บทที่ 9 ถ้าเกิดแม่และน้องฉันเป็นอะไร ก็อย่าคิดว่าจะรอด

1573 Words
หนิงเพ่ยชิงด้วยความที่รับเอานิสัยแม่อย่างหวยซินมาเต็มๆ เธอจึงอยู่นิ่งไม่ได้เมื่อโดนหนิงเหมยจูมองด้วยสายตาแบบนั้น จึงได้พูดออกไปอย่างไม่ค่อยได้คิดให้ถี่ถ้วน "เหอะ ฉันเป็นลูกสาวที่พ่อรักมาก ไม่เหมือนแกและน้องแกหรอกที่..." "แล้วยังไง ผู้ชายคนนั้นจะรักหรือไม่รักฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าเธอต้องการที่จะจับพี่ซีเฉินไม่ใช่เหรอเพราะเขาหาเงินเก่ง แต่น่าเสียดายนะผู้ชายคนนี้ฉันเป็นคนได้ เขาทั้งเก่ง ทั้งหล่อและอร่อย เสียใจด้วยนะน้องสาวของพี่เธอพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว" เมื่อพูดคำว่าอร่อยหนิงเหมยจูเลือกที่จะเลียริมฝีปากเบาๆ เพื่อให้หนิงเพ่ยชิงนั้นเข้าใจว่าเธอกินสามีไปแล้วจริงๆ "นัง...นังหน้าด้าน หน้าไม่อาย พูดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ลูกสาวฉันยังเด็ก ใครจะเหมือนแกล่ะ ที่กร้านเรื่องพวกนี้ ใครอยากได้ไอ้ซีเฉินกัน แกเอาไปเถอะ คนพิการแบบนั้น" หวยซินชี้หน้าด่า "หน้าด้านแล้วยังไง หน้าไม่อายแล้วยังไง แต่ก่อนที่คุณจะพูดหรือด่าว่าอะไรฉัน ช่วยเดินไปที่ลำธารแล้วชะโงกดูนะว่าที่พูดมาทั้งหมดนั้นใช่คนที่คุณมองเห็นในน้ำหรือเปล่า ถึงฉันจะหน้าไม่อาย หน้าด้านหรือจะเก่งเรื่องพวกนี้ แต่คงน้อยกว่าคุณนะคุณแม่เลี้ยง ฉันคงไม่ต้องพูดเพราะคุณคงเข้าใจความหมาย" "แก นังเหมยจู เพราะแม่ของแกมาแย่งพี่ฮวนไปจากฉัน ฉันกับพี่ฮวนรักกันมาก่อน แม่ของแกนั่นแหละหน้าด้าน" หวยซินโกรธจนตัวสั่น ชาวบ้านที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็ถอยออกมายืนห่างๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวคงจะมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น เพราะหลายคนได้ข่าวและเห็นในสิ่งหนิงเหมยจูนั้นทำอะไรกับบ้านตงบ้างเมื่อวาน "รักกันแล้วยังไง ถ้าผู้ชายคนนั้นรักเธอจริงทำไมเขายอมทิ้งเธอมาเอาและมาแต่งงานกับแม่ฉันล่ะ คิดดีๆ ผู้ชายที่มีแต่ตัวกับไอ้นั่นมีดีอะไรนักหนาที่ทำให้ผู้หญิงต้องมาแย่งกัน แล้วถ้าหากว่าแม่ของฉันหน้าด้านตามที่เธอพูดสิ ฉันก็ว่าไม่ผิด เพราะผู้ชายเดินมาหาท่านเอง ท่านไม่ได้เชิญมา แต่ผู้ชายมาเองจริงไหม" หนิงเหมยจูพูดตามที่ความทรงจำมี แม่ของเธอตอนแต่งงานนั้นทางบ้านเดิมให้สินเดิมมาไม่น้อย และรู้ว่าแม่ยังใช้ไม่หมดแต่แอบไว้ให้เธอกับน้องชาย แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือทำไมแม่ไม่หย่ากับผู้ชายคนนั้นที่เป็นพ่อของร่างนี้ และตอนที่เธอแต่งงานออกมาแม่ให้สินเดิมมาไม่น้อยเหมือนกัน เธอจึงไม่ห่วงเรื่องเงินเท่าไหร่ อีกทั้งตอนที่ตงซีเฉินทำงานได้เงินมา เขาก็ให้กับร่างนี้ไม่น้อย หนิงเหมยจูคิดว่าแม่และน้องคงไม่ลำบากมาก เพราะตั้งแต่แต่งงานมาเธอแทบไม่ไปเหยียบบ้านเดิมอีกเลย แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือตอนนี้น้องชายต้องลาออกมาจากโรงเรียนแล้วทั้งๆ ที่ใกล้จะเรียนจบ และทั้งสองคนต้องออกมาอยู่ที่ห้องเก็บฟืนเพราะน้องชายได้ทะเลาะกับพ่อเรื่องที่พ่อทำร้ายแม่ และเธอเองตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปหาแม่และน้องชาย ในเมื่อเธอมาอยู่ในร่างนี้แล้วทั้งสองคนก็คือครอบครัวของเธอ และเธอก็ไม่คิดที่จะทิ้งใครเหมือนร่างเดิมทำ "แก นังเหมยจู" หวยซินโกรธแล้วจริงๆ จึงได้พุ่งตัวเข้าหาคิดว่าจะตบหน้าหนิงเหมยจูสักทีสองที แต่กลายเป็นว่าหนิงเหมยจูนั้นระวังตัวอยู่แล้ว เธอจับข้อมือของหวยซินไว้ได้ก่อนจะเอาไหล่ของเธอเข้าที่กลางลำตัวของหวยซินและจับเธอทุ่มลงพื้นจนเกิดเสียงดัง ชาวบ้านที่ยืนมุงได้แต่เจ็บแทน แต่ไม่มีใครคิดที่จะช่วยเพราะต่างก็สมน้ำหน้าหวยซินที่อยู่ดีไม่ว่าดีมาหาเรื่องหนิงเหมยจู "แก แกกล้าทำร้ายแม่ฉันเหรอ" หนิงเพ่ยชิงเองชี้หน้าด้วยความโกรธ แต่ไม่รู้เพราะความโง่หรือว่าโมโหเธอจึงพุ่งเข้าใส่หนิงเหมยจูด้วยอีกคนทั้งๆ ที่เห็นแล้วว่าแม่ของตัวเองนั้นสภาพเป็นยังไง หนิงเหมยจูใช้เท้าถีบสุดแรงและครั้งนี้เธอไม่ถอดรองเท้าออกเหมือนที่ทำการบ้านตง ก่อนจะเดินเข้าไปหาหนิงเพ่ยชิงช้าๆ ก่อนจะใช้เท้าเหยียบไปที่ข้อเท้าของน้องสาวต่างแม่แล้วใช้แรงกดบี้ไปเต็มแรง จนหนิงเพ่ยชิงร้องเสียงดังเพราะทนไม่ได้ เธอเจ็บปวดจนกระดูกแทบแหลก "จำไว้ทั้งสองคน อย่าคิดที่จะมาวุ่นวายกับฉัน และอย่าให้รู้ว่าใครคิดที่จะทำร้ายหรือเล่นงานแม่กับฮุ่ยหมิน หากฉันรู้รับรองว่าจะไม่มีขาให้ได้เดินเฉิดฉายในหมู่บ้านนี้อีก และถ้าคิดจะแจ้งความว่าฉันทำร้ายร่างกายก็เชิญ ฉันไม่ห้าม เพราะทุกคนก็เห็นตั้งแต่แรกว่าฉันป้องกันตัวเพราะพวกเธอสองแม่ลูกนั้นทำร้ายฉันก่อน และฉันเชื่อว่าคนที่นี่จะต้องเป็นพยานให้ฉัน หรือว่าไม่จริง" หนิงเหมยจูพูดกับสองแม่ลูกก่อนจะกวาดสายตากลับมามองชาวบ้านที่ดูเหตุการณ์อยู่ ทุกคนจึงได้แต่พยักหน้าโดยอัตโนมัติ หนิงเหมยจูอดขำในใจไม่ได้สงสัยคงจะกลัวเธอทำร้ายจนขึ้นสมองแน่ๆ เมื่อเดินออกมาก่อนจะนึกอะไรได้จึงเดินกลับเข้าไปหาสองแม่ลูกนั้นอีกครั้ง "ฝากบอกผู้ชายคนนั้นด้วยพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปที่บ้าน ถ้าเกิดฉันเห็นว่าแม่และฮุ่ยหมินมีรอยแม้แต่แมวข่วนฉันพร้อมที่จะฟาดฟันให้พังกันไปข้างหนึ่งไม่เชื่อก็คอยดู" พูดจบเกวียนรับจ้างประจำหมู่บ้านก็มาถึงทำให้ทุกคนจึงทยอยกันขึ้นเกวียน จากนั้นเกวียนเล่มนี้จึงมุ่งหน้าสู่เข้าในตัวอำเภอ เมื่อมาถึงหนิงเหมยจูจึงจ่ายค่าเกวียนก่อนจะเดินไปตามถนน เธอมองสองข้างทางด้วยความสนใจ ตอนนี้มีร้านค้าเริ่มที่จะเปิดขายทั้งสองข้างทางบ้างแล้ว แต่ยังมีไม่มากอาจจะเพราะว่ารัฐเพิ่งจะเปิดให้ทำการค้า สิ่งที่เธอสนใจนั้นไม่ใช่ร้านค้าที่เปิดแถวนี้แต่เธอต้องการที่จะเข้าตลาดมืดและจากความทรงจำที่ตั้งของตลาดมืดนั้นอยู่ไม่ไกลเลย พอมาถึงจุดหมาย หนิงเหมยจูจึงได้บอกรหัสผ่าน และเดินเข้าไปด้านใน ใจจริงวันนี้เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาปล่อยของในมิติออกขาย เพียงแค่จะมามองดูลู่ทางเท่านั้น ว่าสามารถทำอะไรได้บ้างในการหาเงิน แต่ถ้ามีคนมาถามก็คงจะขายเหมือนกัน หนิงเหมยจูดูคนทำการค้าจนหนำใจเธอจึงเดินออกมาจากตลาดมืด เธอรู้แล้วว่าส่วนใหญ่คนในที่นี้ถ้าไม่เช่าร้านก็จะแบกะดินขาย ครั้งหน้าเธอหมายมั่นว่าจะต้องเป็นแม่ค้าให้ได้ เพราะถึงแม้ว่าจะมีเงินเหลืออยู่แต่ถ้าไม่หาเพิ่มอีกไม่นานคงจะหมดไป ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนสามีของเธอจึงจะรักษาขาให้หายได้ เมื่อมาถึงมุมลับตาคนเธอจึงเอารถเข็นคนป่วยที่เธอเอามาจากร้านยาในห้างสรรพสินค้าตอนนั้นออกมาหนึ่งคัน ส่วนไม้เท้าค่อยรอให้ขาสามีของเธอดีขึ้นก่อน การใช้รถเข็นนั้นสำหรับเธอมองว่ามันสะดวกอีกทั้งสามีของเธอจะได้ออกกำลังแขนและสามารถออกมาหน้าบ้านได้หรือเดินทางไปไหนพร้อมกับเธอและลูกน้อยได้โดยไม่ต้องอุ้มหรือแบกเขาไว้ตลอด ไม่อย่างนั้นคนที่จะตายคือเธอแน่นอน ส่วนถ้าต้องเข้าตัวอำเภอเธอไม่ห่วงยังไงก็มีเกวียนรับจ้างอยู่แล้ว หนิงเหมยจูหยิบชุดเด็กน้อยที่คิดว่าลูกสาวของเธอนั้นใส่ได้พอดี และเสื้อผ้าของสามีมาอีกสองสามชุด รวมไปถึงชุดชั้นในทั้งของเด็กและของผู้ชาย ส่วนรองเท่านั้นเธอก็เอาออกมาให้ทั้งสามีและลูกรวมไปถึงของน้องชายและแม่ด้วย เพราะพรุ่งนี้ความตั้งใจของเธอคือกลับบ้านเดิม จากนั้นจึงเอาเนื้อหมูและอาหารต่างๆ ออกมาใส่ในตะกร้ารวมทั้งของที่ต้องการก่อนจะเดินกลับไปขึ้นเกวียนอีกครั้งเพื่อจะกลับบ้านที่สามีและลูกน้อยรออยู่ด้วยหัวใจที่เบิกบาน **********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD