นึกถึงเรื่องเมื่อวานมัทนาพลันฉุนขึ้นมา จิรัสย์ลากเธอเข้าบ้านท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองพวกเราด้วยความสงสัย ชายหนุ่มบอกว่ามีเรื่องให้ช่วย ซึ่งเรื่องที่อีตาบ้านั่นให้เธอช่วยคือช่วยนั่งอยู่เฉยๆ เป็นเพื่อนหน่อย และไม่ปล่อยให้เธอได้ออกไปเดินเฉิดฉายอีกเลยจนกระทั่งถึงเวลาที่ท่านเมฆาเป่าเค้กวันคล้ายวันเกิด ลูกชายท่านนายกรัฐมนตรีถึงได้ลากเธอออกจากบ้านไปพร้อมกับเขา
วีรกรรมจิรัสย์ยังไม่หมด คีรินหนุ่มวัยสามสิบห้าใบหน้าหล่อเหลาที่คุณหญิงพรรณีแนะนำให้เธอได้รู้จัก ลุงชุณยังขัดขวางไม่ให้เธอได้พูดคุย
"คุณผักกาดอยู่นี่เอง ผมตามหาแทบแย่" คีรินถูกใจมัทนามาก แม้อายุเราสองคนห่างกันพอสมควร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
แต่ที่มีปัญหาน่าจะเป็นจิรัสย์มากกว่า ลูกชายท่านเมฆามองผู้ชายที่เดินเข้ามาพูดคุยกับมัทนาตาขวาง "มีธุระอะไรกับยายเด็กนี่เหรอครับคุณคีริน"
"ได้ยินว่าคุณผักกาดทำงานธนาคาร เผื่อผมจะปรึกษาเรื่องสินเชื่อธุรกิจ เลยอยากจะขอคอนแทกต์ไว้ครับ"
ต่อให้นอนตะแคงฟังเหตุผลคีริน จิรัสย์ก็ยังรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลสักนิด มัทนาเป็นเพียงพนักงานตัวน้อยๆ ส่วนคนที่บอกจะปรึกษาสินเชื่อธุรกิจกับหญิงสาวคือทายาทพันล้าน แค่คิดว่าอยากได้เงินมาลงทุน ธนาคารก็พร้อมไปทำสินเชื่อให้ถึงที่ และแน่นอนว่าพนักงานที่ดูแลลูกค้ารายใหญ่ไม่ใช่มัทนา นักศึกษาจบใหม่ป้ายแดงที่ยังไม่ผ่านการทดลองงานด้วยซ้ำ
อย่างคีรินเอาอะไรมาปรึกษาสินเชื่อ อยากปรึกษาเรื่องหาเมียมากกว่า ไอ้นี่มองแค่หางตายังรู้เลยว่าร้ายแค่ไหน กะจะลากยายผักกาดไปฟาดบนเตียงล่ะสิไม่ว่า
เฮอะ! อย่าฝัน
"นะครับ ขอคอนแทกต์ให้ผมหน่อย เผื่อผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณผักกาดไง" มัทนาเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากจริงๆ เจ้าหล่อนไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่พอยื่นโอกาสได้แล้วรีบคว้าหมับไว้ด้วยสายตาลิงโลด
เธอลังเล..
ไม่แน่ใจ
ไม่ตื่นเต้นไปกับผู้ชายที่ใครต่อใครก็ว่าเพอร์เฟกต์เช่นเขา
ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ดึงดูดให้อยากเข้าไปทำความรู้จัก
"ถ้าฝ่ายสินเชื่อของคุณคีรินถึงขั้นต้องให้ผู้บริหารมาทำเรื่องกู้ธนาคารเอง ผมว่าไล่ออกแล้วหาคนทำงานใหม่เถอะครับ อย่าจ้างให้เปลืองงบบริษัทต่อไปเลย" คุณหญิงเพ็ญแขเจ้าแม่วงการอสังหาริมทรัพย์ถ้ารู้ว่าลูกชายวอแวกับมัทนา มีหวังวีนแตกแน่ เขาพอรู้อยู่ว่านิสัยแม่คีรินเป็นยังไง "อีกอย่าง.. ปรึกษาคุณแม่คุณคีรินดูก่อนไหมครับว่าอยากให้ผักกาดเป็นที่ปรึกษาสินเชื่อให้คุณหรือเปล่า แต่ถ้าถามความเห็นผม ผมว่าแม่คุณคงไม่ปลื้มถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้"
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิรัสย์ขัดขวางไม่ให้ผู้ชายคนอื่นเข้าหาเธอ แต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ถ้าไม่คิดว่าเขาเจ้าชู้ เธอคงเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่าลูกชายคนหญิงพรรณีมีใจให้
ไม่! เธอเคยคิดต่างหากล่ะว่าจิรัสย์ต้องมีซัมติงอะไรในใจแน่
แต่พอคิดดูดีๆ อีกทีก็ดูเหมือนไม่มีอะไร เพราะเขาไม่ได้จีบ ไม่ได้หยอด ไม่ได้อ่อย มีแต่กวนบาทาให้โมโหทุกครั้งที่เจอหน้า
ถึงแม้เมื่อหลายปีก่อนเหมือนเขาจะรู้สึกพิเศษกับเธอก็ตาม แต่แล้วไง สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไร แค่หมาหยอกไก่ ผู้ชายเจ้าชู้อยากเล่นสนุกเท่านั้น
เอาอะไรมาจริงจัง
"ช่างแม่งเถอะ!" จิรัสย์จะคิดหรือไม่คิดอะไรกับเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมากให้ปวดหัว งานตรงหน้าต่างหากเล่าที่ต้องใส่ใจ
หรือหากว่าจิรัสย์เกิดชอบเธอขึ้นมาจริงๆ ละก็.. จ้างให้นังมัทนาคนนี้ก็ไม่เอาอีตาบ้านั่นมาทำพันธุ์หรอก คนอะไรนิสัยไม่ดี ชอบกวนประสาทคนอื่นไปทั่ว ไม่สิ! ตั้งแต่รู้จักกันมา ดูเหมือนว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวกระมังที่ถูกกวนโมโห ส่วนกับคนอื่น ชายหนุ่มก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นตัวร้ายของใครหลายคน ยกเว้นก็แต่กับผู้หญิงสวยอะนะ
ร้านลูกชิ้นทอดมัทนา ตั้งแต่เปิดมาวันแรกจนถึงปัจจุบันไม่มีสักวันที่ขายไม่ดี ด้วยว่าแม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใส อะไรที่พอแถมได้หญิงสาวก็ไม่เกี่ยงงอนที่จะให้ลูกค้าไป ทั้งยังสะอาดสะอ้าน ผักกาด แตงกวา ซึ่งเตรียมไว้ให้ลูกค้าได้หยิบฟรี เจ้าของร้านล้างอย่างดีเสมือนทำให้คนในครอบครัวรับประทาน
มัทนาใส่ใจทุกอย่างที่ทำเสมอ เธอเป็นอย่างนี้ตลอดมา เป็นนิสัยที่ใครต่างก็ชื่นชม โดยเฉพาะคุณหญิงพรรณีกับท่านเมฆา ทั้งคู่เอ่ยปากกับหญิงสาวอยู่บ่อยครั้งว่าเธอเป็นเด็กดี ถ้าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าหล่อนจะเป็นความภูมิใจของบิดามารดา เป็นลูกสาวที่น่ารัก น่าเสียดายที่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองจากไปตั้งแต่มัทนาอายุเพียงสิบห้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กสาวก็ไม่ต่างจากเหลือตัวคนเดียว แม้มีญาติพี่น้องทั้งฝั่งบิดา ฝั่งมารดา ทว่าไม่มีใครเต็มใจรับเด็กกำพร้าไปดูแลสักคน มีเพียงน้า น้องสาวแท้ๆ ของแม่ที่รับอาสาเป็นผู้ปกครองดูแลมัทนาจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
ฟังดูเหมือนจะดี แต่ความจริงแล้วคนเป็นน้าไม่ได้อยากรับหลานไปเลี้ยง แต่หวังเงินหนึ่งล้านบาทที่คู่กรณีเยียวยาหลานสาว หลังจากได้รับเงินมา น้าของมัทนาก็ไม่เคยดูดำดูดีเจ้าหล่อน
ส่วนเงินหนึ่งล้านบาท มัทนาได้ใช้เพียงเดือนละสามพัน ขอเพิ่มไม่ได้ ถ้าอยากได้เพิ่มต้องทำงานแลก ยังดีที่ว่าหลังพ่อแม่หญิงสาวจากไปไม่นานก็มีผู้ใหญ่ใจดีขอรับอุปการะ มอบทั้งเงิน ทั้งคอยสอบถามความเป็นไป และอบรมสั่งสอนในบางครั้งแทนคนเป็นพ่อเป็นแม่ มัทนาจึงโตมาเป็นมัทนาเหมือนอย่างในทุกวันนี้
นึกถึงคุณเจทีไร เรียวปากอิ่มก็ขยับยิ้มทุกคราไป
ไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้พบหน้ากันไหม เธออยากตอบแทนบุญคุณเขาบ้าง หากไม่มีผู้ชายคนนั้น ไม่รู้เลยว่ามัทนาจะเป็นมัทนาเหมือนอย่างที่เป็นไหม หรือกลายเป็นเด็กใจแตกเรียนไม่จบไปเสียแล้ว เพราะด้วยสภาพสังคมรอบข้าง ขาดคนอบรมสั่งสอน และความเป็นเด็ก หญิงสาวไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเก่งพอจนเอาตัวรอดได้หรือไม่เมื่อไร้พ่อขาดแม่ ไร้ที่พึ่งพา ขาดที่ปรึกษา ไม่มีคนคอยช่วยประคับประคอง
เรียวปากอิ่มเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งหน้าตา ทว่าเขาดีกับเธอเหลือเกิน ร้านลูกชิ้นทอดนี่ก็เป็นความคิดของคุณเจ แถมเขายังเป็นคนหาทำเลที่ตั้งร้านให้ ซึ่งนับว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียว ค่าเช่าถูก คนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเปิดร้านเช้า กลางวัน หรือช่วงเย็น ก็ไม่เคยขาดลูกค้า เสียอยู่อย่างเดียว..
"ทอดลูกชิ้นให้กินหน่อยดิ โคตรหิวเลยอะ เอาหมดนี่แหละ เร็วๆ ด้วยนะ อย่าช้า" จิรัสย์ที่พึ่งก้าวขาลงจากซูเปอร์คาร์ราคาหลายสิบล้าน หยุดยืนที่หน้าร้านลูกชิ้นทอดแล้วบอกกับแม่ค้าหน้าตาไม่รับแขกถึงความต้องการของตน "อ้อ! คราวหน้าคราวหลังทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย นี่อะไร หน้างออย่างกับตะขอเกี่ยวปากปลา"
เจ้าของพื้นที่ที่ให้เธอเช่าทำมาหากินนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ "หนูจะทำหน้ายังไงก็เรื่องของหนูไหม อีกอย่างนะ หนูไม่ใช่คุณที่จะยิ้มเรี่ยราดให้คนอื่นไปทั่ว"
เฮอะ! เขาคนเดียวเสียเมื่อไหร่ที่ยิ้มเรี่ยราด มัทนาก็ใช่ย่อย เธอโปรยเสน่ห์ใส่คนอื่นไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ ทั้งผู้หญิง เด็ก คนชรา โดยเฉพาะกับผู้ชายขาหื่นทั้งหลาย แหม.. พูดจาแต่ละที คะขาก็มา ทีกับเขานะ ไม่ด่าก็นับว่าบุญ ไม่รู้จะชังน้ำหน้าอะไรกันนักหนา ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะเรื่องคืนนั้น มันก็ผ่านมานานแล้วไหม อีกอย่างเขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ที่ไหนกัน
"ทำไม พี่ยิ้มเรี่ยราดแล้วมันผิดตรงไหน ผักกาดอย่าบอกนะว่า.." จิรัสย์หรี่ตามองเด็กสาว ทั้งยังยิ้มแบบมีเลศนัย "หึงพี่เหรอ"
เหมือนฟังเรื่องตลก นังผักกาดอยากหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปากจริงๆ "หึงอย่างนั้นเหรอคะ โอ๊ย! เอาอะไรไปหึง แค่หน้าคุณ หนูยังไม่อยากมอง"
"แรงอะ เสียใจนะเนี่ย" ถ้าเป็นครั้งแรกที่ได้ฟังมัทนาพูด เขาอาจรู้สึกตามที่ปากว่าออกไป แต่นี่เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ฟังจนชิน ฟังจนชา จนไม่รู้สึกหรือคิดถือสาคำพูดเด็กสาว
ความเสียใจจอมปลอมของคนกะล่อนนิสัยไม่ดีทำให้มัทนาอดเบะปากพร้อมกลอกตามองบนไม่ได้ "อย่ามาการละครแถวนี้เลยค่ะ คุณจ่ายเงินค่าลูกชิ้นหนูมาแล้วไปรอหนูข้างบนดีกว่า"
"เซ็นไว้ก่อนได้ไหม เดี๋ยวจ่ายมีหลัง" เขาเย้าแม่ค้าที่รู้จักนิสัยกันดีว่าเค็มยิ่งกว่าน้ำทะเล แม้เกลือยังไม่อาจเทียบมัทนาได้
"ไม่ได้ค่ะ ของซื้อของขาย ถ้าจะกินก็จ่ายมา"
มือน้อยยื่นมาแบตรงหน้าเขา แม้ไม่ได้สัมผัสแต่ก็รู้ว่ามือคู่นี้สากแค่ไหน ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนมือหญิงสาวหลายคนที่เคยจับ จิรัสย์สงสารมัทนาจับหัวใจ หากพ่อแม่เจ้าหล่อนยังมีชีวิตอยู่ เขาเชื่อเหลือเกินว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ใช้ชีวิตไปตามวัย เรียน เล่น กิน เที่ยว อย่างที่คนอายุไล่เลี่ยกันส่วนมากได้ทำ ไม่ใช่หาเงินงกๆ เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่สะพายกระเป๋าเป้ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากต่างจังหวัดเข้ามาในเมืองหลวง
ทว่าในความรู้สึกสงสาร ก็ชื่นชมเจ้าหล่อนจากหัวใจว่ามัทนาเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก
ผักกาดตัวน้อยเก่งที่สุด
"เอานี่ค่าลูกชิ้นสิบแปดไม้ ไม่ต้องทอนนะ" เขาวางธนบัตรสีเทาบนมือมัทนา
"ไม่ได้ค่ะ ค่าลูกชิ้นทอดไม่ถึงสองร้อย แต่ที่คุณให้หนูมาตั้งพันนึง มันมากเกินไป" จริงอยู่ที่จิรัสย์ร่ำรวย และแน่นอนว่าเงินหลักร้อยของเราสองคนมีค่าไม่เท่ากัน สำหรับเธอเงินจำนวนนี้กินข้าวได้ทั้งวัน หรืออาจจะหลายวัน แต่กับจิรัสย์แค่ค่าอาหารหนึ่งมื้อคงไม่พอจ่าย กระนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอต้องรับเงินจากชายหนุ่มมาโดยไม่มีอะไรตอบแทนกลับคืนไป
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ถือว่าให้ทิปแล้วกัน"
"มันมากเกินไปค่ะ หนูไม่สบายใจที่จะรับ"
งกแต่ไม่เคยเอาเปรียบใคร และไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ นี่แหละมัทนา "งั้นก็เก็บไว้เถอะ แล้วค่อยหักจากรอบหน้า พี่จะได้ไม่ต้องควักกระเป๋าบ่อยๆ ขี้เกียจหยิบเข้าหยิบออก"
"ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวหยิบสมุดโน้ตและปากกาขึ้นมาจดไว้ว่าจิรัสย์จ่ายค่าลูกชิ้นทอดล่วงหน้าไว้เท่าไหร่แล้ว "หนูลงบัญชีไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ คุณกินฟรีได้อีกแปดสิบสองไม้ หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาสั่งแล้วกันนะคะ"
"หิวเมื่อไหร่ก็แวะมางั้นเหรอ แวะมาได้ตลอดเลยปะ"
หิว.. เขาหิวมากเลยตอนนี้ แต่ไม่ใช่หิวข้าวนะ หิวอย่างอื่น
จิรัสย์เท้าแขนกับตู้กระจกใสใส่ลูกชิ้นเสียบไม้เตรียมไว้ให้ลูกค้าได้เลือกสรร เขามองเสี้ยวหน้าแม่ค้าขายลูกชิ้นทอดก่อนเลื่อนสายตามองต่ำลงเรื่อยๆ มัทนาไม่ใช่คนชอบแต่งตัวเปิดเนื้อเผยหนัง ชุดเก่งของหญิงสาวมีเพียงกางเกงยีนและเสื้อยืดพอดีตัว ทว่าเจ้าหล่อนกลับดูเซ็กซี่เสียยิ่งกว่าผู้หญิงใส่บิกินีริมทะเล ด้วยใบหน้า ด้วยรูปร่าง ทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นผู้หญิงคนนี้ มันดี ดีมากเลยล่ะ
วูบหนึ่งนัยน์ตาสีวิสกี้ลุ่มลึกยากจะอ่านลุกวาวขึ้น ฉายชัดถึงความต้องการที่ถูกขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณบุรุษเพศ ทว่ากะพริบตาเดียวก็หายไปราวกับถูกซ่อนเอาไว้แต่เผลอเผยออกมาให้เห็นเพียงชั่วขณะเพราะควบคุมไม่อยู่
"ได้สิคะ หิวเมื่อไหร่ก็บอกหนู" หญิงสาวสะดุ้งเมื่อเงยหน้าขึ้นจากหม้อทอดลูกชิ้นแล้วได้สบตากับจิรัสย์เข้า แววตาเขาที่มองมาหมุนทวนเข็มนาฬิกาพาเธอกลับไปในช่วงเวลานั้น เมื่อครั้งที่เราสองคนได้พบหน้า รู้จัก จนนำไปสู่ความไว้วางใจ และมีช่วงเวลา ณ ขณะหนึ่งด้วยกัน..