พัชราที่มองและเตรียมตั้งรับอยู่แล้วจึงได้จับแขนของเพื่อนสาวอย่างวีณาจากนั้นเหวี่ยงสุดแรงจนวีณากระเด็นไปกระแทกโต๊ะอาหาร
"ตุ๊บ! โอ้ย! พี่กฤษณ์ขาวีเจ็บจังเลย นังพัชมันจะฆ่าวีแล้ว" วีณาส่งเสียงออดอ้อนให้กฤษณ์ชายหนุ่มที่เธอแย่งและมีความสัมพันธ์ด้วยให้ช่วยเหลือ แต่กฤษณ์กลับยืนเฉย หากต้องเลือกระหว่างวีณาที่ผ่านใครต่อใครมานับไม่ถ้วนและ พัชราคนที่สะอาดไม่เคยผ่านมือชายคนไหนและยังสามารถช่วยเหลือจุนเจือเขาได้เสมอ เขาขอเลือกพัชราดีกว่า
"พัชพี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่นะ ต่อไปพี่จะไม่ทำแล้ว"
กฤษณ์พยายามเดินเข้าหาคนรัก แต่มีเหรอพัชราจะยอม ในเมื่อรักกันมากยอมแม้กระทั่งหักหลังเธอ ในเมื่อกล้าขอโอกาสเธอก็จะให้แต่ไม่ใช่โอกาสนะ แต่เป็นต้องลอยในอากาศแทน พัชราจับแขนอดีตคนรักเหวี่ยงและทุ่มสุดแรงจนร่างของชายหนุ่มกระแทกกับกำแพงห้อง จนชายหนุ่มจุกจนลุกแทบไม่ไหว ผ้าขนหนูกับตัวคนอยู่คนละทิศคนละทาง
"เฮ้อ... พัชดีแล้วที่แกตัดใจ ดูสิหนอนชาเขียวชัดๆ ไม่เข้าใจจะแย่งทำไม สู้หนุ่มไปบาร์โฮสต์ไม่ได้ จับนี่เต็มไม้เต็มมือเชียว"
"ไอ้เก๋ แกพูดเหมือนเคยลอง ว่าแต่แกไปกับพี่ๆ ช่างแต่งหน้าบ่อยไม่ใช่หรือไง" พัชราอดขำเพื่อนสาวไม่ได้ ปากดีอย่างนี้แต่ใครจะคิดว่ายายเก๋เพื่อนของเธอยังเวอร์จิ้น
"อย่าพูดมาก คืนนี้จะพาไปฉลอง ที่สลัดผู้ชายแบบนี้พ้นจากชีวิตของแกเสียที ส่วนแกยายวี อยากได้ผู้ชายคนนี้มากก็เอาไป ฉันเชื่อว่ายายพัชมันหาได้ดีกว่านี้แน่นอน"
"ใช่วี ถ้าเธออยากได้บอกฉันตรงๆ ฉันยินดียกให้ ในเมื่อผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรเลย มีแต่เปลือกเท่านั้น ฉันไม่คิดนะว่ามิตรภาพคำว่าเพื่อนระหว่างเรา มันจะมาจบเพราะผู้ชายห่วยๆ อ้อ! แล้วอย่าคิดที่จะเล่นตุกติกล่ะทั้งคู่เลย เพราะคลิปที่พวกแกมีอะไรกัน ฉันถ่ายไว้หมดแล้ว
แต่ขอพูดหน่อยนะ ลีลาท่าทางของทั้งสองคนใช้ไม่ได้เลยนะ ยิ่งเสียงร้องคราง ฉันกับยายเก๋ได้ยินนี่แทบจะหลับ ดีที่มีเกมส์ให้เล่น หากครั้งต่อไปจะมีอะไรกันช่วยปรับปรุงท่าทางและเสียงด้วยนะ พัฒนาให้ดีขึ้นหน่อย เผื่อใครผ่านมาได้ยินจะได้ไม่อายเขา
ไปกันเถอะยายเก๋ วันนี้ฉันเลี้ยงเองไปฉลองความโสดที่เอาปลิงทั้งสองตัวออกไปจากฉันได้ แต่ก็ว่านะทั้งสองคน ฉันให้เวลาแค่สามวันเท่านั้นนะจ๊ะ หวังว่าจะเข้าใจ"
พูดจบพัชราพูดจบก็ควงแขนเพื่อนสนิทเดินออกจากห้องไปแบบสวยๆ และไม่คิดจะสนใจสายตาสองคู่ที่มองตามมา
หลังจากวันนั้นนี่ก็หนึ่งอาทิตย์แล้วที่เธอเลิกกับคนรัก ใครหลายคนรู้เรื่องต่างก็พากันเห็นใจ แต่พัชราไม่มีแววตาและอาการของคนเสียใจเลยสักนิดเดียว แต่สั่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอฝันเห็นครอบครัวหนึ่ง คนที่เป็นสามีนั้นกำลังนอนติดเตียงเพราะเกิดจากการลื่นตกเขา มีลูกสาวเพียงคนเดียวที่ต้องดูแลทั้งๆ ที่เด็กน้อยอายุเพียงสามสี่ขวบเท่านั้น เห้อ...ชีวิตอนาถแท้ ว่าแต่แล้วแม่ของเด็กและภรรยาของชายหนุ่มคนนี้ไปไหน
สักพักภาพตัดไปที่หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังยืนเขินอาย ชายหนุ่มคนนี้ดูทรงแล้วน่าจะเป็นเด็กเรียนแต่แววตาของชายคนนั้นดูหลุกหลิกชอบกล
"เหมยจู เก็บของเตรียมพร้อมหรือยัง กลางเดือนหน้าผมจะเข้าปักกิ่งแล้วนะ เหมยจูจะไปกับผมหรือเปล่า"
"ไปสิ ตอนนี้ฉันรวบรวมเงินและของมีค่าเตรียมไว้หมดแล้ว อาซ่างไม่ต้องกลัวนะฉันจะไปพร้อมกับนายเอง ฉันจะดูแลนายจนเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่หลังจากนั้นนายอย่าทิ้งฉันก็แล้วกัน" หนิงเหมยจูพูดอย่างเขินอาย
"แล้วไม่เสียใจเหรอ ที่ต้องทิ้งสามีและลูกเลี้ยงไปแบบนั้น"
"แล้วยังไง ฉันอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ตอนนี้เขายังมาเจ็บป่วยหาเงินไม่ได้ ฉันต้องมานั่งเลี้ยงดูคนพิการเหรอ ไหนจะเด็กบ้านั่นอีก ไม่เอาด้วยหรอก สู้ฉันไปเริ่มชีวิตใหม่กับนายไม่ดีกว่าหรือยังไง"
จะให้เธอต้องมาเลี้ยงสามีที่แต่งงานมาเป็นปีแต่ไม่เคยมีอะไรด้วยเนี่ยนะและยังต้องมาดูแลเด็กบ้านั่นอีก พอแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาไม่เอาด้วยหรอก ยังมีแม่สามีที่ร้ายแสนร้ายแล้วยังบรรดาสะใภ้ทั้งหลายอีก พอที ลาก่อน
พัชรายืนฟังทั้งคู่คุยกัน เธออยากจะจับหญิงสาวคนนี้มาหักคอเสียจริง ลูกเลี้ยงแล้วยังไง สามีพิการแล้วยังไง ทำไมก่อนแต่งไม่รู้จักคิด พอคนเป็นสามีป่วยหาเลี้ยงไม่ได้กลับคิดที่จะทิ้งเขาไป ไม่ทิ้งเปล่า ดันตามชู้ไปนี่สิ คิดเหรอว่าเด็กหนุ่มมันจะจริงใจด้วย แบบนี้มันน่าจับถ่วงน้ำแห่ประจานจริงๆ เท่าที่ได้ยินการพูดคุยน่าจะอยู่ในช่วงที่ลำบากของจีนและเพิ่งจะเปิดการสอบมหาลัยแน่นอน ถ้าเป็นเธอนะเธอจะประจานมันทั้งสองคนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย สงสารแต่ชะตาของสามีและเด็กน้อยเพียงเท่านั้น
"เฮือก!! เอาอีกแล้วไอ้พัช แกฝันเหมือนเดิมอีกแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" พัชราสะดุ้งตื่นขึ้นมา ได้แต่พึมพำคนเดียว จากนั้นจึงลุกขึ้นมาหยิบน้ำในตู้เย็นมารินใส่แก้ว แต่แล้วอยู่ๆ แก้วน้ำในมือนั้นหายไปต่ออหน้าต่อตา
"เชี้ย!! ผีหลอกตอนดึกหรือไงว่ะไอ้พัช"
พัชราสะดุ้งโหยง แทบจะกระโดดไปอยู่มุมห้อง เมื่อตั้งสติได้เธอจึงใช้สายตาเพ่งมองหาแก้วน้ำใบเดิม จนเห็นว่าแก้วน้ำนั้นอยู่ในพื้นที่ที่เหมือนจะเป็นห้องเปล่าๆ พื้นที่โล่งๆ แต่กลับมีสระน้ำสีเขียวมรกตอยู่ด้านข้างเป็นสระเล็กๆ แต่ว่ามันที่ไหนกันล่ะ หรือว่า...ไม่จริงหรอกมั้ง มิติมันมีแต่ในนิยายเท่านั้นนะ
"ไอ้พัชหรือว่าแกอ่านนิยายมากไป จนสมองกลับ คิดเป็นตุเป็นตะแล้ว แต่ว่า...ไม่ลองไม่รู้นี่หว่า" เมื่อคิดได้อย่างนั้น จึงเรียกแก้วน้ำออกมา และมันออกมาจริงๆ ด้วย แถมในห้องนั้นยังมีแก้วน้ำเหมือนกันเด๊ะวางอยู่เหมือนเดิม ที่สำคัญน้ำในแก้วยังเย็นอยู่
"เอ๋ หรือว่ามิตินี้สามารถก๊อบปี้ของได้เหรอ เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วไอ้พัช"
พัชราเดินไปที่ตู้เย็น ก่อนจะเอามือแตะแล้วพูดว่าเก็บ กลายเป็นว่าตู้เย็นหายไปจากตรงนั้นแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในมิติของเธอจริงๆ ด้วย เมื่อคิดว่านิ้วตัวเองนั้นเป็นนิ้วทองคำเธอจึงเริ่มเอาของเข้าออกเพื่อสร้างความชำนาญให้ตัวเอง ตอนนี้กลายเป็นว่าพื้นที่ในมิติกลับขยายขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้
"หรือว่าแกจะได้ทะลุมิติแบบในนิยาย ยิ่งฝันแปลกๆ มาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย ดีเหมือนกันเช้านี้รอห้างเปิดฉันจะไปช๊อปปิ้งให้หนำใจเลย"
พัชรานั่งจดรายการของที่ต้องการ มีทั้งแผนกอาหาร ของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า ทั้งชายหญิง และของเด็ก ยา และเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว อุปกรณ์การเกษตร เมล็ดผักต่างๆ ที่ขาดไม่ได้เลยคือจักรยานและรถมอเตอร์ไซค์รวมถึงน้ำมัน แม้กระทั่งอุปกรณ์การแพทย์บางอย่างที่หาไม่ยาก
พัชรานั่งจดรายการไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ของที่เธอต้องการนั้นอยู่ในหน้ากระดาษเอสี่เกือบยี่สิบห้าแผ่น เอาง่ายๆ คือปัจจัยสี่เกือบทุกอย่างที่จดลงไป หากคิดดีๆ คงจะทั้งห้างแล้วล่ะ
"เห้ย! มากไปหรือเปล่า ถ้าเกิดไม่ได้ทะลุมิติขึ้นมาจะเอาของพวกนี้ไปไหน อย่างมากก็แค่เอาไปบริจาคเนอะ" พัชราพูดเองเออเองคนเดียว จากนั้นนั่งจดสิ่งที่ต้องการต่อ
"เอาล่ะ หนังสือ สมุด ปากกา ดินสอ ไม่ลืม ที่สำคัญหนังสือนิยายที่ชอบอ่าน แต่ว่าหากไปที่นั่นจริง ฉันจะทำอาชีพอะไร ฉันมีเวลากี่วัน เห้อ เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้ คงจะต้องไปสำเพ็ง ประตูน้ำสักหน่อยแล้ว หาของไปขาย"
จากนั้นพัชรายังคงนั่งจดรายการต่อว่าต้องการอะไรเพิ่มบ้างเพื่อจะเป็นอาชีพให้เธอได้ หากให้เธอทำไร่ทำงานก็ไหวนะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กกำพร้า แต่ถ้ามีลู่ทางที่ดีกว่าก็ไม่ขอเลือกทำนาก็แล้วกัน
********************