บทที่ ๒ ไฟพิศวาส(๓)

1820 Words
ตาลหวานรีบคว้าเอาเสื้อผ้าที่ตากไว้ เดินเร็วๆ กลับเข้าไปในกระท่อมพร้อมวางมือทาบกับอกอิ่มข้างซ้ายระงับหัวใจเต้นกระชั้นถี่ให้เข้าสู่สภาวะปกติ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ดีขึ้นเลยเพราะจู่ๆ ใครบางคนก็เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับเธอ เนื้อตัวเปียกชื้นที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็เซ็กซี่กินใจของเขาทำเอามือไม้อ่อนจนเผลอทำเสื้อผ้าร่วงหล่น ชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เขาเคยเห็นในยามค่ำคืนปรากฏแก่สายตาคู่คมอีกครั้ง พอเขาเก็บขึ้นมาก็ทำเอาเธออยากจะมุดพื้นหนีอายให้รู้แล้วรู้รอด “คงใส่ไม่ได้แล้วกระมัง” ดินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเสื้อขาดๆ ของเธอ “เดี๋ยวจะไปขอเสื้อผ้าคนงานแถวนี้ให้ก็แล้วกัน” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันใส่เสื้อที่คุณให้ก็ได้” ครานี้เขาจ้องมองเธอ ชนิดที่ทำเอาเธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ “อย่าใส่เสื้อตัวนี้เลย” “ทำไมคะ” “ก็ชายเสื้อมันสั้นจนเห็นถึงไหนต่อไหน ถ้าเธอใส่ออกไปจากห้องนี้เหมือนที่ทำเมื่อครู่ละก็ ฉันจะจับเธอมัดแล้วขังไว้ ต่อให้มีปีกก็ไม่มีวันบินหนีไปได้ ฉะนั้น! ถ้าไม่อยากให้ฉันทำโทษเธอละก็ อย่าคิดใส่มันออกไปไหนอีกเชียว” เธออมยิ้ม ไม่ได้นึกกลัวคำขู่ของคนตัวโตเลยสักนิด “ยิ้มอะไร” พ่อเลี้ยงหนุ่มหันมาแหวใส่ “ดีใจที่ฉันหวงล่ะสิ” “ก็...” หน้าเธอแดงซ่านยิ่งกว่าลูกตำลึงเสียอีก “ถึงเราจะเคยนอนด้วยกันแค่ครั้งสองครั้ง แต่รู้เอาไว้เถอะว่า ถึงยังไงฉันก็ยังเป็นเจ้าของของเธอ ฉะนั้น! ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าเปิดเผยขาอ่อนๆ กับนมไร้บราให้ใครเห็นอีกเด็ดขาด อีกอย่างเธอก็ไม่ควรนอนกับใครต่อใครง่ายๆ แบบนี้อีก” คำพูดของเขาทำเอาเธอต้องกลืนน้ำลาย เธอโกรธและกำลังเสียใจ “อย่าง่ายกับใครอีกเด็ดขาด” ตาลหวานกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก ดวงตาของเธอเริ่มแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่เขายังทำเหมือนทั้งหวงทั้งห่วงเธออยู่เลย แต่เวลานี้เขากลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งโดนตบหน้าแรงๆ ติดๆ กันหลายครั้ง คำพูดของเขาส่งผลให้น้ำตาที่คลอหน่วยเมื่อครู่ไหลอาบแก้มจนต้องรีบเช็ดทิ้งลวกๆ ดูเหมือนการร้องไห้ของเธอจะทำให้เจ้าของหนวดเครารกครึ้มรู้สึกไม่ดี เขาถึงได้เดินมาใกล้ๆ แล้วคว้าตัวเธอเข้าไปกอด “ที่พูด ไม่ได้ต่อว่าหรือด่าทอเธอหรอกนะ ก็แค่ไม่อยากให้เธอนอนกับผู้ชายคนไหนอีก” เขาว่าขณะเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยท่าทางอ่อนโยน “ถ้าจะมีผู้ชายสักคนที่เธอจะนอนด้วยต่อจากนี้ละก็...ขอให้เป็นฉันได้หรือเปล่า” “คุณดิน” “ถึงแม้เราจะไม่รู้จักกันมาก่อน หรือว่าความสัมพันธ์ของเรามันอาจฉาบฉวย แต่ฉันก็อยากให้เธอนอนกับฉันแค่คนเดียวเท่านั้น” “คุณดิน” “ตาลหวาน เธอจะอยู่กับฉันไหม” เธอกำลังซึ้งใจกับคำชักชวนของเขา แต่เขาก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตบจริงๆ จนได้ “เป็นนางบำเรอฉัน ในกระท่อมนี้สักสามเดือนเถอะนะ” คำพูดของเขาทำเอาเธอยืนตัวแข็งทื่อ อ้อมแขนกำยำที่ทำให้เธออบอุ่นเมื่อครู่มันช่างเหมือนกับการโดนตะบองเพชรฟาดใส่หน้ายิ่งนัก จากเมื่อครู่ที่ยอมอยู่ในอ้อมแขนเขาดีๆ เธอรีบผลักดันเจ้าของแผ่นอกแข็งแรงให้ออกห่าง นัยน์ตาแดงก่ำคู่นั้นเอาแต่จ้องมองเขาด้วยความโกรธ “คุณ...คงคิดว่าฉันใจง่ายมากสินะ มากเสียจนยอมทำอย่างที่คุณต้องการ” ดินถอนหายใจทิ้งแรงๆ “เธอจะโกรธทำไม ในเมื่อมันก็ไม่มีอะไรเสียหายมากไปกว่านี้เสียหน่อย ระหว่างอยู่ที่นี่ฉันจะดูแลเธออย่างดี จะไม่ให้เธอตกระกำลำบากเด็ดขาด เธอจะมีข้าวกิน มีที่ซุกหัวนอน หรือว่าอยากได้เงินฉันก็จะให้” “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ!” เธอแหวแว้ดใส่ “ถึงฉันจะง่ายกับคุณ แต่มันก็แค่คืนเดียวเท่านั้น มันไม่ได้มีความหมายจนถึงขั้นทำให้ฉันพาตัวเองตกต่ำหรอก ฉันยอมเป็นผู้หญิงคืนเดียวของคุณ ดีกว่าเป็นนางบำเรอของคุณไปทั้งชาติ” “มันจะต่างกันยังไง” พ่อเลี้ยงหนุ่มโมโหขึ้นบ้าง “ในเมื่อเราก็เคยนอนด้วยกันมาแล้ว ก็แค่นอนด้วยกันต่อไปอีกสักเก้าสิบคืน มันไม่ได้ทำให้ร่างกายของเธอสึกหรอมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรอก แทนที่จะปล่อยเลยตามเลย เราก็มาอยู่ด้วยกันไปก่อนไม่ได้หรือไง” “ครบสามเดือน คุณจะถีบหัวส่งฉัน หรือว่าคุณจะแต่งงานกับฉันละคะ” “แต่งงาน” ดินทวนคำราวกับไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากผู้หญิงที่จู่ๆ ก็โผล่มาในยามค่ำคืน แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ฝนตกอย่างบ้าคลั่งอีกต่างหาก ตอนนี้ทั้งสีหน้าและแววตาจึงเต็มไปด้วยความขบขัน “ฉันจะแต่งงานกับผู้หญิงแปลกหน้าอย่างเธอได้เช่นไรกัน ต่อให้การร่วมรักของเราเป็นไปด้วยดีก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ฉันควรจะนอนกับเธอคนเดียวไปตลอดชีวิต เธอไม่รู้หรอกว่าวันๆ หนึ่ง มีผู้หญิงมากมายแค่ไหนที่อยากนอนร่วมกระท่อมกับฉัน” “หมายความว่าคุณจะไม่แต่งงานกับฉันสินะ” “ใช่” “ถ้าอย่างนั้น มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรในการรับข้อเสนอของคุณ” “เธอคิดจะตกลงเช่นนั้นหรือ” “ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ” พอเห็นว่าเจ้าของร่างบางหมุนกายหนี พ่อเลี้ยงหนุ่มก็รีบคว้าเรียวแขนสลักเสลาเอาไว้อย่างห้ามปราม “ถ้าลองมาอยู่ด้วยกันก่อนล่ะ แบบว่าถ้าเราสองคนอยู่ร่วมกันได้ดี บางทีฉันอาจจะเลือกอยู่กับเธอไปตลอดชีวิตก็เป็นได้” เธอมองเขาอย่างลังเล แต่พอได้สบดวงตาคมคร้ามคู่นั้น สิ่งที่เธอคิดไว้ในใจมันกลับไม่เป็นผลเลย “เรามาอยู่ด้วยกันอย่างที่คุณต้องการเถอะค่ะ” มีเพียงประกายตาสีเข้มที่วาวขึ้นอย่างพอใจกับคำตอบ ดินไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีถึงเพียงนี้ คงเป็นเพราะว่าเขาปรารถนาจะให้เธออยู่ใกล้ๆ แม้ว่าจะมีข้อตกลงหรือไม่มีก็ตาม เขายอมรับว่าค่ำคืนที่ผ่านมามันวิเศษเสียจนไม่อาจปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปง่ายๆ ได้จริงๆ ในเมื่อชีวิตของเธอมันงี่เง่า บัดซบจนถึงเพียงนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องคิดให้ถี่ถ้วนอีก เธอนอนกับเขาแล้ว แถมยังมีความสุขกับรสชาติที่เขาปาดลงบนเรือนร่าง ยามที่คิดถึงเสียงครางทุ้มต่ำกระซิบชิดเรือนร่างของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ทำเอารอยเลือดสีจางๆ ปาดป้ายไปตามพวงแก้มของเธอ เลือดลมสูบฉีดรุนแรงจนหัวใจเต้นโครมคราม ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่เธอไม่สมควรชื่นชอบหรือร่วมมือกับไฟพิศวาสที่เขาสาดใส่เรือนร่าง แต่แค่เพียงเขาจับเขาจูบหรือแม้แต่ลูบๆ คลำๆ เธอนิดๆ หน่อย ขี้คร้านเธอก็พร้อมจะโอนอ่อนไปกับเขาอย่างลืมอาย นัยน์ตาที่สงบนิ่งของดิน ภูพนาไพรจ้องมาที่เธอตาไม่วาง สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่การตอบตกลง แต่มันเหมือนคำเชิญชวนให้มาร่วมรักกันซะเดี๋ยวนี้มากกว่า ดังนั้นเขาจึงเอาแต่พินิจพิเคราะห์คนที่ตอบตกลงนิ่งนาน ชีวิตของเธอมันดิ่งลงเหวหรือว่ามันไม่เคยได้ไต่ขึ้นไปสัมผัสกับความสุขเหมือนเช่นคนอื่นๆ ใช่หรือเปล่า เธอถึงได้ทำเรื่องงี่เง่า สิ้นคิดเหมือนที่เขาทำ พอเห็นนัยน์ตาเด็ดเดี่ยวเอาจริงเอาจังของเธอแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ “ตกลง” ในที่สุดก็ตอบรับ “มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันดูเถอะ” “ค่ะ” เสียงของเธอยังดูแข็ง ทั้งๆ ที่ในหัวใจของเธอเต้นรัว มันคงช้าไปแล้วถ้าเธอจะปฏิเสธหรือบอกปัดว่ามันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบแสนโง่เขลา เวลาในการคืนคำของเธอหมดลงแล้วเมื่อตอนนี้ผู้ชายที่พกใบหน้าดุดันตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลามีเซ็กส์กันเขาก็ยังคงวางสีหน้าแบบนั้น มีความสุขแต่ก็ไม่ได้ยิ้มหรือว่าให้รางวัลกับการทำดี เขานิ่งๆ ดูขรึมๆ แต่ท่วงท่าที่เขากับเธอทำร่วมกันมันก็ให้ความรู้สึกดีจนยากจะลืม เธอยืนบีบมือชื้นเหงื่อของตัวเองไว้แน่น ขณะเอ่ยถามเขาเสียงตะกุกตะกัก “ระหว่างอยู่ที่นี่ ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” สายตาเฉียบคมกำลังไล่มองเธอตั้งแต่เส้นผมลงมาจนถึงปลายเท้าที่มีรอยเปื้อนดินโคลน เขาถอนหายใจทิ้งน้อยๆ คิ้วที่พาดเฉียงอยู่เหนือดวงตาคมกริบสีนิลนั้นเอาแต่ขมวดเข้าหากันแล้วคลายออก ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง เธอมองเห็นความเครียดที่พุ่งจากลำคอจนถึงใบหน้า ดูเหมือนเขาก็ค่อนข้างตกใจกับการตอบรับสิ้นคิดของเธอเช่นกัน “ก็ไม่มีอะไรมาก” เขาครางเสียงทุ้มต่ำบอก “อยู่ในกระท่อมนี้ ห้ามออกไปไหน และไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” ดวงตาเรียวของเธอหรี่แคบลงอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ให้ทำอะไรเลยหรือคะ” ครานี้ตาลหวานมองเห็นความเจ้าเล่ห์นิดๆ ในดวงตาทอประกายคู่นั้น เขามองเธออีกครั้งแต่จุดโฟกัสไม่ใช่ใบหน้าลำคอ แต่เป็นทั้งเรือนร่างของเธอ โดยเฉพาะอกอิ่มขาวที่กำลังกระเพื่อมรุนแรงเพราะความตื่นเต้นในขณะนี้ “เธอก็แค่ อยู่ในนั้นแล้วรอฉันกลับมา...เอา เท่านั้น” คำตอบเถรตรงของเขาทำเอาเธอนิ่งงัน ทั้งๆ ที่คิดว่าจะหาทางรับมือหรือไม่ก็อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขได้ แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาก็ทำเอาใบหน้าของเธอชาดิก สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอยู่ร่วมกันในฐานะไหน ไม่ว่าจะเป็นนางบำเรอหรือซ้อมเป็นภรรยาคู่ชีวิต เธอก็เป็นได้เพียงผู้หญิงที่ต้องนอนแบรอให้เขากลับมาเสพสมเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD