หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
คำพูดที่ว่า แมวไม่อยู่หนูร่าเริง คำนี้คงจะใช้ได้กับดานิตาในขณะนี้ เพราะตั้งแต่ธนาวิชญ์เข้าโรงพยาบาล เธอก็มีชีวิตเป็นของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต ไปไหนมาไหนโดยไม่มีผู้คุม เลิกงานหลังจากไปเยี่ยมธนาวิชญ์ที่โรงพยาบาล เธอกับริคคาร์โด้จะไปทานอาหารกันต่อ หรือบางครั้งก็ไปเดินเลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้า มีอยู่วันหนึ่งทั้งคู่ไปดูภาพยนตร์ ช่วงเวลานี้ดานิตายอมรับว่ามีความสุขมาก เธอเสมือนเป็นนกที่สามารถโบยบินไปทุกที่ที่อยากจะไป
ซึ่งเรื่องนี้ดานิตาได้บอกธนาวิชญ์อย่างไม่มีปิดบังแล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่ขัดข้องกับการได้รับอิสระชั่วคราวของเจ้านายสาวด้วย หนึ่งคือสงสารเพราะนับตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโตเป็นสาวสะพรั่ง ไม่มีครั้งไหนเลยที่ดานิตาจะเป็นอิสระโดยไม่มีใครคอยตามคุม สองคือเปิดโอกาสให้ริคคาร์โด้ได้สานสัมพันธ์แห่งรักกับดานิตา
ว่าด้วยเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ว่า ริคคาร์โด้มาพูดเปิดใจกับธนาวิชญ์ตรงๆ ในวันที่สองที่เขาเข้าโรงพยาบาล ชายหนุ่มอิตาเลี่ยนมาเปิดใจกับเขาว่า หลงรักดานิตาตั้งแต่แรกเห็น รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน รักถึงขั้นอยากร่วมหอลงโลง ใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน ริคคาร์โด้จึงใช้โอกาสนี้จึงดานิตาอย่างเป็นทางการและขอพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็น ธนาวิชญ์ยอมรับว่าได้ยินแล้วรู้สึกอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงๆ และในเมื่อริคคาร์โด้ขอโอกาสตรงๆ เขาก็ให้แล้วทำตามที่ร้องขอ คือทำราวกับว่าเรื่องที่ตนเข้าโรงพยาบาลไม่เคยเกิดขึ้น
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ดานิตาทำตัวเป็นเด็กหนีพ่อแม่เที่ยว เธอเดินทางมาเวนิสกับริคคาร์โด้จะว่าไปใช้คำว่าหนีเที่ยวเสียทีเดียวก็ไม่ได้เพราะทั้งคู่เดินทางมานี่ด้วยเรื่องของงาน บริษัทของราฟาเอลโลจะมาสร้างโครงข่ายสัญญาณเพิ่มเติม เขาจึงต้องลงพื้นที่มาดูด้วยตัวเอง โดยมีดานิตาเดินทางมาด้วยในฐานะผู้ช่วย ซึ่งการมาในครั้งนี้ใช้เวลารวมสามคืนสี่วัน
หลังจากที่นำสัมภาระไปเก็บไว้ในห้องพักภายในโรงแรมเรียบร้อย ทั้งคู่ก็พากันออกจากโรงแรมเพื่อไปท่องเที่ยวตามสถานที่ยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือเยี่ยมชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและอาคารเก่าแก่สองข้างทางของคลองเวนิส
สถานที่แรกที่เขาพาดานิตาไปคือ โบสถ์และจัตุรัสซานมาร์โค (San Marco) หากใครมาเยี่ยมเยือนเมืองนี้ต้องมาที่นี่เป็นที่แรก ประหนึ่งรายงานตัวว่า ได้มาถึงเมืองแห่งความสวยงามนี้แล้ว ต่อจากนั้นทั้งคู่จึงลงเรือเยี่ยมชมความตระการตาของอาคารเก่าแก่อายุนับร้อยปี
ดานิตามองดูความสวยงามสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ ดูของจริงมันช่างสวยงามกว่าดูในรูปภาพหรือในทีวี เป็นภาพความงามที่ตรึงตาตรึงใจเหลือเกิน สมกับคำร่ำลือถึงความงามอันมีเอกลักษณ์ของเมืองนี้ว่า ราชินีแห่งทะเลอาคาเดรียตริก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light) ภาพที่เห็นนั้นไม่แตกต่างจากเมื่อหลายร้อยปีก่อนเลย ต่างกันแค่การแต่งกายของผู้คนเท่านั้นเอง
“สวยไหมดานี่” ริคคาร์โด้เอ่ยถามหลังจากที่ล่องเรือชมคลองเวลนิสมาร่วมครึ่งชั่วโมงเสร็จสิ้น
“สวยค่ะ สวยมากๆ เลย ทุกอย่างสวยหมดเลยค่ะ” ดานิตาตอบกลับอย่างตื่นเต้นกับทริปท่องเที่ยวทริปแรก
“เดี๋ยวเราไปเดินในเมืองกันดีกว่านะ รับรองว่าสวยไม่แพ้กันเลย” เขาเอ่ยบอก
“ค่ะคุณริค” เธอยิ้มอย่างดีใจที่จะได้ท่องเที่ยวในดินแดนสวยงามที่กล่าวขานทั่วโลก
“ดานี่กลัวหลงหรือเปล่าครับ” ริคคาร์โด้เอ่ยถามเสียงนุ่ม นัยน์ตาเปล่งประกายมีความหมาย “ถ้ากลัวหลงก็จับมือผมไว้นะครับ รับรองว่าไม่มีหลงทางครับ”
ริคคาร์โด้ยื่นมือใหญ่ไปยังร่างของเธอ ราวกับรอคอยให้สาวตรงหน้านำมือมาวางลงบนมือของเขา ดานิตายิ้มเต็มใบหน้า ยกมือขึ้นสูงก่อนจะวางลงฝ่ามือแข็งแรงที่เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นในทันที
สองหนุ่มสาวพากันเดินชมเมืองเวนิสที่มีสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าและเก่าแก่หลายที่ วิหารหลายแห่ง โดยไม่ต้องพึ่งไกด์เนื่องจากเขาเคยมาทำงานที่นี่ก่อนที่จะไปทำงานกับบริษัทของราฟาเอลโลสามปี ฉะนั้นริคคาร์โด้จึงรู้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ร้านค้าต่างๆ และร้านอาหารขึ้นชื่อ
ริคคาร์โด้กับดานิตาทำตัวราวกับเป็นคู่รักก็ไม่ปาน มือใหญ่ของเขาจะกุมมือเล็กของเธอไว้ตลอดเวลา บางครั้งก็โอบบ่า โอบเอวโดยที่ดานิตาไม่ขัดขืนหรือห้ามปราม อาจเป็นเพราะหัวใจของเธอมีเขานั่งอยู่กลางใจ เป็นความสุขที่หญิงสาวไม่เคยได้รับมาก่อน สุขใจอย่างเหลือล้น
ซึ่งแต่ละสถานที่ที่ริคคาร์โด้กับดานิตาไปเที่ยว ทั้งคู่ได้บันทึกภาพแห่งความทรงจำไว้นับร้อยรูป บ้างก็รูปคู่ บ้างก็รูปเดี่ยว จากสถานที่นั้นไปเป็นสถานที่นี้ หลงลืมความเหนื่อยและเมื่อยล้า
“นี่ก็ทุ่มกว่าๆ แล้วพี่ว่าเราไปทานอาหารค่ำกันก่อนดีกว่านะแล้วค่อยกลับโรงแรม พี่จะพาไปร้านอาหารที่หนึ่ง อาหารอร่อย บรรยากาศดีเชียวล่ะ”
“ค่ะคุณริค ดานี่เริ่มหิวแล้วค่ะ”
เวลานี้ท้องของเธอก็เริ่มประท้วงหิวแล้วเช่นกัน เพราะตลอดทั้งวันมัวแต่เที่ยวและเที่ยว มีเพียงฮอทดอกกับน้ำผลไม้หนึ่งกล่องเท่านั้นที่ทานลงไป
“จะไม่หิวได้ยังไงล่ะครับก็เล่นเที่ยวทั้งวัน” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไป ผมจะพาไปทานอาหารอร่อยๆ ให้หายหิว”
พูดจบเขาก็จูงมือเล็กเดินไปยังร้านอาหารที่ตั้งใจพาเธอไป ซึ่งเดินไปเพียงสองร้อยเมตรก็ถึงร้านอาหารที่อยู่ติดกับคลองเวนิส บรรยากาศดีเหมือนกับที่เขาบอกไม่มีผิด
ร้านอาหารที่ริคคาร์โด้พาเธอไปนั้น เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน – ฝรั่งเศส โดยจะแบ่งเป็นชั้นตามความชอบ ชั้นล่างจะเป็นส่วนของอาหารอิตาเลี่ยน ชั้นบนเป็นส่วนของอาหารฝรั่งเศส ซึ่งอาหารที่เขาเลือกทานในวันนี้คือ อาหารฝรั่งเศส