ชาวบ้านที่เห็นว่าตงซีเฉินนั้นยืนขึ้นและเดินได้ต่างก็พากันแปลกใจ เมื่อเช้ามีชาวบ้านบางคนได้ยินที่หนิงเหมยจูพูดตอนที่รอเกวียนยังบอกเลยว่าเดือนหน้าจึงจะนัดหมอผ่าตัด แล้วทำไมตอนนี้ตงซีเฉินกลับลุกขึ้นเดินได้ล่ะ หรือว่าทุกอย่างจะเป็นจริงอย่างที่เขาพูด ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นหนิงเหมยจูแอบพาหมอมารักษาสามีอยู่ตลอด เมื่อคิดได้อย่างนั้นชาวบ้านหลายคนรู้สึกละอายใจที่เคยคิดไม่ดีเหมือนข่าวลือ คิดว่าหนิงเหมยจูนั้นปันใจให้ชายคนอื่นและเตรียมที่จะหนีไปกับชายคนอื่น
หนิงเหมยจูเองมองตงซีเฉินอย่างไม่วางตา แม้จะแปลกใจแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะการที่เขาพูดแบบนั้นออกไปเท่ากับว่าเขากำลังปกป้องเธอ รวมทั้งเรียกคืนศักดิ์ศรีของหนิงเหมยจูกลับมา "เข้าห้องแล้วพี่ค่อยเล่าให้ฟังนะครับ" ตงซีเฉินกระซิบบอกภรรยา
"แกไม่ได้พิการเหรอเจ้าสี่ แล้วที่ผ่านมาแกแกล้งเหรอ" แม่เฒ่าตงถามอย่างตกใจไม่คิดว่าลูกชายที่เธอคิดว่าพิการนั้นจะไม่ได้พิการอย่างที่คิด
"ครับผมไม่ได้พิการ และต้องเสียใจด้วยนะครับที่ผมไม่เป็นอย่างที่บ้านใหญ่คิด ผมไม่ห้ามถ้าเกิดแม่และคนบ้านใหญ่ตงจะคิดว่าผมอกตัญญู ผมน้อมรับครับ เพราะชีวิตที่ผ่านมาของผมนั้นมันก็เหมือนกับผมตายไปแล้ว ผมบอกแม่ก่อนนะครับถ้าเกิดเหมยจูหรือแม่ยายทำอะไรรุนแรงขึ้นมาผมไม่สามารถห้ามได้ เพราะทุกอย่างใช้เงินของเหมยจูซื้อมา
ตัวผมแม่ก็รู้ดีว่าตอนแยกบ้านออกมากับลูกน้อยสองคนนั้น ผมไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรออกมาเลยสักอย่าง ทุกครั้งที่ผมทำงานได้เงินมาผมก็เอาเข้ากองกลางทั้งหมด ตอนนี้ผมแยกตัวออกมาแล้ว แยกบ้านออกมาแล้ว ผมไม่มีทรัพย์สินที่มีค่าอะไรให้แม่อีกแล้ว อย่าให้ผมต้องเอาสัญญาแยกบ้านมาให้ทุกคนได้ดูเลยนะครับ คนที่จะอายไม่ใช่ผมแต่เป็นบ้านตง ผมพร้อมที่จะแตกหักนะครับถ้าแม่ต้องการ"
ตงซีเฉินไม่สนว่าใครจะมองว่าเขาอกตัญญูหรือเป็นผู้ชายเกาะภรรยากิน เขาเพียงแค่ต้องการปกป้องครอบครัวของเขาจากบ้านตงเท่านั้น ก่อนที่จะแยกบ้านออกมาอยู่กับลูกน้อยสองคนนั้นเขาคิดว่าเขาทดแทนบุญคุณที่ทำให้เขาเกิดมาหมดแล้ว หลังจากนี้ชีวิตของเขานั้นขอทำเพื่อภรรยาและลูกก็พอ
"แกกล้าขู่ฉันเหรอเจ้าสี่ ฉันแม่แกนะ" แม่เฒ่าตงนั้นกลัวว่าลูกชายคนที่สี่คนนี้จะพูดบางอย่างออกมา ไม่อย่างนั้นบ้านตงทั้งหมดคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แต่กลายเป็นว่าวันนี้ไม่ใช่วันของบ้านตงจริงๆ
"ผมไม่ได้ขู่แต่ถ้าต้องปกป้องครอบครัวและคนที่ผมรัก ผมต้องทำ หวังว่าแม่คงจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดนะครับ" ตงซีเฉินมองหน้าแม่ของเขาไม่หลบสายตา ในเมื่อเขายอมมามากพอแล้ว ตอนที่เขายังนอนติดเตียงอยู่นั้นเขาได้ยินและรับรู้ทุกอย่าง แต่เขาทำอะไรไม่ได้ และตอนนั้นเขาไม่ได้มีความรู้สึกกับหนิงเหมยจู คนก่อนหน้าที่จะฟื้นขึ้นมาแบบนี้ เขาจึงเลือกที่จะปล่อยผ่าน
"เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่ภรรยาเจ้าตงก้านมาหาเรื่องอะไร ซีเฉินอีก" ผู้อาวุโสสามแห่งบ้านตง มีศักดิ์เป็นปู่เล็กของตงซีเฉิน เดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายคนโต
"อา...อาสาม ไม่มีอะไร ฉันแค่มาเยี่ยมเจ้าสี่เท่านั้น" แม่เฒ่าตงลนลานรีบปฏิเสธ
"จริงเหรอพี่สะใภ้ ทำไมมีคนไปบอกพ่อของผมว่าพี่สะใภ้ต้องการแย่งชิงรถจักรยานของเจ้าซีเฉินล่ะ หรือว่าพี่สะใภ้ลืมเรื่องที่ตกลงในสัญญาแยกบ้านของซีเฉินแล้ว การที่พี่สะใภ้มาที่นี่พี่ใหญ่ตงก้านรู้หรือเปล่า"
ลูกชายคนโตผู้อาวุโสตงบ้านสามถามขึ้น เขากระตุกยิ้มมุมปากไม่คิดว่าพี่สะใภ้คนนี้หน้าด้านถึงขนาดมาแย่งชิงของจากบ้านลูกชายอีก แม้ว่าเขาจะไม่ชอบบ้านของตงก้านที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา แต่อดสงสารซีเฉินไม่ได้ ดีแค่ไหนแล้วที่แยกบ้านออกมา แต่หลานชายกลับต้องสูญเสียบางอย่างที่คนเป็นปู่ยกให้ไปเพื่อแลกกับอิสระของตัวเองและลูกน้อย
"ไม่มีอะไรแล้ว ฉันกำลังจะกลับ" แม่เฒ่าตงลนลานขึ้นมาอีกครั้ง ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องต่างพากันสงสัย ทำไมแม่เฒ่าตงจึงได้กลับลำแบบนี้ ก่อนหน้านี้ยังต้องการที่จะแย่งชิงรถจักรยานคันนี้อยู่เลย
"ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะกู้หลัน เพราะถ้ายังมีเรื่องราวแบบนี้อีกฉันก็พร้อมที่จะเปิดเผยว่าเจ้าของบ้านที่พวกเธออยู่นั้น เจ้าของที่แท้จริงคือใคร เจ้าใหญ่พาพ่อกลับ ซีเฉินปู่สามกลับก่อนนะ ว่างๆ ก็ไปเยี่ยมปู่บ้าง"
ผู้อาวุโสสามแห่งบ้านตงเอ่ยกับหลานชายที่พี่ใหญ่ของเขาฝากให้ช่วยดูแล เขายังคิดเลยว่าหากซีเฉินไม่ได้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ที่ตายไปของเขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าซีเฉินหลานชายคนนี้จะมีชีวิตรอดหรือเปล่าตั้งแต่เกิดจนจะเข้าโลงอยู่แล้วเขาเพิ่งจะเห็นพ่อแม่ที่แท้จริงรังเกียจลูกตัวเอง เพียงเพราะตอนที่ซีเฉินเกิดมานั้นทำให้ร่างกายของคนเป็นแม่เจ็บป่วยไม่แข็งแรงเกือบไม่รอดชีวิตหลังเกิดซีเฉินออกมา
"ครับปู่เล็ก วันหน้าจะพาเสี่ยวลู่และเหมยจูเข้าไปเยี่ยมครับ" ตงซีเฉินยิ้มรับ
เรื่องนี่คือเรื่องที่ทำให้แม่เฒ่าตงและคนอื่นๆ บ้านตงกลัวมากที่สุด กลัวว่าชาวบ้านทั้งหลายจะรู้ว่าเจ้าของบ้านที่แท้จริงนั้นเป็นตงซีเฉินคนที่พ่อสามีเป็นคนเขียนยกทุกอย่างให้ แต่เพราะต้องการแยกบ้านตงซีเฉินจึงยกทุกอย่างให้กับพ่ออย่างตงก้าน หากสามีรู้ว่าเธอนั้นมาหาเรื่องและต้องการมาเอาจักรยานของลูกชายจนอาสามของสามีต้องมาออกโรงเอง เธอคงได้เจอกับโทสะของสามีอีกแน่นอน เพราะเขาเป็นคนรักหน้าตา ยิ่งกว่าอะไร
อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่มีคนรู้นอกจากเธอและสามี ลูกสะใภ้ยิ่งแล้วใหญ่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ทุกคนที่เธอมาเอาของในบ้านนี้ เจ้าสี่ลูกชายของเธอไม่เคยว่าอะไร แต่ทำไมครั้งนี้จึงลุกขึ้นเอาเรื่องนี้มาขู่เธอกัน เมื่อคิดได้แบบนั้นแม่เฒ่าตงจึงรีบเดินกลับบ้านแบบไม่สนใจลูกสะใภ้ทั้งสองของตัวเอง ปล่อยให้สะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองวิ่งตามกลับไปอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำของแม่สามี
เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายชาวบ้านต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง บางคนก็กลับไปทำงานที่ค้างอยู่ ส่วนฟู่เจียจิ่นนั้นคิดว่าลูกสาวและลูกเขยคนจะต้องมีเรื่องต้องคุยกัน เธอจึงเดินกลับเข้าห้องไปหาหลายสาวตัวน้อยปล่อยให้ลูกเขยตัวโตมองตามภรรยาด้วยสายตาละห้อยเพราะหนิงเหมยจูเดินเข้าห้องไปแบบไม่พูดไม่จา
"แม่ยายช่วยผมด้วยสิครับ เหมยจูโกรธผมแล้ว"
"ลูกเขยของแม่ เรื่องนี้ตัวใครตัวมันนะลูก ง้อยากก็ปล้ำเลยแม่อนุญาต" ฟู่เจียจิ่นเดินหัวเราะรีบเข้าห้องเพราะกลัวว่าลูกเขยจะเรียกให้ช่วยอีก
ตงซีเฉินอ้าปากค้าง 'แม่ยายครับถ้าผมปล้ำภรรยามีหวังเธอตีผมหัวแตกนะสิ' เขาไม่กล้าพูดออกไปได้แต่เดินคอตกเข้าห้องตามภรรยาไปอธิบายเรื่องทั้งหมด
"พี่ซีเฉินมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่า" หนิงเหมยจูมองสามีก่อนจะถามเสียงเย็น
"พี่ไม่รูู้ว่าจะบอกยังไง เพราะพี่เองก็เพิ่งจะเดินได้วันนี้ เมื่อคืนหลังจากหลับไปสักพักพี่รู้สึกว่าร่างกายพี่มันไม่ปกติ พี่รู้สึกเจ็บปวดและทรมาน" ตงซีเฉินจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวเขาให้ภรรยาฟังทั้งหมด เขาเองก็สังเกตสีหน้าของหนิงเหมยจูอยู่ตลอด และคิดว่าปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขานั้นมาจากภรรยาไม่ผิดแน่ เขาเลือกที่จะไม่ถามและไม่กดดันภรรยา ชายหนุ่มเชื่อว่าหาวันหนึ่งที่ภรรยาพร้อมเธอคงเล่าให้ฟังทุกอย่างเอง
"ดีแล้วที่พี่กลับมาเดินได้อีกครั้ง ฉันก็สบายใจขึ้น" หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด หนิงเหมยจูคิว่าอาจจะเป็นเพราะน้ำในบ่อที่เธอเอามาจากมิติแน่ๆ เพราะความขี้เกียจเดินไปตักน้ำจากลำธารของตัวเองแท้ๆ ทำให้ได้รู้ว่าน้ำในมิตินั้นวิเศษยังไง
"ต่อไปนี้พี่จะได้ช่วยน้องทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว พี่ไม่ปล่อยให้เหมยจูต้องทำงานเหนื่อยคนเดียว เราจะช่วยกันทำงานและสร้างครอบครัวไปด้วยกันนะครับ แต่พี่ขอกอดน้องได้ไหม" ตงซีเฉินพูดกับภรรยาก่อนจะขออนุญาตเสียงอ่อย หนิงเหมยจูได้แต่หน้าแดงไม่คิดว่าสามีของเธอจะหน้าหนาขอกอดเอาดื้อๆ แบบนี้
"พี่นี่หน้าไม่อายนะ มาขอกอดคนอื่นแบบนี้" หนิงเหมยจูเอ่ยดุ แต่หน้าเธอกลับขึ้นสีแดงมากกว่าเดิม
"พี่ยอมรับว่าหน้าไม่อาย แต่พี่ขอกอดภรรยาตัวเองไม่ได้ขอกอดคนอื่นเสียหน่อย แล้วได้ไหมล่ะกอดที่ขอ" ในเมื่อโดนดุว่าหน้าด้านก็ขอหน้าด้านอีกหน่อยก็แล้วกัน
"อยากกอดก็มากอด แค่กอดนะ" หนิงเหมยจูพูดยังไม่ทันขาดคำ สามีจอมหน้ามึนโผเข้ามากอดเหมือนกลัวว่าภรรยาจะกลับคำ
"ขอบคุณนะเหมยจู ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง" ตงซีเฉินกระชับอ้อมกอดของเขาแน่นก่อนจะเอ่ยขอบคุณ เขากล้าพูดได้เลยว่าผู้หญิงที่เขากอดและเรียกว่าภรรยาคนนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของเขาแล้วจริงๆ ในห้องมัวแต่กอดกันด้วยความเข้าใจ เลยไม่รู้ว่าประตูห้องนั้นได้แง้มออกมาเล็กน้อยด้วยฝีมือของลูกสาวตัวแสบและน้องชายอย่างเสี่ยวลู่และหนิงฮุ่ยหมิน
"น้าฮุ่ย แบบนี้หนูจะมีน้องไหมคะ" เสี่ยวลู่แอบมองพ่อกับแม่กอดกันก่อนจะหันมาถามน้าชายด้วยเสียงสดใสเพราะคิดว่าต่อไปเธอจะมีน้องตัวอวบอ้วนมาให้เล่นด้วยแล้ว คำถามของหลานสาวทำเอาคนเป็นน้าอย่างหนิงฮุ่ยหมินตอบไม่ถูก
"ยังหรอกเสี่ยวลู่ คงอีกสักพักล่ะ" หนิงฮุ่ยหมินไม่รู้จะตอบหลานสาวตัวน้อยยังไงจึงเลี่ยงที่จะตอบแบบนี้ แต่ใครจะคิดว่าเสี่ยวลูจอมแสบจะเปิดประตูกว้างแล้วตะโกนบอกพ่อให้หอมแก้มแม่แรงๆ ทำให้หนิงฮุ่ยหมินต้องรีบอุ้มหลานสาววิ่งออกมาก่อนจะโดนพี่สาวดุ
"พ่อต้องหอมแก้มแม่แรงๆ กอดอย่างเดียวหนูไม่มีทางได้น้องหรอก"
"นั่นไงเสี่ยวลู่บอกให้พี่หอมแก้มน้อง พี่เป็นพ่อที่ดีต้องทำตามที่เสี่ยวลู่บอก พี่ไม่ผิดนะ" พูดจบก็หอมแก้มภรรยาหลายฟอด ทำให้หนิงเหมยจูหัวเราะเสียงดังเพราะจั๊กจี้ สองสามีเล่นกันหัวเราะเสียงดัง คนเป็นแม่อย่างฟู่เจียจิ่นที่ได้ยินก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ หลังจากนี้ชีวิตของลูกสาวละลูกเขยคงจะมีความสุขเสียที
********************