วันต่อมา...
ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้เตรียมตัวไปรับน้อง โดยใส่เสื้อยืดของทางคณะที่เป็นสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ที่สามารถไปต่อยอดเป็นวิศวกรรมยานยนต์ได้ ที่ฉันเรียนไม่ใช่แค่เรียนตามเฮียมังกร แต่เป็นเพราะอยากช่วยงานเตี่ยตอบแทนพระคุณที่ท่านเลี้ยงดูฉันอย่างดีราวกับเป็นลูกแท้ ๆ แม้นจะทำได้ไม่มาก แต่ก็อยากเรียนรู้ระบบต่าง ๆ แล้วเตี่ยก็เห็นด้วย ยกเว้นเฮียมังกรที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“ช่วงเช้ามีกิจกรรมอะไรบ้างคะ ฉันอ่านแพลนมาเห็นบอกจะมีให้แยกไปตามฐาน แต่ละฐานมีอะไรคะ” พอภายในรถเงียบ ฉันก็เอ่ยพูดทำลายบรรยากาศ สรุปก็เป็นฉันที่พูดคนเดียวเหมือนเดิม
“ตื่นเต้นจัง ปีนี้มีผู้หญิงยี่สิบคน ฉันก็นึกว่าจะมีผู้หญิงน้อยซะอีก”
“อยากให้มีแต่ผู้ชายหรือไง” คราวนี้เฮียตอบกลับมา ตอนแรกก็นึกว่าไม่ได้ฟังที่ฉันพูดซะอีก เขาคงแอบฟังอยู่ล่ะมั้ง
“ไม่ใช่นะคะ ก็คณะนี้เขาพูดกันว่าผู้ชายเยอะ ฉันก็นึกว่ามีแต่ผู้ชาย” ปฏิเสธไปก็เท่านั้น เฮียมังกรก็เลือกจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่เขาอยากจะเชื่อเท่านั้นแหละ ซึ่งตอนนี้ก็ถึงมหา’ลัยแล้ว
...ที่นี่เป็นมหา’ลัยเอกชน ค่าเทอมสูงมาก และไม่ใช่ใครก็ได้ที่มีเงินแล้วจะเรียนได้ แต่ต้องสอบเข้าให้ได้โดยใช้ข้อสอบจากทางมหา’ลัยเองหรือที่เรียกว่าสอบตรงนั่นแหละ ซึ่งฉันก็ใช้เวลาทุ่มเทให้กับการหนังสือกว่าจะสอบติด ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย แต่เฮียกลับดูถูกความตั้งใจของฉัน
“ลงไปสิ” พอรถจอดแน่นิ่ง ไม่เห็นว่าเขาจะลงจากรถไปเสียที ฉันก็เลยนั่งอยู่กับที่ แต่พอเขาเอ่ยปากไล่ก็เลยต้องลง
“แล้วเฮียไม่ลงเหรอ”
“ไม่”
“ทำไมคะ” เขาไม่ตอบอีกครั้ง แถมยังทำหน้าหงุดหงิดใส่ ฉันก็เลยลงจากรถด้วยใบหน้างอน ๆ ซึ่งเฮียก็ขับรถออกไปเลย
“เฮ้อ...แล้วยังไงดีล่ะเนี่ย” ฉันยกมือขึ้นเกาะหัวแกรก ๆ มองป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนได้ว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งมีคนใส่ชุดเหมือนกับฉันเยอะมาก ๆ แล้วก็มีคนถือป้ายใหญ่ ๆ มีกลุ่มคนที่ตีกลองสันทนาการบอกทางไปแต่ละคณะ มันดูวุ่นวายไปหมดจนฉันจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี แต่แล้ว
“พี่...พี่เสือ!!!” ฉันตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเมื่อมองเห็นคนที่รู้จัก นั่นก็คือเพื่อนสนิทของเฮียมังกรนั่นเอง
“อ้าว!...อาหมวย” เขายิ้มให้ฉันท่ามกลางคนเป็นร้อยนี้ แม้นว่าคนจะเยอะ แต่จะบอกอย่างหนึ่งว่าเพื่อนเฮียมังกรหล่อมากก็เลยมองเห็นได้ง่าย เขาเดินมาหาฉัน
“ฉันมาเข้ารับน้องค่ะ”
“หือ...เรียนคณะนี้เหรอ พี่ก็นึกว่าคณะอื่น”
“สาขาเดียวกับเฮียมังกรด้วยแหละ” ฉันว่าด้วยความภูมิใจ ก่อนที่พี่เสือจะยกมือขึ้นมาวางที่ศีรษะของฉัน เขายีผมของฉันเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดู
“ไม่คิดว่าจะโตไวขนาดนี้ โตไวน่ากิน”
“คะ?”
“หือ...เปล่า ฮ่า ๆ ว่าแต่รออะไรล่ะ รอไอ้มังกรเหรอ” เขาหันซ้ายแลขวา คงมองหาเฮียมังกรให้
“เปล่าค่ะ พอดีว่าเฮียมาปล่อยฉันทิ้งไว้ที่นี่ ฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี”
“โธ่ น่าสงสาร...งั้นมานี่ พี่พาไป” ไม่ว่าเปล่า พี่เสือยื่นมือมาคว้าฝ่ามือของฉันไปจับอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะจูงมือของฉันเข้าไปยังใต้ถุนอาหารหลังใหญ่ ทำเอาฉันตกใจ แต่พอจะดึงมือออกพี่เขาก็กระชับแน่นมาก
...บรรยากาศรอบกายทำให้อึดอัดเพราะคนมองพี่เสือเยอะมาก ส่วนมือของเขานั้นก็ใหญ่และแรงเยอะ ยากที่จะสลัดทิ้ง แบบนี้ฉันไม่สบายใจเลย
“เฮ้ย! ไอ้แบงก์ กูฝากน้องหน่อยว่ะ น้องใหม่”
“สาขาเราเหรอพี่”
“เออดิวะ มึงคิดว่ากูจะเอาน้องอิเล็กฯมาให้หรือไง” เขาว่าด้วยน้ำเสียงห้าว ๆ ตามสไตล์ พี่เสือมีความเป็นนักเลงมาก เพราะมีช่วงหนึ่งที่เขาไปเรียนสายอาชีพ นั่นคือปวช. ปวส. ก่อนจะมาเรียนต่อที่มหา’ลัยนี้เมื่อตอนปีสอง
“น้องชื่อแก้มใส อย่ามองนานไอ้แบงค์ คนนี้น้องไอ้มังกร มึงกล้าเล่นน้องไอ้มังกรเหมือนมึงเล่นกับไฟอะกูบอกเลย”
“โห น้องพี่มังกรเหรอ ไม่รู้ว่าคนนิ่ง ๆ แบบพี่มังกรจะมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้” พอรุ่นพี่ชมว่าน่ารัก แก้มของฉันก็เห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เดี๋ยวกูฝากน้องก็แล้วกัน กูไปช่วยคนอื่นก่อน ยกของยกไรกูทุกที” พี่เสือยอมปล่อยมือจากฝ่ามือของฉัน ก่อนจะเปลี่ยนมาจับไหล่ฉันหลังจากที่พูดกับรุ่นพี่ที่ชื่อแบงค์เสร็จ
“มีไรก็เรียกพี่ได้ พี่อยู่ทุกที่ แถว ๆ นี้แหละ”
“อ่อ ค่ะ” ฉันรู้สึกประหม่า ไม่ว่าจะเป็นหัว มือ หรือไหล่ ฉันรับรู้ว่าพี่เสือกำลังแต๊ะอั๋งฉันอยู่ ก่อนที่พี่เขาจะเดินจากไป
“น้องพี่มังกร พี่ชื่อแบงก์นะครับ”
“เอ่อ ฉันชื่อแก้มใสค่ะ” พอได้ยินคนพูดว่าน้องของเฮียมังกรฉันก็รู้สึกไม่ชอบเท่าไรนัก ก็เลยแนะนำตัวไป ก่อนจะยิ้มให้กับรุ่นพี่คนนี้อย่างเป็นมิตร ซึ่งเขาก็ก้มหน้าลงเขียนป้ายชื่อให้
“มองไม่ออกเลยแฮะว่าเป็นน้องพี่มังกร ทำไมหน้าไม่เหมือนคนจีนเลยล่ะ ตากลมโตเชียว”
“อ้อ ฉันไม่ใช่น้องแท้ ๆ ของเฮียมังกรค่ะ”
“หือ...อย่างนี้นี่เอง เอานี่ป้ายชื่อ เราได้ป้ายสีเขียว ไปต่อแถวสีเขียวได้เลยครับ” ฉันรับป้ายชื่อมาห้อยคอ ก่อนจะหันหลังไปมองเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันที่กำลังนั่งต่อแถวอยู่ มีเพื่อนคนหนึ่งในแถวที่มีป้ายสีเขียวเช่นกันยกมือเรียกฉัน ซึ่งฉันก็ไม่มั่นใจเท่าไรแต่ก็ยอมเดินไปนั่งใกล้ ๆ
“เธอชื่ออะไรเหรอ”
“อ้อ แก้มใสน่ะ” ฉันจับป้ายชื่อขึ้นโชว์ด้วย ส่วนเพื่อนใหม่คนนี้ก็ชูป้ายให้ฉันดูเช่นกัน
“ฉันฟ้าใส!” เธอโพล่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น และก็น่าตื่นเต้นมากเพราะเรามีชื่อลงท้ายว่าใสเหมือนกัน
“ดีจัง” ฉันยิ้มให้กับฟ้าใสอย่างจริงใจ ก่อนจะมีเพื่อนอีกคนทางด้านหลังเราเอ่ยพูดขึ้น
“ฉันกอหญ้านะ”
“ใช่ ๆ กอหญ้า เรานั่งอยู่ด้วยกันนานแล้วล่ะ” ฉันยิ้มให้กับเพื่อนใหม่สองคนนี้ด้วยความตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะได้เพื่อนใหม่เร็วขนาดนี้
“เธอมาจากไหนเหรอ เป็นคนกรุงเทพฯเลยไหม” ฟ้าใสเอ่ยพูดน้ำเสียงสดใส
“ช่าย เราเป็นคนกรุงเทพฯน่ะ แล้วเธอล่ะ”
“อ่อ เราก็มาจากกรุงเทพฯ ส่วนกอหญ้ามาจากขอนแก่นน่ะ” กอหญ้ายิ้มให้เราน้อย ๆ เธอดูเป็นคนเงียบ ๆ คงเป็นเพราะมาจากต่างจังหวัดด้วยแหละมั้งเลยดูไม่ค่อยมั่นใจ
“แล้วเมื่อกี้เธอรู้จักพี่เสือด้วยเหรอ” ฟ้าใสพูดแล้วก็ทำให้ฉันตกใจเลยทีเดียว แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่หลายคนจะรู้จักพี่เสือ เขาหล่อแล้วก็คงมีชื่อเสียงในมหา’ลัยมากพอสมควร
“อ้อ ใช่” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้เธอ แต่ทว่า
“งั้น...เธอก็ต้องรู้จักพี่มังกรน่ะสิ” ชื่อนี้ก็ทำให้ฉันกะพริบตาปริบ ๆ มีลางสังหรณ์บางอย่างในใจเกิดขึ้นกับฉัน
“ก็ใช่ เฮียมังกรเป็นพี่ชายของฉันน่ะ”
“เฮ้ย! จริงดิ!!” ฟ้าใสเบิกตากว้างพร้อมกับยื่นมือมาเขย่าแขนของฉันราวกับว่าดีใจมากอย่างกับถูกหวย “แก...ดีใจจัง”
“ทำไมอ่ะ เธอรู้จักเฮียมังกรเหรอ”
“จริง ๆ แล้วฉันซิ่วมาจากบัญชีน่ะ แล้วฉันก็...ชอบพี่มังกรอยู่แล้ว”
“ห๊า...ชะชอบเหรอ” ฉันนิ่งอึ้งเลยทีเดียว ไม่คิดว่าจะได้ยินอย่างนี้ เพราะจริง ๆ แล้วนั้นฉันก็ชอบเฮียมังกรอยู่เหมือนกัน
“ช่าย ฉันน่ะชอบมานานแล้วด้วยแต่ว่าไม่มีโอกาสเลย เขาเพิ่งเลิกกับแฟนประกอบกับฉันอยากซิ่วพอดีเลยซิ่วมาเรียนคณะนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา” ฟ้าใสว่าด้วยความดีใจ ใบหน้าของเธอนั้นยิ้มแย้มสดใส พลอยทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่ควรรู้สึกอย่างนี้ เพราะเธอเองก็ไม่ผิดที่จะชอบใครสักคน ทว่า
“งั้นเธอก็ช่วยฉันได้สิ”
“หือ...”
“ช่วยแนะนำฉันให้พี่มังกรรู้จักที” ฟ้าใสว่าพร้อมกับวางมือลงที่มือของฉัน ทำให้ฉันเลื่อนสายตาลงมองตามมือของเธอ
“คือ...ฉัน”
“ไม่ได้เหรอ แย่จัง” เธอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างคนกำลังผิดหวัง โดยที่ยังชำเลืองสายตามองฉันอยู่ราวกับรอให้ฉันตอบรับ หรือที่เธอโบกมือเรียกฉันก่อนหน้านี้เป็นเพราะเห็นฉันอยู่กับพี่เสือ แล้วพี่เสือก็รู้จักกับเฮียมังกร เธอก็เลยชวนฉันมานั่งด้วย โดยที่อาจจะไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับฉันตั้งแต่แรก...