หล่อ ดิบ เถื่อน ห่าม

1668 Words
ช่างกันยังไม่พาฟีฟ่ากลับบ้านเขาได้ขับรถวนมาวนไป และไปที่ถนนโล่งๆนอกเมืองที่ไกลพอสมควร และเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็ก และโผล่ไปสนามแข่งรถ เมื่อไปถึงฟีฟ่าก็เห็นรถบิ๊กไบค์หลายคันจอดเรียงราย และอีกคันก็ของช่างกันนั่นเอง ที่พึ่งมาจอดต่อท้ายรถคันอื่น “นายพาเรามาที่นี่ทำไม” ตอนแรกฟีฟ่าก็รู้ว่าช่างกันจะพาออกนอนเมือง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน เพราะนั่งซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์ฟีฟ่าก็รู้สึกดีเหมือนกัน เป็นอะไรที่แปลกใหม่ที่เขายังไม่เคยทำ “เอ้า ทำไมมึงไม่บอกว่าไม่อยากมา เห็นนั่งเงียบก็นึกว่าอยากมา ยังจะมีหน้ามาถามกูอีก” “เอ๊ะนายนี่อย่างไงเนี่ย ถามแค่นี้ทำไมต้องพูดจากวนประสาทด้วย” “กูเป็นของกูอย่างนี้ ไม่ใช่ปากหวานอย่างไอ้ไอโซนั่น” “ไปพูดเรื่องคนอื่นทำไม เราพูดเรื่องที่นายพาเรามาที่นี่ต่างหาก” “มึงก็ดูเองซิที่นี่ที่ไหน” “จะมาแข่งรถเหรอ” “แข่งม้ามั้ง” “ประสาท” ช่างกันหันหน้ามามองยีนส์ ที่เปิดกระจกหมวกกันน็อคเห็นแต่ลูกตา ส่วนฟีฟ่าใจคอไม่คอยดีเลย เพราะกลัวช่างกันจะพาไปทำอะไรที่ไม่ดี “ก็มาแข่งรถนั่นแหละ แต่ต้องหาคนซ้อนท้ายด้วย พอดีได้จังหวะมึงซ้อนรถกูมา ก็เลยพามึงมาด้วย” “เราไม่ใช่สก็อยส์ เราเป็นบรรณารักษ์” “ใครว่ามึงเป็นสก็อยส์ เป็นเด็กท้ายรถต่างหาก” “เพลี้ยะ” ฟีฟ่าตีไปที่หลังของช่างกัน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย และหันไปมองเพื่อนๆของเขาที่มีอยู่คนหนึ่งกำลังเดินมาหาเขา “เพื่อนกูมาแล้วไม่ต้องถอดหมวกนะ”ช่างกันพูดขึ้น “ว่าไงไอ้กันวันนี้นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว พาใครมาด้วยเนี่ยแฟนเหรอ” “ไม่ต้องรู้หรอกว่าใคร” “หวงซะด้วย คืนนี้มึงจะลงแข่งไหม” “แข่งซิ” “ถ้างั้นก็ไปเลย ถ้าชนะได้แค่แชมเปญ ถ้าแพ้ขอคนซ้อนท้ายสักคืนได้ไหม”เพื่อนช่างกันแกล้งพูด “มึงจะเอาไปทำไม ไปทำปุ๋ยเหรอ”ช่างกันหัวเราะ “กูรู้นิสัยมึงไม่ต้องมาแกล้งพูดหรอก ถ้างานไม่ดีมึงไม่พามาหรอกไอ้กัน ไปว่าเขาเป็นปุ๋ย กลับบ้านไปมึงอดนอนกับเขาแน่” “พูดมากไปไกลๆเลยกูจะลงแข่งแล้ว” “โอเค” เพื่อนช่างกันเดินออกห่างจากรถ ฟีฟ่าจึงเปิดหมวกออกดู ซึ่งก็มีแต่ผู้ชายเกือบทั้งหมด มีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ซ้อนท้ายรถเหมือนฟีฟ่า “นายอย่าพนันน่ะ เดี่ยวแพ้ขึ้นมาเราแย่แน่เลย” “แย่อะไรของมึง” “เอ้า ก็เหมือนในหนังไง ถ้าแพ้ก็ต้องยกคนซ้อนท้ายให้คนชนะ บางครั้งโดนรุมทั้งแกงค์เลยนะ”ฟีฟ่าหวาดหวั่นพอสมควร “โอ๊ย ลองมึงถอดหมวกพวกมันก็ไอ้นั่นหดหมดแล้ว”ช่างกันอดหัวเราะไม่ได้ “ไม่แน่นะ เราไม่ไว้ใจผู้ชายหรอก” “แล้วมึงไว้ใจกูนี่นะ” “ก็ไม่ไว้ใจหรอก แต่นายคงไม่กล้าทำอะไรเราหรอก” “รู้ได่ไงว่ากูไม่กล้าทำมึง” “ก็นายไม่ได้ชอบเรานี่ ที่มารับเราก็เพราะเป็นคำขอร้องของพ่อเราให้มารับ ไม่ได้เต็มใจมาซะหน่อย” “มึงรู้ได้ไง ว่ากูไม่ได้เต็มใจมารับมึง”ช่างกันเสียงเริ่มไม่สู้ดีนัก เพราะรู้สึกโกรธฟีฟ่าที่ดูถูกน้ำใจเขา “อ้าว นายเต็มใจเหรอ ” ช่างกันหยุดพูดเพราะอึ่งความคิดของฟีฟ่า ที่ชอบมองเขาในแง่ร้าย แต่เขาก็พอจะเข้าใจเพราะตอนแรกที่เจอกันก็ไม่ค่อยถูกชะตากัน “ไอ้กันมัวจีบกันอยู่นั่นแหละ เข้าไปที่จุดสตาร์ทได้แล้ว” ช่างกันยกมือเป็นคำรับรู้ หลังจากนั้นเขาก็ขับรถไปที่จุดสตาร์ททันที โดยมีฟีฟ่าซ้อนท้ายด้วยใจที่หวาดหวั่น “กอดเอวไว้แน่นๆนะ”ช่างกันหันหน้ามาพูดกับฟีฟ่า ฟีฟ่าพยักหน้าแล้วกอดเอวของช่างกันไว้แน่น และเขาก็หันไปมองคนซ้อนท้ายรถคู่แข่ง ที่ดูจากภายนอกก็ผู้หญิงอย่างชัดเจน ฟีฟ่าหันไปมองแวบเดียวและหันกลับมาที่เดิม เพราะใกล้เวลาที่ช่างกันจะขับรถออกไปแล้ว ชั่วอึดใจของฟีฟ่าช่างกันก็ขับรถแล่นออกไปอย่างสูสี กับฝั่งตรงข้ามที่ที่ออกตัวแรงพอกัน ฟีฟ่ากอดเอวช่างกันไว้แน่น เพราะกลัวตกกลัวรถล้ม สารพัดกลัวที่จะเกิดขึ้น เพียงเวลาไม่นานช่างกันก็แซงคู่แข่ง และตีโค้งรถเอียงจนเข่าเกือบโดนพื้น ทำให้ใจคอของฟีฟ่าหล่นหายไปหลายรอบที่เข้าโค้ง ใกล้ถึงเส้นชัยช่างกันนำคู่แข่งนิดหน่อย เขาจึงเร่งความเร็วสุดท้ายพุ่งเข้าเส้นชัยชนะคู่แข่งอย่างหวุดหวิด ฟีฟ่าถึงกับหายใจทั่วท้องทันที เมื่อช่างกันจอดรถท่ามกลางผู้ชายนับสิบ “คืนนี้มึงโชคดี สงสัยตัวนำโชคอยู่ข้างหลังแน่แลย”เพื่อนช่างกันคนเดิมพูดขึ้น “ขอดูหน้าแฟนหน่อยได้ไหม”เพื่อนอีกคนเดินเข้ามาใกล้ๆ ถือแชมเปญหนึ่งขวดยื่นให้ช่างกัน ช่างกันรับไว้และยื่นให้ฟีฟ่าถือไว้ เพราะนี่คือรางวัลแค่ผู้ชนะในค่ำคืนนี้ เมื่อฟีฟ่ารับแชมเปญไว้แล้ว ช่างกันจึงรีบขับรถแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว จนสร้างความมึนงงแก่เพื่อนฝูงอย่างมาก ช่างกันขับรถกลับเข้าเมืองอีกครั้ง เพื่อที่จะพาฟีฟ่ามาส่งที่บ้าน แต่ก่อนส่งฟีฟ่าที่บ้านเขาได้จอดรถบนสะพาน “ลงซิ”ช่างกันหันหน้ามาพูดกับฟีฟ่า ฟีฟ่าลงจากรถบิ๊กไบค์และถอดหมวกกันน็อคออก และยืนพิงรั้วสะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฟีฟ่าได้เห็นความสวยงามยามค่ำคืน “สวยไหม”ช่างกันเดินมายืนข้างๆมองสายน้ำที่ไหลเป็นคลื่นท่ามกลางแสงไฟ “ใครสวย”ฟีฟ่าพูดขึ้นโดยไม่หันมามองช่างกัน เพราะเขาไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้เห็นสายน้ำยามค่ำคืน “มึงมั้ง” “ขอบใจนะที่ชม” ช่างกันมองฟีฟ่าแล้วเผลอยิ้มออกมาในความน่ารักของฟีฟ่า หลังจากนั้นเขาก็เปิดขวดแชมเปญออกมีฟองพุ่งขึ้น “นายทำอะไรน่ะ” “ก็เปิดให้มึงดื่มไง เป็นครั้งแรกที่กูแข่งรถชนะ ขนาดไม่มีใครซ้อนยังแพ้เลย แต่นี่มึงซ้อนดันชนะ ก็ถือซะว่ามึงเป็นตัวนำโชคก็แล้วกัน” “งั้นเชียว” ช่างกันยื่นขวดแชมเปญให้ฟีฟ่า พร้อมมองฟีฟ่าด้วยสายตาที่เปลื่ยนไปอย่างมาก จนฟีฟ่ารู้สึกได้ว่าสายตาของช่างกันนั้น ต้องมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกแกเขา “เราไม่ดื่มหรอก นายดื่มเถอะ” “ก็ได้ กูดื่มคนเดียวไม่เปลืองด้วย”ช่างกันกระดกขวดดื่มทันที ฟีฟ่านึกว่าช่างกันจะคะยั้นคะยอให้แต่ผิดคาด เขากลับดื่มคนเดียวเรื่อยๆจนหมดขวด โดยไม่พูดจากับฟีฟ่าสักคำ ในระหว่างดื่มแชมเปญที่ได้มาด้วยชัยชนะ “วันนี้กูมีความสุขมากเลยรู้ไหมไอ้ฟีฟ่า”ช่างกันยิ้ม ฟีฟ่าเห็นรอยยิ้มช่างกันชัดๆเป็นครั้งแรก และเป็นรอยยิ้มทั้งใบหน้า ยิ้มจนเห็นฟันแต่ดวงตากับเบิกกว้าง “นายยิ้มเป็นด้วย” “ไอ้ฟีฟ่ากูเป็นคนนะ ทำไมจะยิ้มไม่เป็นแม้แต่หมาแมวมันยังยิ้มเลย” “พูดเรื่องจริงก็โกรธ”ฟีฟ่าหาวนอนหลายครั้งติดกัน “ดูท่าทางมึงจะไม่ไหวแล้ว ถ้างั้นกลับบ้านกัน” ฟีฟ่าเดินไปที่รถและหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวมใส่ และขึ้นคร่อมรถทันที เพราะช่างกันเตรียมสตาร์ทรถรออยู่แล้ว ฟีฟ่ากอดเอวของช่างกันตามเคย เพราะกลัวตกอย่างที่สุด ความรู้สึกของฟีฟ่าเริ่มแปลก เพราะกอดช่างกันคราวนี้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ได้รับ ส่วนช่างกันนั้นก็ไม่ต่างกันซักเท่าไร เขารู้สึกชอบที่ฟีฟ่ากอดเขาทุกครั้ง ที่ได้ซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์ของเขา เวลาที่ช่างกันไม่อยากให้มาถึงแต่ก็หลีกไม่พ้น ช่างกันจอดรถหน้าบ้านของฟีฟ่าด้วยใจที่ไม่อยากให้ฟีฟ่าลงจากรถ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะฟีฟ่าลงจากรถไปแล้ว และยื่นหมวกกันน็อคให้เขา ช่างกันจึงหยิบมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “ขอบใจมากนะ”ฟีฟ่ายิ้มให้ช่างกัน รอยยิ้มของฟีฟ่านั้น ทำให้ช่างกันอดอมยิ้มใต้หมวกกันน็อคไม่ได้ เขามองฟีฟ่าอยู่พักหนึ่งและสตาร์ทรถออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่คนที่พูดกับอยู่ข้างรั้วยืนหลบมุมอยู่ และกำลังเดินออกมาหาฟีฟ่า “ตอนเย็นไปกับอีกคนหนึ่ง ตอนกลับมากับอีกคนหนึ่ง”ไนท์พูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่มีรอยยิ้มนิ่ง ส่วนใจของเขานั้นร้อนรนจนแท่บทนไม่ไหว “เกี่ยวอะไรกับน้องไนท์ด้วย” “ไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอกครับ แค่ผมอยากเป็นหนึ่งในนั้นซักครั้งหนึ่ง”เมื่อไนท์พูดจบเขาก็หันหลังให้ฟีฟ่าและเดินไปเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ในส่วนของฟีฟ่าก็ยืนงงกับคำพูดของไนท์อยู่พักหนึ่ง ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าไนท์พูดอย่างนั้นทำไม แต่ฟีฟ่าก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาจึงเปิดรั้วเข้าไปในบ้านอย่างเช่นไนท์ทำเมื่อครู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD