นานเกือบชั่วโมงกว่าฝนจะหยุดตก พอฝนหยุดเดหลีก็สูดลมหายใจเข้าปอดปลุกใจตัวเองแล้วลากกระเป๋าที่เปียกไม่ต่างจากตัวเองเดินไปตามริมถนนต่อ เวลานี้ดึกมากแล้ว ไม่มีแม้แต่รถสักคันจะแล่นผ่านมา พอเดินไปได้สักพักก็เจอกับรถยนต์ที่ขับผ่านมา เธอจึงรีบทิ้งกระเป๋าวิ่งไปตัดหน้ารถให้รถยนต์คันนั้นจอด
“อยากตายรึไงคนสวย” หนุ่มฉกรรจ์หน้าบากมีแผลเป็นผ่าหน้าลดกระจกลงตะโกนถามเธอพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลังรถเปิดประตูลงมาจากรถ
เดหลีรู้สึกได้ถึงความอันตรายจึงก้าวถอยหลังทีละก้าวเพื่อจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกชายฉกรรจ์หน้าบากและอีกคนที่นั่งข้างคนขับเปิดประตูลงมาวิ่งมาล้อมเธอไว้ก่อน ‘ตายแล้วเดหลี’ เธอได้แต่อุทานกับตัวเองในใจเมื่อมองชายร่างใหญ่หน้าตาน่ากลัวและใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเครา
“จะไปไหน ไม่ใช่ต้องการให้เราสี่คนช่วยเหรอถึงได้วิ่งมาตัดหน้ารถพวกพี่แบบนี้คนสวย”
หนุ่มหน้าบากเอ่ยพร้อมกับยื่นมือมาจะจับลูบไล้หน้านวลเนียนของหญิงสาวที่เปียกปอนเหมือนลูกหมาข้างถนน
“ฉันนึกว่าเป็นรถของเพื่อนฉันเลยวิ่งออกไปตัดหน้า”
เธอบอกแล้วมองดูหน้าชายหนุ่มทั้งสี่คนสลับกันไปมาด้วยความสั่นกลัว
“งั้นก็คิดว่าพวกพี่ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนซะสิ ไปสนุกกันเถอะคนสวย” หนุ่มหน้าบากคนเดิมเอ่ยพร้อมพยักหน้าสั่งเพื่อนให้ล็อกตัวหญิงสาวไว้
“ว้าย! คุณพาทีช่วยเดหลีด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” เดหลีร้องดิ้นขัดขืน แต่ก็ถูกหนุ่มร่างใหญ่สองคนจับล็อกไว้แน่นจนไม่อาจจะดิ้นหลุดหนีไปได้
“แถวนี้มันเปลี่ยวไม่รู้รึไงคนสวย และฝนเพิ่งหยุดตกด้วย ยากที่จะมีรถผ่านทางมา ไปกับพวกพี่ดีกว่าคนสวย ไปสนุกกันเถอะ อุ้มเธอไปที่รถ”
ชายคนเดิมเป็นคนพูดพร้อมกับสองคนยกหิ้วแขนทั้งสองข้างเธอพาไปที่รถที่จอดอยู่ อีกคนเดินไปเปิดประตูรถรอ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น
“ปล่อยคนของฉันเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือ คนที่เพิ่งล้มตัวลงนอนก็มาโผล่ตรงนี้ทันทีพร้อมกับใช้พลังตัวเองผลักผู้ชายที่บังอาจแตะต้องคนของตัวเองกระเด็นออกไปให้พ้นทาง
ตุ้บ!
สองคนที่หิ้วยกเดหลีกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ด้านข้างถนนและนั่นทำให้คนที่เปิดประตูรอและหนุ่มหน้าบากหันมามองทางผู้มาใหม่ ส่วนเดหลีเมื่อเป็นอิสระก็วิ่งไปหลบหลังของผู้เป็นเจ้าชีวิตตัวเอง
“คุณพาทีช่วยเดหลีด้วยค่ะ เดหลีกลัว” เธอเอ่ยเสียงสั่น
“ไม่ต้องกลัวเด็กน้อย”
พาทีหันมายิ้มให้คนที่หลบอยู่ด้านหลังตัวเองพร้อมลูบหัวทุยเล็กแล้วเธอก็หมดสติไปพร้อมกับแขนของเขาตวัดกอดอุ้มเธอไว้ด้วยแขนข้างเดียว
“แกเป็นใคร?”
หนุ่มหน้าบากร้องตะโกนถามพร้อมเดินไปหยิบปืนที่มีติดรถมาเล็งไปทางคนที่ทำร้ายเพื่อนตัวเอง ส่วนสองคนที่กระเด็นไปกระแทกต้นไม้ก็ลุกเดินมาสมทบเพื่อนตัวเอง ตอนนี้ทั้งสี่หนุ่มยืนเรียงแถวหน้ากระดานมองมาทางเขาพร้อมอีกคนมีปืนในมือ
“ยิงดูสิ ถ้ากูไม่ตาย พวกแกตาย!”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังลอดออกมาจากริมฝีปากพร้อมกับช้อนอุ้มร่างน้อยเดหลีขึ้นแนบอกแล้วเดินเข้าไปหาพวกไม่รู้จักชะตาชีวิตทั้งสี่คน บังอาจนัก กล้าแตะต้องคนของตนเอง
“อย่าเข้ามานะเว้ย! ฉันยิงแกจริงๆ นะเว้ย!”
ชายหน้าบากตะโกนบอกสั่งมือสั่น เมื่อผู้ชายตรงหน้าเดินเข้ามาพร้อมกับดวงตาวาวโรจน์ประกายเป็นสีแดงเพลิง และไม่รู้ว่าโผล่มาได้ยังไง
“บอกแล้วไงว่าให้ยิง ถ้ากูไม่ตาย พวกมึงทั้งสี่ตาย” ไม่ใช่คำขู่ แต่เขาจะทำแบบที่พูดจริงๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
คนหน้าบากรัวกระสุนปืนใส่คนที่เดินเข้ามาหาตัวเองกับเพื่อนรัวๆ แต่เหมือนว่ามันจะไม่กระทบผิวของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“เป็นไปได้ยังไง มันยิงไม่เข้า” หนึ่งในเพื่อนของคนหน้าบากเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับมองหาทางหนี
“บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้ากูไม่ตาย พวกมึงตาย”
พาทีเอ่ยเสียงเหี้ยมแล้วก็ตวัดมือผลักทั้งสี่คนไปกระแทกกับรถด้านหลังพร้อมกับเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วควักหัวใจของเดนมนุษย์ทั้งสี่คนเรียงกันในเวลาไม่กี่อึดใจ หัวใจทั้งสี่ดวงถูกควักออกมาอย่างเหี้ยมโหดและสิ้นลมในทันที
“บทลงโทษที่พวกมึงกล้าแตะต้องคนของกู”
พาทีเอ่ยกับทั้งสี่ศพ ตลอดชีวิตที่อยู่มาเกือบหนึ่งพันปี เขาไม่เคยฆ่ามนุษย์สักครั้ง แต่พวกเดนมนุษย์พวกนี้สมควรตาย พาทีมองหัวใจทั้งสี่ดวงในอุ้งมือตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วเขาก็ใช้พลังของตัวเองปกปิดการตายของทั้งสี่คนเหมือนกับว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ศพทั้งสี่และรถยนต์ก็หายไปจากตรงหน้า หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับคราบเลือดและหัวใจในมือของเขาก็หายไป
“กลับบ้านของเรากันเดหลีน้อย”
แล้วเขาก็พาคนหมดสติกลับบ้านของตนเองและกระเป๋าเดินทางของเธอก็ไม่ลืมเอากลับไปด้วย