ฟ้าร่ำไห้

1148 Words
เคยมีใครได้รับบทเป็นนางร้ายทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแบบข้าหรือไม่นะ ข้าทำผิดที่ตรงไหน เหตุใดจึงได้มีจุดจบเช่นนี้เล่า มันผิดพลาดที่ตรงไหนกัน...ตั้งแต่พี่สาวของข้าพยายามร้องขอความรักจากชายคนรักของตนเอง หรือว่าตั้งแต่สตรีนางนั้นโผล่มากันแน่ “นี่เป็นโอกาสสุดท้าย มีใครอยากเอ่ยสิ่งใดหรือไม่” ผู้เป็นใหญ่ในที่แห่งนี้ได้เอ่ยขึ้น เพื่อหวังให้โอกาสได้เอ่ยคำสุดท้าย ก่อนเพชฌฆาตจะทำการลงดาบทุกคนอย่างพร้อมเพรียงกัน ท่ามกลางเสียงด่าทอสาปแช่งของผู้คนที่มาร่วมกันมุงดูการประหารชนชั้นสูง น้อยนักที่จะมีการประหารชนชั้นสูง หากมิใช่เป็นกบฏก็ต้องทำผิดร้ายแรง ยิ่งตระกูลจ้าวที่เป็นตระกูลคหบดีใหญ่ถึงเพียงนั้น น่าแปลกใจที่ถูกตัดสินโทษประหารกันทั้งตระกูลเช่นนี้ สตรีร่างบางสภาพทรุดโทรมจนแทบจะปิดบังเค้าโครงความงามที่เคยมีเมื่อครั้งยังเป็นคุณหนูตระกูลคหบดีใหญ่อย่างตระกูลจ้าว จ้าวจื่อเวย หันไปมองพี่สาวต่างมารดาของตนอย่างนึกสมเพช สมเพชที่แม้นางจะงดงาม เป็นถึงหนึ่งในสี่ยอดพธูของแคว้น เป็นคุณหนูใหญ่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่กลับโง่งมสิ้นดี โง่งมเพราะความรักที่ผิดพลาด ไม่สิ...รักคนผิดต่างหาก สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตอย่างน่าอับอายกลางลานประหารทั้งตระกูลเช่นนี้ แม้จะเป็นเวลาแบบนี้ แต่พี่สาวที่อายุห่างจากนางไม่ถึงเดือนนางนี้ก็ยังคงคิดไม่ได้เช่นเดิม นางยังส่งสายตาตัดพ้อไปยังชายที่นางรักอย่างสุดใจ แต่ชายผู้นั้นกลับยืนอยู่ข้างกายของสตรีชาวบ้านนางนั้น หึหึหึ เสียงแหบแห้งที่เหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลานานของสตรีดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของชาวบ้านที่พร้อมใจรอฟังคำสุดท้ายของชนชั้นสูงตรงหน้า เวลานั้นท้องฟ้าที่สว่างก็เริ่มมืดครึ้มอย่างไม่มีสัญญาณใด ๆ ล่วงหน้า ก่อนจะมีหยาดฝนไหลรินลงมาปรอย ๆ ชาวบ้านและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายต่างแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การประหารคนตระกูลจ้าวเช่นนี้ก็ใช่อะไรที่จะหาดูกันได้ง่าย ๆ เช่นกัน “...หึหึหึ เมื่อกาลเวลาผันผ่าน ฟ้าดินจักร่วมเป็นสักขีพยาน ความอยุติธรรมจักนำพาความหายนะมาสู่พวกเจ้า ทุกผู้ ทุกคน...ไม่เว้น แม่แต่ผู้เดียว” ครื้นนนนนนนนน ซ่า... “ประหาร!!!” ฉับ เสียงดาบสัมผัสกับเนื้อมนุษย์ ก่อนจะกลายเป็นเสียงร่วงหล่นของศีรษะทุกคนบนลานประหาร แต่ถึงอย่างนั้นเสียงสาปแช่งของชาวบ้านก็ยังดังกลบพวกมันอยู่ดี คำกล่าวก่อนตายของคุณหนูรองจ้าวผู้นี้สร้างความหวาดกลัวให้แก่จิตใจของผู้คนเป็นอย่างมาก เสียงดังเอะอะของชาวบ้านดังกลบกันจนฟังไม่ออก ด้วยเพราะหวาดกลัวภาพการประหารชีวิตตรงหน้า หรือเพราะกลัวการตอบรับคำสาปแช่งของฟ้าดิน ของคุณหนูรองจ้าวจื่อเวย ผู้นี้ก็ไม่อาจทราบแน่ชัด ซ่า... “...ข้ามาไม่ทันเสียแล้ว” ชายหนุ่มร่างสูงกำยำในชุดสีดำทองมองภาพชาวบ้านเริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เขาแค่รู้สึกว่าเขาควรเข้าร่วมงานประหารตระกูลจ้าวในวันนี้ แต่พอมาถึง กลายเป็นว่าทุกอย่างจบลงแล้วเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มเดินทางกลับด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จากเดิมเป็นคนเย็นชาอยู่แล้ว เวลานี้บรรยากาศรอบตัวยิ่งเย็นขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว เหล่าข้ารับใช้ต่างพากันก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตน ด้วยไม่รู้ว่าท่านอ๋องโกรธเคืองหรือไม่พอใจสิ่งใดอีกกันแน่ เฮือกกกก “คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” จื่อเวยหันไปมองต้นเสียงที่คุ้นเคยก็พบว่าเป็นสาวใช้ข้างกายของนางอย่าง อาจี๋ที่เข้ามาปลุก แต่ว่านางพึ่งถูกประหารมิใช่หรือ เหตุใดจึงตื่นขึ้นมาในห้องนอนของตนเช่นนี้เล่า เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ “คุณหนู ไม่สบายหรือเจ้าคะ เหตุใดหน้าซีดเพียงนี้เล่าเจ้าคะ บ่าวจะไปตามหมอมา คุณหนูรอสักหน่อยนะเจ้าคะ” “ไม่ต้อง ๆ ข้าสบายดี เพียงฝันร้ายนิดหน่อยเท่านั้น” จื่อเวยต้องรีบออกจากความคิดของตัวเองเพื่อมาหยุดอาจี๋ไม่ให้ไปตามท่านหมอมาดูอาการของนาง “คุณหนูแน่ใจนะเจ้าคะ ดื่มน้ำหน่อยนะเจ้าคะ ดูซิ เหงื่อออกมากมายถึงเพียงนี้ ฝันร้ายมากเลยหรือเจ้าคะ” จื่อเวยมองดูสาวใช้คนสนิทของตัวเองหยิบจับสิ่งของมาปรนนิบัติตัวเองด้วยความเศร้าใจ ก่อนจะตั้งสติได้เมื่อถูกอาจี๋ตั้งคำถามมายังจน “อืม ขอบใจเจ้ามากนะ ข้าขออยู่คนเดียวสักพักนะ เจ้าไปพักเถิด หากต้องการสิ่งใดข้าจะเรียกเจ้าเอง” “เจ้าค่ะ” อาจี๋เดินออกไปรอรับใช้หน้าห้องอย่างว่าง่าย เมื่ออยู่คนเดียว จื่อเวยก็เริ่มคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นางมั่นใจว่าความเจ็บปวดทรมาน และความอัปยศก่อนจะถูกประหารนั้นเป็นอย่างไร นางมั่นใจมาก ๆ แต่ความจริงตรงหน้าก็ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ จื่อเวยรีบเดินไปส่องกระจก ก่อนจะพบว่าตนเองยังคงงดงาม ไม่มีเค้าโครงความทุกข์กายหรือทุกข์ใจให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เมื่อนึกดี ๆ ก็เริ่มจำได้ว่านี่น่าจะเป็นวันที่นางกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมพี่สาว หลังจากเข้าศึกษามาเกือบทั้งปี หรือสวรรค์จะเห็นใจนาง เหตุใดจึงได้เป็นเช่นนี้ ถ้าหากจำไม่ผิด อีกไม่นานก็จะถึงวันที่คู่หมั้นของพี่สาวอย่างองค์ชายสามจะกลับมา หลังจากหายตัวไประหว่างทางกลับจากเมืองชายแดนตรงบริเวณตีนเขาที่คั่นกลางระหว่างเมืองเข้าด้วยกัน นี่ก็หายไปจะหกเดือนได้แล้ว อีกไม่นานเกินรอ เขาจะกลับมาแน่นอน และนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นหายนะของนางและตระกูล แต่เอาเถอะ นางกลับมาแล้ว อย่างน้อยนางก็รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าคนอื่นไปมาก อย่างน้อยหากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็คงจะไม่ถึงขั้นถูกประหารกระมัง คนแรกที่จะต้องจัดการคือพี่สาวของนาง สตรีนางนั้นช่างทำตัวไม่สมกับเป็นคุณหนูใหญ่สักนิด ช่างโง่งมสิ้นดี ที่น่าเศร้าใจกว่านั้นคือบิดาและมารดารักพี่สาวมากจนขนาดรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปจะนำหายนะมาสู่คนทั้งตระกูลก็ตาม ช่างรักกันมากจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD