ใกล้ใบหน้าฉันขนาดนี้
ฉันผลักเขาออกไปอย่างแรงทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังเจ็บตัวอยู่ ทำให้เขาเองก็ตกใจไม่ต่างจากฉันเหมือนกัน
และเมื่อกี้เหมือนเขาเรียกชื่อใครคนหนึ่งก็ไม่รู้ และคนที่เขาเรียกชื่อเมื่อกี้ฉันเองก็ไม่รู้จักด้วย
เขามองหน้าฉันที่มองหน้าเขากลับไปก่อนที่ริมฝีปากบางจะยิ้มกว้างออกมาเหมือนว่าเขาดีใจมากที่เห็นว่าฉันฟื้นแล้ว
ฉันมองไปรอบห้องก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีสายอะไรไม่รู้ระโยงระยางไปหมดเลย
ใช่สิ ก่อนที่ฉันจะจำอะไรไม่ได้เลยตอนนั้นฉันกำลังจะข้ามถนนแล้วก็มีรถพุ่งเข้ามาชนฉัน แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้างก็ไม่รู้อีกเลย
“จะกลับแล้วเหรอพินอิน ให้เราไปไปส่งป่ะ?”
“ไม่เป็นไร เราข้ามถนนไปแค่นี้เดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงหอพักเราแล้วล่ะ”
“ไม่อยากให้กลับไปเลย เรารู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้”
“อะไรเหรอที่ว่ารู้สึกแปลก?”
“ไม่รู้เหมือนกัน เรารู้สึกเหมือนว่าจะไม่ได้เจอเธออีก”
“คิดมากไปหรือเปล่า พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันที่ทำงานเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“โอเค งั้นก็เดินทางปลอดภัยนะ”
“อืม”
ฉันยิ้มให้ชรเพื่อนที่ฉันสนิทด้วยมากที่สุดก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อที่จะข้ามถนน
พอเห็นว่ารถไม่มีแล้วฉันก็เดินข้ามทันที เพราะตรงนี้ไม่มีทางม้าลายและไม่มีสะพานลอยด้วย
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ข้ามไปอีกฝั่งก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็ว ทำให้ฉันตกใจมากและยืนตัวแข็งทื่อ
ก่อนที่ฉันจะจำอะไรไม่ได้ก็มีเสียงเรียกชื่อฉันเสียงดังขึ้นมาในตอนที่ร่างกายของฉันตกกระทบพื้นแล้ว
“พินอิน!!!”
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
“…”
“เธอทำให้ฉันเป็นห่วงมากเลยนะพัดชา อย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจหรือเปล่า?”
คนตรงหน้ามองหน้าฉันอย่างตำหนิ และสายตาที่เขามองฉันมันเหมือนมีความไม่พอใจและความโล่งใจ
และเมื่อกี้เขาไม่ได้เรียกชื่อฉันแต่ดันเรียกชื่ออีกคน ทำให้ฉันต้องเอ่ยถามเขากลับไปทันทีว่าเขาจำผิดคนหรือเปล่า
“คะ...คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?”
“อย่าบอกนะว่าจำตัวเองไม่ได้”
“ระ…เรียกใหม่อีกทีค่ะ”
“พัดชา”
“ไม่ใช่...ฉันไม่ใช่พัดชา”
ฉันตอบกลับไปทันทีว่าตัวเองไม่ใช่พัดชาผู้หญิงที่เขาพูดถึง พอฉันพูดประโยคเมื่อกี้ออกไปรอยยิ้มของคนตรงหน้าก็หายไปทันที ก่อนที่เขาจะเดินออกไปข้างห้อง
และไม่นานหมอก็เข้ามาดูอาการของฉันและถามว่าฉันจำอะไรได้บ้าง รู้อะไรมั้ยว่าที่นี่เป็นที่ที่ฉันไม่คุ้นเคยเอาซะเลย
และไม่รู้ด้วยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ และคนตรงหน้าฉันตอนนี้ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนด้วย
“จำอะไรได้บ้างหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ได้ค่ะ”
ฉันส่ายหน้าตอบกลับไปทันทีว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้เลย ทำให้หมอหันไปมองกับผู้ชายที่อยู่ข้างฉันแล้วบอกว่าการที่ฉันจำอะไรไม่ได้อาจจะเป็นเพราะสมองของฉันได้รับความกระทบกระเทือนทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไป โดยเฉพาะความทรงจำที่ฉันไม่อยากจำ
เดี๋ยวก่อนนะ ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมหรือเปล่า ฉันยังจำทุกอย่างได้ว่าฉันเป็นใคร
แต่กับคนตรงหน้าฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ ว่าเขาเป็นใคร จู่ๆ เขาก็มองหน้าฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจแล้วมาเรียกฉันว่าพัดชาอีก
“คนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองอาจทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไปครับ”
“หมายความว่าเธอจะจำไม่ได้เป็นบางเรื่องใช่มั้ยครับ?”
“ใช่ครับ”
“แล้วจะมีทางกลับมาจำได้มั้ยครับ?”
“โอกาสมีครับ แต่ก็ต้องช่วยฟื้นความจำคนไข้ด้วยการพาไปสถานที่ที่เคยไปบ่อยๆ ก็จะช่วยได้ครับ ส่วนมากแล้วคนไข้ที่มีอาการแบบนี้ไม่นานก็จะจำได้เองครับ ไม่น่าเป็นห่วง”
พูดจบหมอก็เดินออกจากห้องไปทำให้ฉันอยู่กับเขาแค่สองคน เขาหันมามองหน้าฉันที่มองหน้าเขากลับไปเหมือนกัน
ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามฉันขึ้นมาอีกครั้งเหมือนอยากรู้ว่าฉันจำเขาได้หรือเปล่า
สายตาที่เขามองฉันน่ะมันทำให้ฉันแอบกลัวเหมือนกันนะ เหมือนว่าฉันไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างนั้นแหละเขาถึงได้มามองหน้าฉันแบบนี้
“ฉันเป็นใคร?”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ”
ฉันตอบกลับไปทันทีว่าฉันไม่รู้จักเขา และฉันก็ไม่ได้ความจำเสื่อมด้วย ฉันจำทุกอย่างได้ แต่ที่จำไม่ได้เลยก็คือคนตรงหน้าฉันคนนี้เป็นใคร
“คุณเป็นใคร?”
“ความทรงจำบางส่วนที่มันหายไปคงจะเป็นเรื่องของฉันสินะพัดชา”
“ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ เราไม่เคยเจอกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ?”
“หึ ไม่เคยเจอกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ”
“…”
คนตรงหน้ามองหน้าฉันที่มองหน้าเขากลับไปเหมือนว่าประโยคที่ฉันพูดเมื่อกี้จะทำให้เขาอยากหัวเราะออกมา ถ้าเขามองหน้าฉันเขาเองก็น่าจะรู้นะว่าฉันจะเขาไม่ได้จริงๆ
“แล้วแหวนที่เธอสวมอยู่น่ะไม่ทำให้เธอจำได้บ้างเลยเหรอพัดชาว่าฉันคือใคร”
“...”
ได้ยินที่คนตรงหน้าพูดทำให้ฉันก้มมองมือของตัวเองทันที และเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายที่ตัวเองสวมเอาไว้อยู่จริงๆ ด้วย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรอ่ะ ฉันแต่งงานแล้วเหรอ ฉันเงยหน้าไปมองหน้าเขาอีกครั้งและเห็นว่าเขาเองก็มองหน้าฉันกลับมาเหมือนกัน
“ฉันคือผัวมาเฟียของเธอ”
“อะไรนะคะ?”
“ทีนี้จำได้หรือยังว่าฉันเป็นใคร?”
“ฉัน...ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ”
ฉันเลือกที่จะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ฉันค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนที่จะล็อกประตูเอาไว้ไม่ให้เขาตามเข้ามาได้
ฉันไปยืนมองตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องตกใจที่คนในกระจกกลับไม่ใช่ตัวฉันแต่เป็นใบหน้าของอีกคน นี่มันเรื่องจริงเหรอที่ฉันมาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้อ่ะ
ฉันไม่ใช่พัดชา แต่ฉันคือพินอิน ใช่ ชื่อของฉันคือพินอินไม่ใช่พัดชา ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำก็ยังคงเห็นผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของฉันยืนอยู่ที่เดิม
เขาที่เห็นว่าฉันเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็หันมามองหน้าฉันโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปไหนเลยล่ะ ทำให้ฉันต้องเอ่ยถามเขาขึ้นมา ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองฝันไปยังไงยังงั้นเลย
“คุณชื่ออะไรคะ?”
“ฉันถามเธอจริงๆ นะพัดชา เธอจำฉันไม่ได้หรือกำลังเรียกร้องความสนใจกันแน่”
“เมื่อกี้หมอก็บอกไม่ใช่เหรอคะว่าฉันความจำเสื่อม แล้วฉันจะจำคุณได้ยังไง”
“…”
ฉันตอบกลับไปทันที พอฉันพูดประโยคเมื่อกี้ออกไปเขาก็ถอนหายใจเหมือนไม่อยากจะพูดกับฉัน
ท่าทางและอาการของเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้มันทำให้ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาคือสามีของฉันและฉันก็คือเมียของเขา
เพราะคนเป็นผัวเมียกันเขามองหน้ากันด้วยสายตาที่เย็นชาด้วยเหรอ
“คุณชื่ออะไรคะ?” อีกครั้งที่ฉันเอ่ยถามทำให้เขายอมบอกชื่อของตัวเองให้ฉันรู้ทันที
“ไตรภูมิ”
“เราสองคนแต่งงานกันเหรอคะ แต่งกันนานหรือยัง แล้วทำไม…”
“แต่งงานกันแล้วและตอนนี้เธอก็คือเมียของฉัน”
“ฉันคือเมียของคุณ?”
“อืม เธอคือเมียของฉันและฉันก็เป็นผัวของเธอไง ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องจำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวสักพักเธอก็จำได้เอง”
“น่าแปลกจังเลยนะคะสายตาที่คุณมองเมียตัวเองกลับไม่มีความรักอยู่ในนั้นเลย”
ฉันตอบกลับไปทันทีที่ได้ยินคุณไตรภูมิบอกว่าฉันคือเมียของเขา แต่สายตาที่เขามองฉันเหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกรักฉันเลยด้วยซ้ำ
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพัดชาเธอไปทำอะไรให้เขา เขาถึงได้ดูไม่ชอบเธอมากขนาดนี้
ฉันเดินไปนั่งที่เตียงแล้วหันไปเห็นมือถือที่ข้างเตียง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบมันแล้วเปิดขึ้นมาและมันก็คือมือถือของพัดชาหรือของฉันนั่นแหละ
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจก็คือปีพุทธศักราชที่ฉันอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ที่ที่ฉันเคยอยู่เลย
ก่อนที่ฉันจะโดนรถชนน่ะฉันอยู่ในปีพุทธศักราช 2550 แต่ตอนนี้มันเป็นปีพุทธศักราช 2590 หมายความว่าฉันอยู่ในช่วงเวลาของอนาคตอย่างนั้นเหรอ
“เป็นไปได้ยังไง นี่ฉันข้ามเวลามาในโลกอนาคตเหรอ?”
“เป็นอะไร?”
สีหน้าที่ดูตกใจของฉันทำให้คุณไตรภูมิถามขึ้นมาทันที ฉันส่ายหน้าแล้วบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร
ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่ามันจะอยู่จริงพวกข้ามเวลาน่ะ แล้วทำไมฉันถึงได้มาอยู่ในร่างของพัดชาได้ล่ะแล้วตัวฉันตอนนั้นล่ะจะเป็นยังไง หรือว่าฉันตายแล้วอย่างนั้นเหรอ
“หรือเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไร”
“อยากให้ฉันอยู่เฝ้าหรือเปล่าหรืออยากอยู่คนเดียว”
“สีหน้าของคุณมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีนะคะว่าคุณไม่ได้อยากอยู่กับฉัน ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้วค่ะอยู่คนเดียวได้”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันจะกลับแล้ว เดี๋ยวจะให้คนมาเฝ้าที่หน้าห้อง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันบอกคุณแล้วไงว่าฉันอยู่คนเดียวได้”
“หึ คนอย่างเธอน่ะเหรอจะอยู่คนเดียวได้”
พูดจบคุณไตรภูมิก็เดินออกจากห้องไปเลย ไม่ว่าจะเป็นสายตา น้ำเสียง และการกระทำของเขามันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าเขาไม่ได้รักเมียตัวเองเลย
แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องรู้ไง เพราะสิ่งที่ฉันอยากรู้ตอนนี้ก็คือทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
แล้วทำไมถึงได้ข้ามเวลามาเป็นเมียมาเฟียได้