บ้านตง
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนังเหมยจูมันถึงกล้าแบบนี้" กู้หลันหรือแม่เฒ่าตงพูดอย่างไม่พอใจ
"นั่นสิ หรือว่าที่เราได้ข่าวว่าสะใภ้สี่ป่วยเกือบตายนั้นทำให้เธอมีสติขึ้นกว่าเมื่อก่อน" ตงก้านหรือพ่อเฒ่าตงเองก็คิดเหมือนภรรยา เขารู้สึกว่าสะใภ้สี่นั่นดูแปลกตา ถึงแม้ว่าจะยังปากร้าย แต่ไม่น่าจะกล้าและเป็นคนฉลาดแบบนี้
"สะใภ้สี่คงไม่มีทางเลือกแล้วหรือเปล่าคะ หลายเดือนก่อนฉันมีเรื่องกับเธอฉันก็โดนตบเหมือนกัน อาจจะเพราะบ้านน้องสี่ไม่มีอะไรกินแล้วจริงๆ เลยทำให้เธอบ้าได้ขนาดนั้น อีกทั้งฉันได้ข่าวมาว่าสะใภ้สี่เตรียมที่จะหนีไปกับชายหนุ่มที่ชื่ออาซ่างไม่ใช่เหรอ" สะใภ้ใหญ่ไม่คิดว่าหนิงเหมยจูหรือสะใภ้สี่ของบ้านนั้นแปลกเลยสักนิดเดียว เพราะความปากร้ายและมือเท้าหนักแบบนี้ยังเหมือนเดิม แต่ที่สะใภ้สี่ดูเหมือนจะรักลูกเลี้ยงหรือต้องการดูแลสามีนั้นเพราะต้องการทำให้น้องสี่ของสามีตายใจหรือเปล่า
"ฉันเห็นด้วยกับพี่สะใภ้ใหญ่นะแม่สามี ฉันมองว่าสะใภ้สี่อาจจะทำให้พวกเราตายใจหรือเปล่า ฉันแอบเห็นหลายครั้งว่าเธอเคยแอบไปพบอาซ่าง บางทีก็มีแอบไปซื้อหนังสือแล้วเอาไปให้บางครั้งยังเคยเห็นว่าเธอน่าจะยื่นเงินให้ชายหนุ่มคนนั้นด้วยนะคะ" สะใภ้รองพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ เธอเองเคยเห็นหลายครั้งเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดเรื่องนี้มันเริ่มเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน
"ไม่ว่าจะเป็นยังไง เรื่องที่นังสะใภ้สี่ทำร้ายเจ้าใหญ่ฉันก็ไม่ยอมเด็ดขาด ดูสิที่หน้าโดนปากไก่ฟาดเข้าไปจนเป็นแผลเลยเห็นไหม ยังไงนังเหมยจูต้องรับผิดชอบ" แม่เฒ่าตู้ยังคงไม่ยินยอม เธอตั้งใจจะเอาเรื่องสะใภ้สี่ให้ได้
แ ต่กลายเป็นว่าลูกชายคนรองอย่างตงเหวินซู่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทุกคนในบ้านตง รวมถึงภรรยาของเขา ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะจงเกลียดจงชังอะไรนักหนากับเจ้าสี่ การที่แม่ป่วยหนักหลังจากเจ้าสี่คลอดออกมาและเกือบทำให้ไม่มีลูกได้อีกนั้น มันไม่ใช่ความผิดของเด็กเพิ่งจะเกิดอย่างน้องชายเขาเลย อีกทั้งแม่ก็มีน้องห้าน้องสาวคนสุดท้องออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็เรียนอยู่ในอำเภออย่างสบายใจและพักอยู่กับเจ้าสาม
"ผมว่าแม่และทุกคนอยู่เฉยๆ เถอะ หากไปวุ่นวายกับบ้านเจ้าสี่มาก ระวังน้องสะใภ้สี่จะมาแหกอกเอา พี่ใหญ่ได้ลิ้มลองแล้วไม่ใช่เหรอว่าทั้งมือทั้งเท้าของสะใภ้สี่นั้นหนักแค่ไหน ส่วนคุณก็เหมือนกันถ้ายังไปวุ่นวายกับบ้านสี่มากๆ แล้วโดนเธอทำร้ายขึ้นมาอย่ามาฟ้องผมก็แล้วกันผมไม่มีทางช่วยคนทำผิด"
ตงเหวินซู่เอ่ยกับแม่ตัวเองก่อนจะหันมาบอกกับภรรยา จริงๆ แล้วซูหวั่นภรรยาของเขานั้นไม่ใช่คนเลวร้ายแต่เป็นคนหัวอ่อนที่เชื่อแม่และสะใภ้ใหญ่มากไป ไม่ว่าทั้งสองคนให้ทำอะไรเธอก็พร้อมที่จะทำไม่ว่าเรื่องนั้นจะผิดหรือจะถูก เมื่อพูดจบเขาจึงเดินเข้าห้องพร้อมกับลูกสาววัยหกขวบของตัวเอง
"เจ้ารองมันลูกเราหรือเปล่าทำไมความคิดมันผิดแปลกไปแบบนี้ครอบครัวตัวเองโดนทำร้าย ไม่ยอมช่วยแต่ยังกลับไปเข้าข้างนังสะใภ้สี่อีก สะใภ้รองเธอพูดกับสามีเธอบ้างนะ" แม่เฒ่าตงพูดอย่างไม่ชอบใจก่อนจะหันไปสั่งลูกสะใภ้ให้ปรามๆ สามีตัวเองบ้าง
เช้าวันถัดมาหนิงหมยจูเตรียมอาหารเช้าไว้ให้สามีและลูกน้อยรวมถึงมื้อเที่ยงไว้ให้เผื่อว่าเธอกลับมาไม่ทัน
"พี่ซีเฉิน อาหารฉันเอามาวางไว้ในห้องให้นะคะ ส่วนมื้อเที่ยงฉันเอาไว้ที่โต๊ะอาหาร วันนี้ฉันทำซาลาเปาไว้ด้วย ห่อใส่ผ้านี้ไว้หากพี่หิวก่อนที่ฉันจะกลับมาพี่กินก่อนได้เลย ฉันจะพยายามกลับมาให้เร็วที่สุด"
เสี่ยวลู่ที่ตื่นขึ้นมาแล้วเมื่อไม่เจอแม่อยู่ในห้องนอน เธอจึงเดินออกมาหาและได้ยินว่าแม่จะเข้าไปในอำเภอ เด็กน้อยจึงเกิดความรู้สึกกลัว กลัวว่าแม่จะไม่กลับมาอีก เมื่อคืนเธอดีใจมากที่แม่ให้เข้ามานอนด้วยในห้อง ปกติเธอจะมี ฟูกอันเล็กนอนอยู่กับพ่อ แม่ไม่เคยให้เธอไปนอนด้วย
แต่เมื่อคืนไม่ใช่แค่ได้นอนในห้องของแม่ท่านั้น แต่เธอยังได้นอนในอ้อมกอดของแม่เหมยจูอีกด้วย พอได้ยินว่าแม่จะไม่อยู่เด็กน้อยน้ำตาปริ่มแต่เลือกที่จะไม่ร้องไห้ให้เห็น เพราะไม่อยากให้แม่เห็นว่าเธออ่อนแอหรือขี้แยไม่มีเหตุผล เดี๋ยวแม่จะไม่รัก หนิงเหมยจูเห็นลูกสาวยืนแอบมองอยู่ตาแดงๆ ก็รู้ว่าเสี่ยวลู่ตัวน้อยนั้นกำลังคิดอะไร เธอจึงกวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม
"เสี่ยวลู่มานี่ก่อนลูก มาหาแม่นี่" เสี่ยวลู่เดินเข้ามาหาแม่อย่างไม่เกี่ยงงอน หนิงเหมยจูจึงพามานั่งบนตักของตัวเองจากนั้นจึงกอดร่างเล็กอย่างหลวมๆ และโยกเบาๆ
"เสี่ยวลู่ฟังแม่นะ แม่เพียงแค่เข้าอำเภอไปซื้อของและซื้อรถเข็นมาให้พ่อ ต่อไปพ่อจะได้ไม่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง และแม่ต้องไปหาซื้ออาหารกลับมาที่บ้านด้วย แล้วหลังจากนี้แม่ต้องพาพ่อไปโรงพยาบาล ถึงตอนนั้นแม่จะพาเสี่ยวลู่ไปด้วย วันนี้เสี่ยวลู่ตัวน้อยของแม่ต้องช่วยดูแลพ่อก่อน เข้าใจไหมลูก แม่สัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด"
หนิงเหมยจูบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ตอนนี้เสี่ยวลู่กลั้นน้ำตาไม่ไหวแล้วเด็กน้อยเมื่อได้รับความอบอุ่นและคำสัญญาจากแม่ที่ตอนนี้เธอรักหมดใจจึงได้ร้องไห้ตัวสั่น
"แม่ ฮือ.. แม่ไม่ทิ้งหนูกับพ่อไปใช่ไหม ฮือๆ"
"ไม่ทิ้งจ๊ะคนเก่ง เด็กดีไม่ร้องนะ แม่ไม่มีทางทิ้งลูกสาวที่น่ารักคนนี้ของแม่ไปไหนแน่ๆ หนูไม่ต้องเป็นกังวล แม่รักหนูนะเลี่ยวลู่ แม้ว่าก่อนหน้านี้แม่อาจจะไม่ใช่คนดี ทั้งเห็นแก่ตัวและขี้เกียจ อีกทั้งไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของลูก แต่แม่สัญญาว่าหลังจากนี้แม่จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว แม่ไม่ขอให้หนูเชื่อ แต่แม่จะทำให้หนูเห็นด้วยตัวของแม่เอง ต่อไปนี้แม่จะเป็นคนปกป้องหนูและครอบครัวของเรา ใครหน้าไหนแม่ก็จะไม่ยอมให้มาทำร้ายพวกเราอีกแล้ว"
หนิงเหมยจูรู้ดีว่าตลอดหนึ่งปีที่แต่งงานกับตงซีเฉินร่างนี้ไม่เคยทำดีกับเด็กน้อยเสี่ยวลู่เลยสักครั้ง ถ้าจะให้เชื่อภายในชั่วข้ามคืนคงยาก แต่เธอจะค่อยๆ ทำให้เห็นเอง และเธอเองก็รักเด็กน้อยคนนี้จนหมดหัวใจ ด้วยความใสซื่อและบริสุทธิ์ของตัวเด็กน้อยเอง ทำให้เธอทั้งรักและอยากปกป้องในเวลาอันรวดเร็ว
"หนูเชื่อแม่ค่ะ หนูจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว หนูจะเข้มแข็ง แม่ไปซื้อของเถอะ หนูจะช่วยดูแลพ่อเอง แม่รีบกลับนะคะ" ตงลู่จิงหรือเสี่ยวลู่ตัวน้อย แม้ว่าจะสี่ขวบเธอก็รับรู้ได้ถึงความรักที่แม่เหมยจูมอบให้ เด็กน้อยจึงเช็ดน้ำตาออกก่อนจะรับปากว่าจะดูแลพ่อเองแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนตงซีเฉินมองสองแม่ลูกคุยกันก็เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวและเขาก็เชื่อมั่นว่าหนิงเหมยจูคนนี้ต้องกลับมาหาเขาและลูกสาวอย่างแน่นอน
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหนิงเหมยจูจึงเอาตะกร้าสะพายหลังจากนั้นจึงเดินไปรอขึ้นเกวียนเพื่อจะเข้าไปในอำเภอ แต่เหมือนว่าเธอจะลืมดูฤกษ์ยามหรือเปล่า ถึงเจอกับศัตรูคนสำคัญของเจ้าของร่างนี้อย่างเช่นแม่เลี้ยงและน้องสาวคนละแม่ของตัวเอง
"โอ้โห ไม่คิดว่าลูกสาวคนโตของบ้านหนิงจะจับตะกร้าสะพายหลังเข้าอำเภอ ไม่รู้ว่าจะไปซื้อของหรือต้องการจะไปหาใคร" หนิงเพ่ยชิงจีบปากจีบคอพูด
"ถ้าไม่พูดฉันคงคิดว่าเธอเป็นคนนอกบ้านหนิงนะเพ่ยชิง ส่วนฉันจะไปไหนมันหนักหัวเธอเหรอ" หนิงเหมยจูใช้สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเดินไปรวมกับคืนอื่นๆ ที่ยืนรอเกวียนประจำของหมูบ้าน
********************