“คุณเก่งนะ เด็กเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะมีความคิดทำนองนี้หรอก ชอบติดหรูอยู่สบายมากกว่า”
“ไม่หรอกค่ะ เด็กแบบเพลินคิดแบบนี้เยอะเลยค่ะ รักธรรมชาติ คิดเรื่องการสร้างทรัพยากร คิดเรื่องการปลูกต้นไม้ คิดเรื่องการทำปุ๋ยหมัก ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและยากำจัดศัตรูพืช” เธอก็เคยคุยกับคนที่มีแนวคิดเดียวกัน มันทำให้พลังในตัวของเธอมีเพิ่มมากขึ้นหากได้คุยกับคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
“คุณก็ทำได้ ถ้าอยากทำลองหาที่ดินที่ชอบดูสิ แล้วซื้อเอาไว้สักแปลง”
“เพลินไม่มีเงินหรอกค่ะ ไม่มีอีกแล้วเงินเก็บที่เพียรเก็บมานานหลายปีมันหมดไปแล้วค่ะ” เธอเม้มปาก นึกถึงเงินเก็บของตัวเองแล้วหน้าหมองลงในทันที
“อดีตเคยเก็บได้ ปัจจุบันและอนาคตก็ต้องเก็บได้สิ ถ้าเราเคยทำอะไรสำเร็จมาแล้ว การที่เราจะทำมันสำเร็จอีกครั้ง ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ” ประโยคกินใจของเขา ทำให้เธอยิ้มออก
“ว้าย! ฝนตก” เดินเล่นอยู่ในไร่ของเขา จู่ๆ ฝนก็ดันตกลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพลินตาหันรีหันขวาง ในขณะที่นิรันดร์รีบจับมือน้อยของเธอวิ่งไปหลบยังกระท่อมในไร่
“เปียกหมดเลย” เธอวิ่งเข้ามาในกระท่อมแล้วต้องบ่นอุบเพราะเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด มือน้อยลูบไล้เสื้อผ้าเบาๆ นั่นยิ่งทำให้ความเปียกชุ่มแนบเนื้อยิ่งขึ้น นิรันดร์เบือนหน้าหนีจากภาพอันแสนเซ็กซี่ตรงหน้า เพราะมันทำให้เขาใจสั่น
“เราคงติดฝนอยู่ที่นี่พักใหญ่ ช่วงนี้ฝนหลงฤดู ตกบ่อยทั้งๆ ที่ไม่ใช่ฤดูของมันเสียหน่อย” เขาเดินนำเธอเข้าไปในกระท่อม ทำให้เพลินตาจำต้องเดินตามเข้าไปด้วย บรรยากาศภายในกระท่อม ทำให้เธอตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
เครื่องเรือนในกระท่อมเป็นไม้สักเนื้อดี ตกแต่งสวยงามแปลกตา ข้าวของน้อยชิ้นแต่ใช้ประโยชน์ได้ในยามที่ต้องพักค้างอ้างแรม
“นั่นห้องน้ำ” ประโยคของเขาทำให้เธอสะดุ้ง เจอว่าในมือของเขามีผ้าขนหนูและเสื้อผ้าสำหรับเธอ ซึ่งเป็นเสื้อของเขาเอง
นิรันดร์ยื่นให้เลขาสาวของตัวเอง มองเธอด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู
“เสื้อผ้าของผม อาจจะตัวใหญ่ไปสักหน่อย แต่ดีกว่าต้องทนตัวเปียกอยู่แบบนี้ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาเสียเปล่าๆ” ประโยคเอื้ออาทรของเขาทำให้เธอใจอ่อนยวบ
เธอก็รู้สึกเหนียวตัว เดินชมไร่มานานนับชั่วโมงแล้ว ที่สำคัญก็คือโดนฝนจนตัวเปียกแบบนี้ ถ้าได้อาบน้ำอาบท่าน่าจะสบายตัวขึ้น เธอจึงรับผ้าขนหนูและเสื้อจากมือของเขาก่อนจะกล่าวขอบคุณเบาๆ และรีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าในทันที
เธอออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าหลวมโพรก เดินเก้ๆ กังๆ เพราะกางเกงหลวมมากจนต้องร้องออกมาเพราะจู่ๆ เจ้ากางเกงที่เธอผูกเอวเอาไว้ มันดันหลุดร่วงลงไปกองแทบเท้าของตัวเอง
“ว้าย!” เสียงร้องของเธอทำให้คนที่ถอดเสื้อผ้าเปียกปอนของตัวเองออกแลวและอยู่ภายใต้เสื้อคลุมตัวใหญ่ต้องหันมอง
เพลินตาหน้าแดงก่ำ ก่อนจะรีบดึงกางเกงขึ้นมาถือเอาไว้
“กางเกงมันใหญ่ไปน่ะค่ะ”
“มันมีเชือกผูกเอวแล้วนะ สงสัยคุณจะไม่เคยนุ่งกางเกงแบบนี้เลยทำไม่เป็น” เขาเดินเข้าหา ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเป่ารดอยู่กับแก้มสาวเมื่อเขาก้มตัวลงมาจับสายกางเกงให้เธอเพื่อจะนุ่งให้
หัวใจของเพลินตาเต้นถี่อย่างรุนแรง เธอมองแผงอกกว้างของเขาผ่านรอยแยกของเสื้อคลุมตัวใหญ่แล้วใจสั่น
“เรียบร้อยแล้ว ทีหลังก็นุ่งแบบนี้นะ” ประโยคของเขาทำให้เธอรีบละสายตาจากอกกว้างของเขาในทันที
“ค่ะ” เธอรับคำ หลบสายตาถอยหนี
“ผมอาบน้ำก่อนนะ เราคงติดฝนอีกพักใหญ่ ดีไม่ดีจะติดฝนถึงเช้าเลย”
“ดีนะคะที่ในกระท่อมมีไฟ ไม่งั้นเราคงต้องอยู่ในความมืด” เวลาฝนตกไฟชอบดับ เธอเลยกลัวไฟจะดับ ประโยคที่เขาบอกว่า... เธอต้องอยู่กับเขาถึงเช้าก็ทำให้เธอเริ่มเป็นกังวล
เรื่องอาหารการกิน เรื่องความเหมาะสม แต่เพลินตาก็ตัดทุกอย่างทิ้งไป ด้วยว่าเธอทำอะไรไม่ได้แล้วในเวลานี้
นิรันดร์เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็ว เขานุ่งผ้าขนหนูออกมาเพียงผืนเดียว มือข้างหนึ่งเช็ดผมไปด้วย
เพลินตาที่กำลังสำรวจกระท่อมหลังน้อยของเขาอย่างเพลิดเพลินหันมาพอดี เธอหน้าแดงเมื่อเผลอมองแผงอกกว้างของเขา ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคอติดกันอยู่หลายครั้ง
ท่านประธานของเธอแซ่บมาก ทำไมหุ่นของเขาถึงได้เซ็กซี่ถึงเพียงนี้นะ
“มองผมแล้วกลืนน้ำลายหมายความว่ายังไงครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลของเขาทำให้เธอใจสั่นอย่างประหลาด
“เปล่ามองสักหน่อยค่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าไม่ได้มอง” เขาเดินเข้าหา จ้องตาเธอเหมือนต้องการค้นหาความจริง ทำเอาคนปากแข็งใจสั่น
“ท่านประธานถอยออกไปก่อนค่ะ วะ! ว้าย!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเสียหลักทิ้งตัวลงไปนอนหงายกับเตียงนอนกว้างทางด้านหลัง ที่ร้ายไปกว่านั้นเธอดันคว้าไหล่กว้างของเขาให้ตามลงมาด้วย
คนแค่คิดอยากจะแกล้งเสียหลักลงไปทาบทับบนร่างน้อยของเลขาสาวเต็มๆ เขามองสบตาเธอนิ่ง ในขณะที่หัวใจของเพลินตาเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าร้องด้านนอกดังขึ้น แถมฝนยังตกลงมาหนักกว่าเดิม ทำให้คนที่กลัวเสียงฟ้าร้องตกใจสะดุ้งสุดตัว เธอกอดเขาเอาไว้แนบอก ซุกหน้าเข้าหาอกกว้างของเขาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัวนะ” เขากระซิบที่ริมหูของเธอ น้ำเสียงอบอุ่นของเขาทำให้เธอหลงเคลิ้มไปกับความอ่อนโยนนั้น
“ท่านประธานสัญญานะคะว่าจะไม่ไปไหน” เธอกระซิบอ้อนเขา ไฟในกระท่อมมืดมิด ซึ่งมันดับไปเรียบร้อยแล้ว มีเพียงแสงจากสายฟ้าที่ส่องสว่างเข้ามาเป็นบางช่วง
“ผมไม่ทิ้งคุณหรอก” ประโยคของเขามันอ่อนโยนจนเธอใจสั่นสะท้าน ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้เธอประทับริมฝีปากกับริมฝีปากหยักหนาของเขา
นิรันดริ์นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ทำให้เพลินตาเริ่มได้สติ เธอขยับใบหน้าหนีแต่ต้องร้องครางเสียงอู้อี้เมื่อเขารั้งท้ายทอยของเธอเอาไว้แล้วบดจูบเธออย่างดูดดื่ม
เพลินตาเบี่ยงหลบแต่ก็หลบไม่พ้น เขารั้งท้ายทอยเอาไว้ไม่ยอมปล่อย บดจูบเธออย่างดุดัน ทำให้หญิงสาวจำต้องจูบตอบเขาไปอย่างเร่าร้อนเช่นกัน
มือบางของเธอวางที่อกกว้างของเขา หอบหายใจสะท้านเมื่อเขาผละใบหน้าออกห่าง ร่างกายของเขาทาบทับและแนบชิด มือหนาลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวหอมกรุ่นที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมาไม่นาน
เพลินตาร้องครางเสียงสั่นยามที่ใบหน้าของเขาซุกไซ้ลงไปยังทรวงอกอวบอิ่ม มือหนาของเขาดึงรั้งเสื้อยืดตัวหลวมที่เธอสวมใส่อยู่ขึ้นไปเหนือปทุมถัน
ปากร้อนของเขารวบดูดอย่างหิวกระหาย พร้อมๆ กับมือหนาที่สัมผัสเคล้าคลึงอย่างร้อนแรง เธอแอ่นอกให้เขาอย่างเสียวซ่าน ใจสั่นสะท้านยามที่เขาขยับใบหน้าลงไปยังหน้าท้องเนียนนุ่มและแวะจุมพิตสัดส่วนนั้นอย่างหยอกเอิน
เพลินตารู้สึกว่าหัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นยามที่เขาซุกใบหน้าเข้าหากลีบกายสาวของเธอ เหมือนโลกทั้งโลกจะถล่มทลายลงมาแทบเท้าของเธอเมื่อลิ้นสากร้อนเปียกชุ่มของเขาซุกแทรกเข้าหาเพื่อลามเลียกลีบสวาท
ปุ่มกระสันกลางกายของเธอสั่นระริกหยาดเยิ้มยามที่เขาตวัดเลียขึ้นลงอย่างรุกเร้ารุนแรง เขาทำให้เธอเสียวซ่านจนต้องร้องครางไม่เป็นส่ำ ร่างกายของเธอสั่นกระตุกเสียวซ่านจนแทบทานทนไม่ไหว แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ถาโถมเอาความเสียวซ่านเข้ามาโจมตีเธออย่างรุนแรง เพียงไม่นานเธอก็ค้นพบความสุขสมด้วยการหยัดกายปลดปล่อยหยาดน้ำทิพย์หวานหยดให้เขาอย่างสุดกลั้น
เขาบดจูบริมฝีปากของเธอ ให้เธอได้เชยชิมความหอมหวานจากรสชาติของเธอเอง เขาจูบเธออย่างดูดดื่มในขณะที่สอดแทรกร่างกายเข้ามาตรงหว่างขาของเธอ
เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เสียดสีอยู่ตรงร่องรัก เพลินตาร้องครวญครางยามที่เขาฝากฝังลงมาหา เธอเสียวซ่านจนต้องร้องครางไม่เป็นส่ำ เกร็งร่างรับความใหญ่โตที่แนบชิดเข้ามาหาให้เธอได้ตอดรัดทุกทิศทาง