บทที่ 27 การเสียสละของเสี่ยวลู่

2105 Words
หนิงเหมยจูถามด้วยความไม่เข้าใจ จนเสี่ยวลู่เดินเข้ามาบอกด้วยสีหน้าสำนึกผิด "แม่เหมยจู หนูขอโทษ หนูบอกลุงคนนี้ว่าพ่อกินยาแล้วหาย คุณยายเลยคงจะขอยาจากแม่" หนิงเหมยจูมองหน้าลูกสาว จะดุก็กลัวลูกจะตกใจ แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลยคงไม่ดี "เสี่ยวลู่มาหาแม่มา" "หนูจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าเกิดคนที่ลูกบอกไม่ใช่ครอบครัวของของคุณยายอ้ายเจิน ครอบครัวเราจะเกิดอันตรายนะลูก ถ้าหากมีคนไม่ดีรู้ว่าแม่มียาวิเศษอยู่ หนูเข้าใจที่แม่พูดไหม" หนิงเหมยจูอุ้มเด็กน้อยมานั่งตัก กอดประโลมเสี่ยวลู่ที่ตอนนี้กำลังร้องไห้ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "ฮือๆๆ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูขอโทษ หนูสงสารคุณลุงที่ต้องนั่งรถเข็นแบบนี้ไปตลอด หนูเลยอยากให้คุณลุงหาย ฮึก...หนูเลยหลุดปากพูดออกไป หนูคิดว่าพ่อกินยาวันเดียวแล้วก็ลุกขึ้นดินได้ ถ้าคุณลุงได้กินคุณลุงต้องเดินได้เหมือนกัน ฮือๆๆ" เมื่อพูดจบเสี่ยวลู่ตัวน้อยก็ร้องไห้โฮออกมาก เธอรู้ว่าผิดแต่เธอสงสารคุณลุงคนนี้มาก "เสี่ยวลู่ไม่ร้อง เรามาคุยกันด้วยเหตุผลนะคะ หนูอยากช่วยคนนี้เพราะอะไร" หนิงเหมยจูคุยกับลูกสาวด้วยเสียงที่อ่อนโยน เธอไม่อยากให้เสี่ยวลู่ร้องไห้หรือเสียใจ แต่ถ้าไม่คุยกันด้วยเหตุผลเกิดมาใครพิการมาที่บ้านเสี่ยวลู่คงจะช่วยไปเสียหมด "หนูเห็นคุณลุงยิ้ม แต่ดวงตาของคุณลุงนั้นเศร้ามาก หนูรู้ว่าหนูผิดค่ะแม่ แม่ช่วยคุณลุงได้ไหม ต่อไปหนูสัญญาว่าจะไม่พูดกับใครอีก หนูจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะเชื่อฟังพ่อซีเฉิน แม่เหมยจู ยายเจียจิ่น น้าฮุ่ย หนู...หนูไม่เอาจักรยานแล้วก็ได้ค่ะ หนูไม่ทำการค้าแล้ว" เสี่ยวลู่รับคำหนักแน่น ทำเอาคนที่ยืนฟังอมยิ้มตาม "หนูจะไม่กินขนมด้วยใช่ไหม ถ้าเกิดแม่ช่วยคุณลุงคุณนี้" หนิงเหมยจูใจอ่อนยวบ ลูกสาวเธอรู้จักเห็นใจคนอื่น และยอมแลกทุกอย่างเพื่อช่วยคุณลุงตรงหน้า เสี่ยวลู่ทำท่าคิดหนัก แต่สุดท้ายแล้วเธอยอมที่จะอดขนมและทุกอย่าง "ตกลงค่ะ หนูจะไม่กินขนมที่แม่ทำก็ได้ค่ะ รวมทั้งขนมที่ทุกคนในบ้านซื้อให้ด้วย" เสี่ยวลู่ยิ้มหวานให้แม่ ก่อนจะลุกและวิ่งไปหาคุณลุงที่นั่งอยู่บนรถเข็น "คุณลุงขา ถ้าเกิดคุณลุงหายแล้ว คุณลุงต้องซื้อขนมมาให้เสี่ยวลู่บ่อยๆ นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่กินขนมที่แม่ทำและที่ทุกคนในบ้านซื้อให้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะอดขนมที่คุณลุงซื้อให้นี่ค่ะ จริงไหม" เสี่ยวลู่ยิ้มหวาน ป้านเซียงเหวินหัวเราะเสียงดังลั่นกับความเจ้าเล่ห์ของหนูน้อยคนนี้ แต่เขารู้สึกขอบคุณเสี่ยวลู่มากที่ยอมยื่นข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองกับแม่เพื่อช่วยเขา ส่วนซีเฉินเองก็หัวเราะกับความแสบของเสี่ยวลู่เช่นกัน "แสบจริงๆ เลยนะเสี่ยวลู่ ก็ได้ค่ะคนเก่งแม่จะให้ยาแก่คุณลุงคนนี้ แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ ที่ยอมเสียสละทุกอย่างของตัวเองเพื่อช่วยคุณลุงท่านนี้" "ป้าอ้ายเจินค่ะ ที่ฉันช่วยส่วนหนึ่งมาจากเสี่ยวลู่ แต่อีกส่วนหนึ่งฉันเชื่อว่าป้าจะไม่บอกใครว่าลูกชายของป้าเดินได้เพราะอะไร และช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะคะ ฉันไม่อยากให้หมอคนที่ให้สิ่งนี้กับฉันมาต้องเดือดร้อน เพราะท่านเป็นคนสันโดษและอยู่ไม่เป็นที่ มันไม่ง่ายเลยกว่าที่ฉันจะได้มันมา" หนิงเหมยจูเลือกที่จะบอกว่าได้จากคนอื่นมา "และที่สำคัญที่ฉันช่วยฉันเชื่อว่าป้าอ้ายเจินและครอบครัวเป็นคนดี" เธอพูดจบจึงเดินเข้าไปในห้องและหายเข้าไปในมิติ จากนั้นตักน้ำมรกตในบ่อใส่ขวด แต่พอคิดว่าเอาออกไปนี้มันน่าสงสัยจนเกินไป และถ้าเอาผสมยาแก้ปวดหรือยาพาราก็คงไม่ดีแน่ เมื่อความคิดสวนทางหนิงเหมยจูจึงเดินไปดูว่าพอจะผสมอะไรได้บ้าง เมื่อเห็นมีหัวเชื้อน้ำผลไม้ และมีหัวเชื้อโสมที่ใช้ผสมกับยา เธอจึงเอาโสมมาผสมกับน้ำได้สองขวด และผสมกับน้ำผลไม้อีกสองขวด ในเมื่อคิดจะช่วยก็ช่วยทั้งครอบครัวเลยก็แล้วกัน จากนั้นจึงออกมาจากมิติและออกจากห้องเดินตรงมาหาป้าอ้ายเจิน "นี่ค่ะ ฉันไม่แน่ใจว่าจะขมหรือเปล่า ของพี่ซีเฉินฉันใส่ในอาหาร แต่อาการหลังจากที่กินแล้วป้าต้องถามพี่ซีเฉินเองว่าเป็นยังไง ส่วนอันนี้ฉันให้คุณลุงเพราะเหมือนว่าคุณลุงจะเดินไม่สะดวกเท่าไหร่ ขวดนี้ป้าอ้ายเจินดื่มเถอะ ต่อให้ไม่เป็นอะไรก็คิดว่าปรับร่างกายให้ดีขึ้น" ป้านเซียงเหวินน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าเขายังมีโอกาสที่จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง อ้ายเจินเองไม่คิดว่าเหมยจูจะยอมช่วยลูกชายของเธอ ส่วนท่านนายพลป้านเองก็ซาบซึ้งสิ่งที่หนิงเหมยจูและสามีที่มอบให้ลูกชายเขา "ขอบใจมากนะเหมยจู ซีเฉินที่ยอมช่วยเซียงเหวิน หลังจากนี้มีอะไรให้ลุงช่วย บอกลุงได้เลยนะ ลุงช่วยเต็มที่เลย และคนที่ลุงต้องขอบใจมากๆ ก็คือเสี่ยวลู่หนูน้อยคนนี้ ตาขอบใจเสี่ยวลู่มากนะลูก" ป้านอ้าวเทียนบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงใจและรู้สึกขอบคุณบ้านสี่ตงเป็นอย่างมาก ยิ่งแม่หนูน้อยวัยไม่ถึงห้าขวบคนนี้ด้วยแล้วเขายิ่งต้องขอบคุณ แต่ภายในใจนั้นกลับเอ็นดูเสี่ยวลู่ตัวน้อยเป็นอย่างมากที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกชายของเขา "ผมขอให้เรื่องนี้เรารู้กันแค่นี้นะครับ ผมไม่อยากให้เหมยจูภรรยาของผมนั้นเป็นอันตราย" ตงซีเฉินที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น เขาเลือกที่จะไม่ถามและไม่สงสัยภรรยา เขาคิดเพียงว่าวันหนึ่งหากเหมยจูมั่นใจและเชื่อใจเขาเต็มหัวใจ เธอคงจะเล่าทุกอย่างให้เขาฟังเอง แต่หลังจากนี้ไปเขาต้องปกป้องเธอให้มากที่สุดและต้องให้ดีขึ้นกว่าเดิม เขาเชื่อว่าภรรยาของเขาคนนี้ต้องมีความลับบางอย่างที่บอกใครไม่ได้แน่นอน สามคนพ่อแม่ลูกตระกูลป้านกล่าวคำสัญญาหนักแน่น ว่าเรื่องนี้จะไม่บอกใครเด็ดขาด แม้แต่เสี่ยวลู่ตัวน้อยยังพยักหน้าหงึกหงักและสัญญาด้วยท่าทางที่จริงจังด้วยเช่นกัน เมื่อเรื่องรักษาขาจบแล้ว หนิงเหมยจูจึงถามถึงเรื่องที่ทั้งสามคนมาที่นี่ "ป้าอ้ายจินและครอบครัวมาที่นี่นอกจากเรื่องอาการป่วยของพี่เซียงเหวินแล้วยังมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" "จริงๆ แล้วเรื่องขาของเซียงเหวินนั้นเป็นเรื่องรองเพราะป้าเองก็เพิ่งจะรู้ว่าซีเฉินรักษาขาหายแล้ว แต่คนที่ต้องการมาจริงๆ คือเซียงเหวิน เขาต้องการมาเจรจาธุรกิจกับเราและสามี" อ้ายเจินบอกด้วยรอยยิ้ม "ใช่เหมยจู ซีเฉิน พี่ต้องการที่จะรับซื้อรถเข็นจำนวนมากส่งขายทั่วทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และมณฑลต่างๆ ทั่วประเทศ พี่มีร้านค้าและเครือข่ายของตัวเองยังรวมไปถึงของสหายด้วยเหมือนกัน อีกทั้งพี่ตั้งใจจะเข้าไปติดต่อที่โรงพยาบาลเพื่อเสนอขายรถเข็นนี้ เราทั้งสองคนว่ายังไง สนใจจะทำการค้ากับพี่ไหม" ป้านเซียงเหวินพูดเรื่องที่เขาต้องการมาที่นี่ให้สองสามีได้รู้ ยิ่งตอนนี้ถ้าเกิดขาของเขาหายจริงๆ เขาเชื่อว่ายอดขายต้องไปไกลกว่านี้แน่ๆ เพราะเขาสามารถเดินทางได้เหมือนเดิมแล้ว ดีไม่ดีเขาจะชวนสองสามีร่วมหุ้นเปิดเป็นโรงงานผลิตเองเสียเลย จะได้ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ หนิงเหมยจูมองหน้าตงซีเฉินสามีของเธอด้วยความตื่นเต้น ใครจะคิดว่าป้าอ้ายเจินนั้นจะเป็นขาทองคำให้เธอไว้เกาะขนาดนี้ ก่อนหน้านี้แค่ขายได้เจ็ดคันรวมของชาวบ้านด้วยก็ถือว่าเยอะแล้วนะ แล้วตอนนี้พี่เซียงเหวินต้องการสินค้าเป็นจำนวนมากจะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้ยังไง "แล้วแต่น้องเลย การค้าครั้งนี้เป็นของน้อง พี่อาจจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่พี่ก็จะอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้น้องด้วยอีกแรง" ตงซีเฉินอยากให้ภรรยาของเขาตัดใจด้วยตัวเอง หากเธออยากจะทำการค้ากับพี่เซียงเหวินเขาก็ไม่ห้ามและจะสนับสนุนด้วย แต่ถ้าเกิดไม่ทำเขาก็ไม่ว่าอะไร "พี่เซียงเหวินต้องการเยอะไหม" "ชุดแรกพี่ต้องการสามร้อยคัน เหมยจูเสนอราคามาให้พี่หน่อย พี่อยากจะรู้ว่าพี่ต้องเอาไปขายราคาเท่าไหร่" "ฉันให้พี่คันละสามร้อยห้าสิบหยวน แล้วแต่ว่าพี่จะเอาไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่พี่ แต่ฉันเคยขายคันละห้าร้อยหยวนฉันไม่อยากให้ราคากระโดดกันมาก แต่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้หรือสถานที่ที่มีแต่คนมีเงิน พี่จะขึ้นราคาก็ได้ฉันไม่ห้าม ฉันรู้ว่ามันต้องมีค่าขนส่งและค่าเดินทาง" หนิงเหมยจูเข้าใจเรื่องการทำธุรกิจ ว่านอกจากต้นทุนแล้วยังมีค่าขนส่งค่าเดินทาง ยิ่งถ้าเสนอเข้าขายในโรงพยาบาลจะต้องมีค่าน้ำร้อนน้ำชาอีก "ตกลง พี่บอกเราก็ได้ว่าพี่ตั้งใจขายคันละหกร้อยถึงหกร้อยห้าสิบหยวน ขึ้นอยู่กับระยะทางและสถานที่นั้นๆ ส่วนโรงพยาบาลคงจะห้าร้อยหรืออาจจะลงมานิดหน่อย การทำธุรกิจนอกจากจะมีต้นทุนยังมีเรื่องขนส่งและอื่นๆ อีกมากมาย เราเข้าใจตรงนี้ใช่ไหม" ป้านเซียงเหวินกลัวว่าสองสามีภรรยาจะคิดว่าเขาค้ากำไรเกินควร จึงรีบอธิบาย "ฮ่าๆๆ พี่เซียงเหวินไม่ต้องอธิบายขนาดนั้นฉันและพี่ซีเฉินเข้าใจ แต่ฉันต้องขอเวลาสักอาทิตย์ได้ไหมจำนวนสั่งมันเยอะ หรือพี่ต้องการวันไหนบอกมาได้เลย" "เอาที่เราสะดวก หนึ่งอาทิตย์ก็ได้ อีกสองวันพี่จะนำเงินทั้งหมดมาให้นะ ว่าแต่พี่ขอสั่งจักรยานให้เสี่ยวลู่สิบคันด้วยนะพี่จ่ายให้เอง" ป้านเซียงเหวินตกลงซื้อขายกับหนิงเหมยจูและเขาจำได้ว่าเด็กน้อยคนนี้อยากได้จักรยานมาทำธุรกิจ เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กน้อยจะเอาทำอะไร แต่เขาอยากตอบแทนแม้ว่าจะเป็นแค่สิ่งของเล็กๆน้อยๆก็ตาม "ไม่ต้องหรอกค่ะคุณลุง หนูไม่เอาหรอก หนูสัญญาแล้วว่าไม่ทำการค้าของตัวเองแล้ว" เสี่ยวลู่รีบปฏิเสธ ขนาดสามคันเธอยังต้องให้น้าฮุ่ยทำสัญญากับยายเลยแล้วสิบคันมันต้องใช้เงินเยอะมากๆ แน่เลย "เสี่ยวลู่สัญญากับแม่ไม่ได้สัญญากับลุงเสียหน่อย ลุงเต็มใจให้เป็นน้ำใจที่เสี่ยวลู่ยอมเสียสละของตัวเองเพื่อจะช่วยลุงคนนี้ แล้วอีกอย่างลุงอยากเป็นพี่น้องกับซีเฉินพ่อของเสี่ยวลู่จริงๆ ดังนั้นเสี่ยวลู่จึงไม่ต่างอะไรกับหลานสาวของลุงไงล่ะ" ป้านเซียงเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม เขาอยากรับตงซีเฉินเป็นน้องชาย ทางที่ดีพ่อและแม่ควรจะรับตงซีเฉนเป็นลูกบุญธรรม ********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD