“พี่รอง เหตุใดเราต้องออกมาหาซื้อผ้าใหม่ด้วยเจ้าคะ ของที่มีอยู่ก็เยอะมากแล้วนะเจ้าคะ”
“นั่นสิขอรับ ข้าเป็นบุรุษ ไม่น่าจะต้องแต่งกายอะไรให้หรูหรามากเช่นสตรีนะขอรับ”
“นี่อาเยว่ เจ้าว่าผ้าพับนี้เหมาะกับอาหลงหรือไม่” ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ในร้านขายผ้าอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แน่นอนว่าเป็นตระกูลฝั่งมารดาของเทียนหลง การต้อนรับของคนงานจึงพิเศษกว่าคนอื่น ๆ เล็กน้อย แต่เรื่องนั้นนางไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
การมาซื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่ให้น้อง ๆ และตนเองในวันนี้ก็เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังของฮองเฮา นางเคยบอกไปแล้วว่างานเทศกาลชมดอกไม้นั้นราวกับจุดเริ่มต้นของทุก ๆ สิ่ง การจัดงานขึ้นมาของฮองเฮาในครั้งนี้ก็เพื่อเลือกพระชายาให้กับเหล่าองค์ชาย ยกเว้นองค์ชายสามที่มีสตรีชาวบ้านติดตามมาด้วย ทั้งยังใช้วันนั้นเพื่อประกาศให้คนอื่น ๆ รับรู้การมีตัวตนของสตรีนางนั้น
ฟังแล้วอาจจะคิดว่าคนที่เดือดร้อนคืออันเหม่ย แต่ในความเป็นจริงแล้ว บุตรตระกูลจ้าวทุกคนจะถูกจับจองในวันนั้นทั้งหมด แม้แต่เทียนหลงก็ยังถูกฮูหยินใหญ่จับจองสตรีให้โดยเอาความเห็นชอบของตนเองเป็นหลัก อ้อ...หากจะถามว่าเหตุใดฮูหยินที่ไม่รู้มารยาทของชนชั้นสูงได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ก็คงจะต้องเท้าความก่อนว่าการจัดงานครั้งนี้ไม่ได้จำกัดแค่เหล่าขุนนาง งานนี้อนุญาตให้ตระกูลคหบดีเข้าร่วม นั่นก็เพราะการจะสนับสนุนองค์ชายสักพระองค์ขึ้นครองบัลลังก์นั้นจำเป็นต้องใช้เงิน อำนาจทางการเมืองก็สำคัญ แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเงิน ตระกูลจ้าวจึงเป็นตัวเลือกที่ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของเหล่าพระสนมและองค์ชายที่หวังแสวงหาบัลลังก์และอำนาจ
“ก็เหมาะนะเจ้าคะ แต่เทียนหลงไม่เคยใส่สีแดง มันจะดีหรือเจ้าคะ” ปกติแล้วพี่ชายผู้นี้มักจะใส่เสื้อผ้าสีเรียบ ๆ ไม่ฉูดฉาดอย่างที่แม่รองคอยจัดเตรียมไว้ให้เสมอ นางเองก็ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเทียนหลงชอบสีอะไรกันแน่
“เจ้าว่าอย่างไร เจ้าเป็นผู้ใส่ ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องบอก จะให้ผู้อื่นตัดสินใจแทนไม่ได้ การเป็นนักรบย่อมต้องตัดสินให้เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่” นี่คือเรื่องแรกที่นางจะต้องดึงเทียนหลงออกมาจากใต้ปีกของแม่รองและความกดดันตนเอง นอกจากจะชอบฝ่ายบู๊มากกว่าบุ๋นแล้ว นางยังรู้มาว่าน้องชายผู้นี้ชมชอบสีฉูดฉาด หาใช่สีเรียบ ๆ ราวกับบัณฑิตจืดชืดทั้งหลาย
“...ขอรับ ข้าชอบสีนี้ขอรับ” จื่อเวยหันไปมองน้องชายที่หยิบพับผ้าขึ้นมาสองพับ มันคือสีแดงเลือดนกและสีเขียว เขียวแบบใบไม้สด ๆ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสีเขียวใหม่ที่พึ่งนำเข้าจากต่างแคว้น นับว่างดงามและสดใสไม่น้อยเลย
“เลือกได้ดี ต่อไปทีเจ้า หย่งเยว่ เจ้าชอบสีใด”
“อืม...ข้าชอบสีเหลืองเจ้าค่ะ” ทางหย่งเยว่นั้นไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ นางชัดเจนอยู่แล้วว่าชอบสีใดหรือไม่ชอบสีใด
“อืม ดี เลือกได้ดี” ครั้งนี้นางตั้งใจแต่งกายให้สูงส่งจนเหล่าคุณชายทั้งหลายไม่กล้าเอื้อมถึง นางรู้ดีว่าไม่อาจหนีงานแต่งได้ เช่นนั้นหากจะแต่งโดยไร้ความรักแล้ว เหตุใดไม่แต่งให้ราชวงศ์ไปเสีย ดงอสรพิษเช่นนั้นหรือ จวนขุนนางทั้งหลายก็หาได้ต่างกันมากนักหรอก
หลังจากเลือกพับผ้าเสร็จนางจึงชวนทั้งสองไปที่ร้านเครื่องประดับ แต่ใช่ว่าจะได้เข้าไปง่าย ๆ คงไม่ต้องบอกว่าแม้แต่พวกนางก็ยังออกมาหาซื้อผ้าใหม่ แล้วคุณหนูคุณชายคนอื่น ๆ มีหรือจะไม่มา นางอยากจะสั่งทำเครื่องประดับ แต่ดูแล้วร้านคงจะทำส่งให้ไม่ทันจึงตั้งใจว่าจะกลับ แต่กลับมีเสี่ยวเอ้อร์ของร้านเดินมารั้งไว้เสียก่อน
“ข้าเห็นคนเยอะน่ะ อยากจะสั่งทำเครื่องประดับเสียหน่อย แต่เอาไว้คราวหลังก็ได้”
“ต้องขออภัยเรื่องนั้นจริง ๆ ขอรับ ที่ข้ามาครั้งนี้เพราะมีคนต้องการพูดคุยกับคุณหนูเป็นสักครู่ขอรับ ไม่ทราบว่าคุณหนูสะดวกหรือไม่” นางมองท่าทีของเสี่ยวเอ้อร์ก่อนจะหันไปมองน้อง ๆ อีกสองคน นางไม่รู้หรอกว่าคนที่อยากพบนางนั้นเป็นใครกันแน่ แต่นางไม่คิดจะปล่อยผ่านโอกาสนี้ไปแน่ นางพอจะรู้ข่าวลือของตนมาบ้าง คนที่สนใจนางจริง ๆ คงจะไม่ใช่คนไร้สาระไปวัน ๆ
“นำทางไป พวกเจ้ากลับไปที่รถม้าก่อน”
“แต่ว่าพี่รอง”
“ไปรอที่รถม้า หรือจะไปเดินซื้อสิ่งใดก็ไปเสีย เดี๋ยวข้าจะรีบไปรีบกลับ”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
“ทางนี้ขอรับคุณหนู”
ภายในห้องรับรองพิเศษของทางร้าน มีชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่กลางห้อง ด้านหน้ามีกล่องเครื่องประดับวางอยู่หนึ่งกล่อง ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
“เข้ามา”
“ขออนุญาตขอรับ”
จื่อเวยมองบุรุษรูปงามตรงหน้าของนางพร้อมกับพยายามนึกถึงตัวตนของอีกคน นางไม่คุ้นหน้าของบุรุษตรงหน้า แต่การแต่งกายและผิวพรรณย่อมไม่ใช่คุณชายธรรมดาแน่ ๆ
“นั่งก่อนสิ” สวี่ไคเฉิงมองสตรีที่กำลังมองตนเองด้วยสายตาประเมินอย่างชอบใจ ไม่เคยมีใครกล้ามองเขาด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน คนอื่น ๆ ต่างพากันหลบสายตาเขา ไม่ก็ตีตัวออกหากเพราะหวาดกลัว มีเพียงนางที่กล้าเช่นนี้ หึหึหึหึ
“ท่านต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใดเจ้าคะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีหรือไม่ น้อง ๆ ของข้ากำลังรออยู่ด้านนอก” ตอนนี้นางอยู่กับบุรุษผู้นี้สองต่อสอง หากเป็นแผนการชั่วของใครสักคน นางคงแย่แน่
“...รีบร้อนเสียจริง ไม่คิดจะให้เกียรติดื่มชากับข้าสักจิบก่อนหรือ”
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ค่อยโปรดปรานชาสักเท่าใดนัก” ความจริงนางไม่ได้ชอบและไม่ได้เกลียด นางแค่กลัวถูกวางยา หลังจากเจอเรื่องเลวร้ายมามากมาย กลายเป็นว่านางระวังตัวทุกระเบียบนิ้ว
“อืม...ใช้ได้” ไคเฉิงมองสตรีที่ตนหมายตาตรงหน้าอย่างถูกใจ เหมาะมาก เหมาะมากจริง ๆ หากเป็นนางแล้ว ไม่ว่าพวกสนมและขุนนางทั้งหลายจะหาทางกดดันเขามากเพียงใดนางคงจะหาทางจัดการได้แน่ ๆ
จื่อเวยมองบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เจ้าบุรุษผู้นี้ หากนางไม่สงสัยว่าเป็นคนในราชวงศ์ล่ะก็ มีหรือนางจะยอมมานั่งเสียเวลาด้วยแบบนี้ ถ้าได้บุรุษผู้นี้เป็นสามีก็อาจจะไม่แย่นัก ถึงจะไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่องค์ชายองค์อื่น ๆ ก็ไม่เข้าตานางเช่นกัน สู้เสี่ยงดวงกับคนแปลกหน้าผู้นี้จะดีกว่า
“เข้าเรื่องเถอะเจ้าค่ะ” นางเบื่อจะลองเชิงกันเต็มทนแล้ว บุรุษผู้นี้น่ากลัวไม่น้อยเลย หากไม่ใช่ว่านางเคยผ่านเรื่องแย่ ๆ มามากแล้วคงจะกลัวจนไม่กล้าจ้องหน้าเขาแน่ ๆ
“รับนี่ไปสิ” ไคเฉิงเลื่อนกล่องเครื่องประดับที่ตนสั่งทำเป็นพิเศษตั้งแต่วันที่แอบมองการกระทำของนางวันนั้นแล้ว วันที่เขาตัดสินใจว่านางเหมาะสมกับตำแหน่งคนข้างกายเขา
“...” จื่อเวยเลื่อนมือออกไปเปิดดูกล่องตรงหน้า ข้างในเป็นเครื่องประดับครบชุดสีดำทอง ดูท่าแล้วเครื่องประดับนี่ควรเป็นของบุรุษผู้นี้เสียมากกว่า ไม่ควรจะมอบมาให้นางเช่นนี้กระมัง
“ชอบหรือไม่”
“...”
“ข้ามีนามว่าสวี่ไคเฉิง หรือที่คนรู้จักกันในนามองค์ชายรองไคเฉิง เจ้าคงจะพอคุ้นหูมาบ้างกระมัง”
“เพคะ” ไคเฉิงมองท่าทีของจื่อเวยที่ไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือหวาดกลัวอย่างพึงพอใจ
“เจ้าคงรู้ว่างานชมดอกไม้ที่จะถึงนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อสิ่งใด ข้าจะขอพูดตามตรงเลยก็แล้วกัน...ข้าต้องการให้เจ้าเข้ามาเป็นพระชายาเอกของข้า” นึกว่าใคร ที่แท้ก็องค์ชายผู้มีข่าวลือว่าโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ผู้นี้นี่เอง แม้จะไม่เคยพบ แต่ก็เคยได้ยินข่าวลือมาบ้าง น่าแปลกใจที่บุรุษรูปงามผู้นี้จะมีจิตใจผิดมนุษย์ไปเสียได้ พอเจอด้วยตนเองแล้ว นางคิดว่าคงจะต้องพิสูจน์ด้วยตนเองเสียก่อนจะเชื่อคำพวกนั้น
“ว่าอย่างไร เจ้าตกลงหรือไม่” เห็นว่าอีกคนเงียบไปไคเฉิงจึงเอ่ยเร่งเร้าเอาคำตอบ พูดตรง ๆ ใช่ว่าเขาไม่ตื่นเต้น ใช่ว่าไม่เคยเข้าใกล้สตรี แต่สตรีที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ พึ่งจะมีนางคนแรก
“หม่อมฉันคงต้องขอปฏิเสธเพคะ” คนบ้าอะไรมาขอให้แต่งเป็นพระชายาเอกกันง่าย ๆ แบบนี้ ที่สำคัญคือนางเป็นบุตรจากตระกูลคหบดี การจะขึ้นเป็นพระชายาเอกนั้นต้องผ่านคำคัดค้านมากพอสมควร นางเป็นได้มากที่สุดก็ได้แค่พระชายารองเพียงเท่านั้น ดูท่าองค์ชายรองจะทรงวิปลาสอย่างคำว่ากระมัง
“...ทำไม” ร่างกำยำแข็งค้าง นางปฏิเสธเขางั้นหรือ นางกล้า...
“เพราะหม่อมฉันรู้ดีว่าฐานะของตนเองไม่สามารถเป็นพระชายาเอกได้เพคะ องค์ชายคงจะลืมไปว่า แท้จริงแล้ว หม่อมฉันมาจากตระกูลจ้าว หาใช่ตระกูลซ่งเพคะ” พูดตามตรง องค์ชายรองก็ไม่แย่นัก แต่จะให้นางตกลงเลยก็เร็วไปที่จะตัดสินใจ นางต้องการเวลาไตร่ตรองให้ดีกว่านี้
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง หากข้าเลือกแล้ว ก็ไม่มีใครมาขัดคำของข้าได้”
“...”
“เช่นนั้นเจ้ารับนี่ไป ถือว่าเป็นของขวัญจากข้า และหากเจ้าตกลง ข้าหวังว่าเจ้าจะใส่มันเข้าร่วมงานเทศกาลในครั้งนี้ ข้าขอตัว” จื่อเวยมองบุรุษตัวโตที่มีท่าทีเอาแต่ใจตนเองเดินสะบัดแขนเสื้อออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกสับสน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่านางต้องการเวลา นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว หึ