“ ความจริงเกิดเรื่องขึ้นเมื่อวันก่อนค่ะ ฉันเป็นลมตกลงไปในน้ำเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนที่ยังไม่ได้สติอาจิ้นมาพูดกับลูกว่า ฉันตายแล้วคุณจะแต่งงานใหม่ แล้วก็… อาเหอก็เลยไม่พอใจและกลัวว่าคุณจะเป็นอย่างที่อาจิ้นพูดน่ะค่ะ “ เยว่เทียนจึงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะมองภรรยาของเขา
“ คุณไม่เป็นไรมากใช่ไหมครับ “
“ ค่ะฉันไม่เป็นไร แต่ว่า …”
“ มีอะไรพูดมาเถอะครับผมรอฟังอยู่ “ เยว่เทียนเอ่ยตอบไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากฟังเสียงของเธอกัน
“ คือว่า ฉันอยากให้เราแยกบ้านค่ะ ทุกวันนี้ลูกไม่เคยได้กินอิ่มสักมื้อ ฉันแทบจะไม่ได้พักต้องทำทั้งงานบ้าน งานในแปลงนา ข้าวปลาแทบจะไม่ได้กิน ฉันว่าฉันทนมามากพอแล้วนะคะ ถ้าหากคุณไม่เห็นด้วยที่ฉันอยากแยกบ้านงั้นเราหย่ากันก็ได้นะคะ “
“ ใครบอกคุณว่าผมจะหย่า “ เยว่เทียนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้สองแม่ลูกสะดุ้งอย่างช่วยไม่ได้ เยว่เหอที่ตกใจก็ร้องไห้ออกมา ทำให้เยว่เทียนได้สติ เขารีบเข้ามาหาลูกชายหมายตั้งใจจะปลอบโยนเขา แต่ถูกลูกชายหันหนีไปซบอกแม่ของเขาแทน
“ แล้วทำไมต้องเสียงดังคะ ถ้าไม่อยากหย่างั้นก็แยกบ้านค่ะ “ ฟางหรูเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย เขามีสิทธิ์อะไรมาเสียงดังใส่เธอกับลูกกัน
เยว่เทียนที่เห็นว่าทั้งภรรยาและลูกชายไม่พอใจในตัวเขาเข้าแล้วก็กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พลางคิดทบทวนว่าหากแยกบ้านไปจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ เขาดึงห่อผ้าออกมาจากชายเสื้อที่เขาเย็บเป็นช่องเล็กๆเอาไว้เพื่อซุกซ่อนเงิน
“ ผมไม่รู้ว่าเงินแค่นี้จะพอให้เราแยกบ้านได้ไหม “ เขาวางเงินจำนวน 380หยวนตรงหน้าภรรยา
ฟางหรูที่เห็นการกระทำของเขาก็นึกขำแต่ก็รู้สึกดีไม่น้อยที่เขารู้จักซ่อนเงินบ้างแล้ว แต่เมื่อคิดอีกที กลับรู้สึกว่าเขาทำเช่นนี้กับภรรยาได้ยังไง สีหน้าจึงเปลี่ยนไป
“ คุณอย่าเข้าใจผิดนะครับนี่เป็นเงินที่ผมได้ค่าชดเชยมาจากโรงงานและผมแบ่งเอาไว้เป็นค่ารักษาตัวเอง ผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดีอย่างที่คุณคิดนะ “
“ ค่ะ “ ฟางหรูเอ่ยตอบก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้เขา
“ ที่ดินที่นี่ราคาเท่าไหร่คะ คุณพอจะรู้ไหม ไม่ดีกว่าฉันกลัวว่าแม่กับพี่น้องของคุณจะเข้าไปวุ่นวายกับเราอีก ไปอยู่ที่อื่นดีกว่าค่ะ เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงฉันมีวิธีหาเงินง่ายๆ รับลองว่าไม่เกินเดือนเราจะมีเงินมากกว่าหมื่นหยวนแน่นอน “
หลังจากที่ทั้งคู่ได้ปรึกษากันดีแล้วก็ตัดสินใจว่าจะแยกบ้านและย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ฟางหรูคิดว่ายังไงซะแม่เฒ่าเยว่ก็ไม่ยินยอมให้แยกบ้านอย่างแน่นอน คงมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เธอแยกบ้านได้สมดังใจ
” คุณถ้าฉันอยากจะให้คุณช่วยแสดงละครได้ไหมคะ “
“ ทำไมล่ะครับ “
“ แหม คุณก็ไม่หน้าจะถามนะคะ คุณหน้าจะรู้ดีว่าแม่คุณนิสัยยังไง ไม่มีทางที่หล่อนจะยอมให้เราแยกบ้านหรอกค่ะ ในเมื่อคุณกับฉันเป็นแรงงานชั้นดีแบบนี้ “ ฟางหรูเอ่ยขึ้นพลางจ้องมองสามีของตนเองจะกินเลือกกินเนื้อของเขา ทำเอาเยว่เทียนถึงกับขนลุกขนชันไม่น้อยเลย
“ ผมต้องทำยังไงครับ “ เขาเอ่ยถามผู้เป็นภรรยาแต่ได้กลับมาเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เท่านั้น ไม่รู้ว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้างถึงได้เปลี่ยนให้หญิงสาวที่เรียบร้อยอ่อนหวานกลายร่างเป็นนางมารร้ายแบบนี้ เขายิ้มขำกับท่าทางของเธอ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ น่าขำตรงไหนคะ หึ ขำดีนักนอนข้างนอกดีไหมคะ “
“ ไม่ครับ ไม่ดีแน่ ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นมากแล้ว ผมไม่อยากป่วยครับ นอนกับคุณกับลูกดีกว่า ” เขาขยับเข้ามาใกล้ๆกับเธอพลางจับมือของเธอเอาไว้ด้วย
“ หึ “ ฟางหรูแสร้งมองไปทางอื่นทั้งที่ใจเต้นแรงกับคำพูดแค่ไม่กี่คำของเขา และการกระทำเล็กๆน้อยๆแบบนี้
ปึงๆๆๆ เสียงประตูห้องถูกทุบอย่างแรงจากฝีมือของคนบ้านเยว่ ฟางหรูจึงเปิดประตูออกไปอย่างแรงทำให้ประตูกระแทกกับใบหน้าของสะใภ้รองที่มาทุบประตูห้องของเธอ
“ โอ๊ะ “
“ อุ๊ย โทษทีฉันไม่รู้ว่าพี่จะมายืนขวางประตูไว้น่ะค่ะ ว่าแต่มีอะไรงั้นหรอ “
“ นี่จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วทำไมหล่อนไม่ออกมาทำอาหารรอพวกเรา ที่ไปทำงานในแปลงนา “ สะใภ้รองโวยวายใส่เธอ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ งั้นหรอ ฉันจำไม่ได้ค่ะว่าต้องทำอาหารให้ทุกคนกิน ปกติฉันกับลูกก็ไม่ได้กินอาหารพวกนั้นอยู่แล้วก็เลยไม่คิดจะใส่ใจอะไร ไหนๆพี่สะใภ้รองก็มาแล้ว พี่ก็ทำเองสิคะ ฉันรู้สึกว่าตนเองยังไม่หายดีคงต้องพักผ่อนต่อนะคะ “ เอ่ยจบก็ดึงประตูปิดดังปึง เยว่เทียนจ้องมองภรรยาอย่างคาดไม่ถึง ว่าเธอจะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้
“ เชอะอยากกินก็ทำเองสิ ฉันไม่ใช่คนใช้นะยะ !! “ ฟางหรูบ่นออกมาอย่างลืมตัวว่ายังมีใครอีกคนในห้องไม่ใช่แค่เธอกับลูกชายเท่านั้น
“ แม่ครับ แล้วเราจะกินอะไรกันล่ะครับ ย่าต้องโกรธและทุบตีเราอีกแน่ๆ แม่ครับอาเหอกลัว “ เยว่เทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดต่อลูกและภรรยาไม่น้อย เขาเปิดประตูออกไปข้างนอกก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับแป้งย่างสามแผ่น น้ำซุปที่ใสจนมองเห็นก้นถ้วย เขานำมายื่นให้กับสองแม่ลูกที่มองแป้งย่างและถ้วยน้ำใส เอ่อ น้ำซุปอย่างมึนงง