ความสงสัยที่ค้างคาอยู่ภายในใจของพิมรักกระจ่างชัดในทันที เมื่อได้อ่านเอกสารที่ทนายร่างยักษ์ในชุดสูทสีน้ำตาลไหม้มอบให้
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ ศีรษะทุยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำขลับราวกับสีของถ่านส่ายไปมา
“พิม... พิมไม่ยอมนะคะ ไม่ยอม...”
“ถ้าเธอไม่ยอม ฉันก็จะโทรยกเลิกตั๋วเครื่องบินกับเลขาฯ เดี๋ยวนี้”
อลันใจร้ายเหลือเกิน ไหนเขาบอกว่าเป็นห่วงอเล็กซานเดอร์ไงล่ะ แต่นี่เขากำลังเอาความเป็นความตายของลูกชายมาบีบคั้นหล่อน
น้ำตาของหล่อนไหลรินอาบสองแก้ม หล่อนเห็นทนายร่างยักษ์ที่จ้องมองมาด้วยความเวทนา แต่สำหรับอลัน กลับไม่มีความเมตตาใดๆ จากนัยน์ตาสีฟ้าครามคู่นั้นเลย
“ว่าไงล่ะ ฉันต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้”
“แต่... ในสัญญานี้ พิมจะต้องยกอเล็กให้กับคุณอลันคนเดียว ซึ่งพิมไม่...”
“ใช่... เธอต้องเซ็นต์ยินยอมให้ฉันดูแลและปกครองอเล็กแต่เพียงผู้เดียว เซ็นชื่อซะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจไม่ทำอะไรเลย”
“คุณอลัน... อึก... คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ พิมเป็นแม่ของอเล็ก พิม...”
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ในเมื่อเธอใจร้ายกับฉันก่อน พิมรัก”
“พิม...”
“ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอายังไง เพราะถ้าช้าไปกว่านี้ เราอาจจะพลาดตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่จองเอาไว้ก็ได้นะ”
เขาข่มขู่หล่อนทุกวิถีทาง และหล่อนก็โง่เขลาเหลือเกินที่ไม่อาจจะต่อกรอะไรกับอลันได้เลย
ถ้าไม่เซ็นชื่อลงไปในสัญญานี้ อเล็กซานเดอร์ก็จะไม่มีเลือดสำรองไว้ใช้ตอนผ่าตัด
ทำไมอลันถึงได้ใจร้ายกับหล่อนแบบนี้นะ เขาร้ายกาจเหลือเกิน
“ดูท่าทางแล้ว เธอเหมือนจะไม่ตกลงนะ งั้นฉันคงต้องยกเลิกตั๋วบินเที่ยวนี้”
“ตก... ตกลงค่ะ พิม... ยอมค่ะ” หล่อนตอบออกไปทั้งน้ำตา
ผู้ชนะหัวเราะเหยียดหยัน ดวงตาสีฟ้าครามที่จ้องมองมามีแต่โทสะ
“งั้นก็เซ็นชื่อลงไปสิ อย่าช้า”
ปากกาถูกเลื่อนมาตรงหน้า หล่อนไม่มีทางเลือกอีกแล้วสินะ
มือเล็กสั่นเทายื่นไปกุมปากกามาถือเอาไว้ ก่อนจะตวัดลายมือลงไปบนสัญญาร้ายของอลัน
“ฉบับนี้ด้วย”
แล้วเขาก็เลื่อนสัญญาอีกฉบับที่มีข้อความเหมือนกันมาตรงหน้าของหล่อน
“รีบเซ็นเข้าสิ เราจะได้รีบเดินทางไปสนามบินด้วยกัน”
น้ำตาของหล่อนหยดลงบนเอกสารสีขาวจนเป็นรอยเปื้อน ก่อนจะเลื่อนเอกสารคืนคนใจร้ายไปหลังจากเซ็นชื่อแล้ว
“เก็บเอาไว้หนึ่งฉบับ เธอจะได้เอาไว้อ่านทบทวนว่าอะไรที่เธอทำได้ และทำไม่ได้เกี่ยวกับลูกชายของฉัน”
เขาเน้นคำว่า ‘ลูกชายของฉัน’ ชัดเจนกว่าทุกคนในประโยคเดียวกัน
หล่อนไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาออกไปอีก นอกจากก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น จนกระทั่งทนายความปลีกตัวเดินออกไป คนใจร้ายจึงได้ทำลายความเงียบขึ้นด้วยถ้อยคำเหี้ยมโหด
“หลังจากอเล็กออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันจะพาเขากลับมาที่นี่”
พิมรักเงยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตามองเขา มองด้วยแววตาเจ็บปวด
“ได้โปรด... อย่าพรากอเล็กไปจากพิมเลยค่ะ พิมคงอยู่ไม่ได้... ถ้าไม่มีอเล็ก...”
“แล้วที่เธอซ่อนลูกชายเอาไว้จากฉันถึงหกปีล่ะ เธอทำได้ยังไง”
“พิม...”
“เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสเธอบินตามมาอยู่ที่นี่ด้วยก็ได้ แต่ในฐานะพี่เลี้ยงลูกของฉันนะ อ้อ... แล้วอีกตำแหน่งหนึ่งก็คือ นางบำเรอของฉัน”
“คุณอลัน...”
หล่อนเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว มองเขาอย่างตัดพ้อ
ทำไมเขาใจร้ายกับหล่อนนักนะ
“แต่ถ้าเธอทำอะไรให้ฉันไม่พอใจเมื่อไหร่ ฉันมีสิทธิ์ไล่เธอออกไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ”
แล้วคนตัวโตที่หัวใจน่าจะทำจากแผ่นศิลาก็เดินผ่านร่างของหล่อนตรงไปยังประตูห้องสมุด ก่อนจะหยุดที่ปากประตู
“อย่าชักช้าล่ะ เดี๋ยวจะไปทันเที่ยวบิน”
หล่อนตั้งท่าจะเดินตามคนใจร้ายออกไปจากห้องสมุด แต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อทันทีที่อลันเปิดประตูออกไป ก็พบว่าโซเฟียยืนอยู่
“อ้าว โซเฟีย พี่นึกว่าน้องกลับไปแล้วเสียอีก”
“น้อง... ไปนั่งเล่นในสวนมาน่ะค่ะ แล้วนี่พี่ชายกำลังจะไปไหนเหรอคะ”
โซเฟียมองสอดเข้าไปด้านหลังของพี่ชายก็พบว่าพิมรักกำลังยืนตัวสั่นเทาอยู่
อีพิมรัก!
“แล้วนั่น... พิมรักนี่คะ”
“ใช่ พิมรัก เธอแวะมาหาพี่ที่นี่”
โซเฟียพยายามฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่ในอกร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุม
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาทำให้พี่ชายไม่สบายใจอีก อยากได้เงินเพิ่มก็ติดต่อฉันมาสิ”
“พิม... ไม่ได้...” พิมรักกำลังจะปฏิเสธ แต่อลันแทรกขึ้นเสียก่อน
“พิมรักไม่ได้มาที่นี่เพราะเงินหรอก แต่มีธุระบางอย่างที่สำคัญน่ะ”
“ธุระอะไรเหรอคะพี่ชาย”
“เอาไว้พี่จะกลับมาเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้พี่ต้องรีบไปสนามบินน่ะ เร็วเข้าพิมรัก เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี”
อลันเดินนำหน้าไปแล้ว โดยมีพิมรักวิ่งตามหลังไปติดๆ
โซเฟียมองตามไปด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะรีบต่อสายหาเลขาฯ ของพี่ชาย
“พี่ชายจะบินไปไหน”
“ท่านประธานให้ดิฉันจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยให้สองที่น่ะค่ะ”
เมื่อได้รับคำตอบจากเลขาฯ ของพี่ชายแล้ว โซเฟียก็ตัดสายทิ้ง ดวงตาเต็มไปด้วยกองไฟแห่งความริษยา
“ทำไมมึงจะต้องกลับมาแย่งพี่ชายกับกูอีก อีพิมรัก”
โทรศัพท์ในมือของโซเฟียแทบแตกละเอียดเพราะเจ้าของกำแน่นด้วยแรงโทสะ