บทนำ 1

2302 Words
ยังไม่ทันที่นาฬิกาปลุกจะส่งเสียงเตือนด้วยซ้ำ หญิงสาววัยยี่สิบสองที่พึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมาได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ลืมตาตื่นขึ้นก่อนแล้ว มัทนาไม่ปล่อยให้ตัวเองนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงนาน เธอลุกขึ้นพับผ้าห่มผืนนุ่มที่ใช้มาตลอดสี่ปีนับตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่เมืองกรุง เป็นสี่ปีที่หากจะพูดว่านานก็นาน ทว่าจะบอกว่าเวลาผ่านไปไวเพียงพริบตาเดียวก็พูดได้ เพราะแต่ละวันเจ้าหล่อนใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าตั้งแต่ตื่นเช้ายันเข้านอน 'สวัสดีค่ะคุณหญิงพรรณี' มัทนากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทร. เข้า เกือบสี่ปีแล้วที่มัทนารับใช้คุณหญิงพรรณี ท่านบอกว่าเธอเหมือนเลขานุการ แต่เธอให้นิยามตัวเองว่าคนใช้ประจำตัวภริยาท่านนายก ไม่ใช่เห็นตัวเองต่ำต้อยอะไร แต่เป็นเพราะทำทุกอย่างตามที่คุณหญิงท่านสั่งต่างหากเล่า แม้กระทั่งไปทำความสะอาดเพนต์เฮาส์ลูกชายสุดที่เลิฟให้พรรณีในทุกสุดสัปดาห์ ก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมาย เลขานุการที่ไหนตามเก็บตามกวาดเศษซากถุงยางอนามัยที่ลูกชายเจ้านายใช้แล้ว ไม่มีหรอกโว้ย! 'หนูผักกาดจ๊ะ ฉันจะจัดงานปาร์ตี้วันเกิดให้ท่านเมฆาที่บ้าน เย็นนี้หนูมาช่วยดูแลความเรียบร้อยของงานให้ฉันหน่อยได้ไหม' 'ได้ค่ะ งานเริ่มกี่โมงคะ' 'เดี๋ยวฉันส่งกำหนดการจัดงานให้หนูนะ อ้อ! แต่งตัวให้สวยๆ นะหนูผักกาด ฉันมีหลายคนอยากแนะนำให้หนูรู้จัก' คราแรกมัทนาก็คิดว่าคุณหญิงพรรณีจะให้เธอไปช่วยเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหารในงาน แต่ฟังจากประโยคเมื่อครู่แล้ว ท่านคงคิดจะจับคู่ให้เธอกับผู้ชายมีฐานะสักคนที่ไม่สนใจชาติกำเนิดของเธออย่างแน่นอน ท่านพูดเสมอว่าถ้าเราได้สามีดี เราจะสบายไปทั้งชาติ ท่านบอกว่าท่านเอ็นดูเธอเหมือนลูกหลาน ปรารถนาอยากเห็นผักกาดตัวน้อยๆ คนนี้มีชีวิตที่ดี และใช่ค่ะ ตลอดมาคุณหญิงพรรณีเพียรพยายามเป็นอย่างหนักที่จะจับคู่ให้เธอกับผู้ชายคนนั้นคนนี้ที่มีท่าทีสนใจในตัวเธอ แม้กระทั่งกับลูกชายอย่างจิรัสย์ คุณหญิงพรรณียังคิดจับเธอใส่พานยัดเยียดให้ตานั่น เฮอะ! แต่จิรัสย์ผู้ฟาดนางแบบไปครึ่งค่อนวงการ ฟาดนางงามไปแล้วหลายเวที นี่ยังไม่รวมดารา พริตตี้ ไหนจะผู้หญิงอีกนับไม่ถ้วน คนอย่างนั้นน่ะหรือจะมาสนใจเธอ แต่ถึงจิรัสย์จะเออออไปกับมารดา เธอก็ไม่มีทางเอาเขามาทำผัวเด็ดขาด ผู้ชายบ้าอะไร นอกจากหน้าตาดีกับมีเงิน อย่างอื่นไม่เห็นจะมีดีสักอย่าง 'คุณหญิงขา ถ้าแต่งตัวสวยไป หนูจะทำอะไรไม่ค่อยถนัดน่ะสิคะ' 'ฉันเปลี่ยนใจแล้ว หนูผักกาดมาหาฉันที่บ้านตอนบ่ายโมงดีกว่า' รู้ว่ามัทนาไม่ชอบใจที่นางพยายามจับคู่ให้ แต่เด็กคนนั้นน่ะ นอกจากตัวเองก็ไม่เหลือใครแล้ว แล้วจะให้นางนิ่งเฉยไปได้อย่างไร ทางด้านมัทนา หลังจากกดวางสายก็ถอนหายใจเฮือก หญิงสาวรู้จุดประสงค์ของพรรณีดี เข้าใจว่าผู้มากกว่าด้วยวัยปรารถนาดี ท่านพูดเสมอว่าเธอไม่เหลือใคร ท่านเป็นห่วง หากมีผู้ชายดีๆ สักคนมาดูแล ท่านถึงจะหมดห่วง เฮ้อ.. นี่ผักกาดพึ่งยี่สิบสองเองนะ คุณหญิงจะรีบไปไหน หญิงสาวหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา กดเข้าอีเมลแล้วพิมพ์ส่งหาผู้ชายที่ทึกทักเอาเองว่าเป็นของเธอ ถึง คุณ สวัสดีค่ะคุณเจ หนูเรียนจบแล้วนะคะ ไม่อยากจะอวดเลยว่าจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง หนูทำตามที่เคยให้สัญญากับคุณไว้ได้แล้วนะคะ เดือนหน้าหนูเริ่มทำงานประจำแล้วค่ะ เป็นพนักงานธนาคารประจำที่สำนักงานใหญ่ หวังว่าจะมีโอกาสให้บริการคุณเจ ผู้มีพระคุณของหนูนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ช่วงนี้มีโรคระบาด อย่าลืมใส่หน้ากากและพกเจลแอลกอฮอล์ด้วยนะคะ ด้วยความห่วงใย จาก มัทนา เด็กดีของคุณเจ ^ - ^ From P.J@mail.com เด็กดีของคุณเจ ประโยคนี้ทำให้คนอ่านเผลอยิ้มออกมา "เฮอะ! เด็กดีของคุณเจ แต่เป็นเด็กแสบของไอ้ชุณสินะ" จิรัสย์นั่งอ่านจดหมายที่เด็กในอุปการะของเขาเขียนส่งมาทางอีเมล กว่าเจ็ดปีแล้วที่มัทนาอยู่ในการดูแลของ คุณเจ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามที่บริจาคทุนทรัพย์ช่วยเหลือเด็กสาวกำพร้าพ่อแม่ในวัยเพียงสิบห้าปีจากอุบัติเหตุรถหรูพุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างขายลูกชิ้นของสองสามีภรรยา เจ้าหล่อนเหลือแต่ญาติพี่น้องที่ไม่พร้อมรับเธอไปดูแล ทุกคนต่างอ้างเหตุผลเดียวกันว่าภาระเยอะจนไม่อาจหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ใครได้อีก เพราะเหตุผลบางอย่าง มัทนาจึงกลายเป็นความรับผิดชอบของเขาตั้งแต่นั้นมา ผักกาดตัวน้อยผู้น่าสงสาร ถึง Mattana ดีใจด้วยที่เรียนจบแล้ว ขอให้ผักกาดประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนะครับ From : J.P@mail.com "เฮ้อ.. ไม่รู้จะปักใจอะไรกันนักกันหนากับไอ้คุณเจเนี่ย" เจ้าของสำนักงานทนายความที่ให้มัทนาเช่าพื้นที่ทำมาหากินอ่อนอกอ่อนใจกับหญิงสาวในเรื่องที่เจ้าหล่อนไม่ยอมถอนใจจากผู้ชายที่ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งหน้าตา เธอส่งอีเมลมาหาเขาหลายครั้งว่าอยากพบหน้าผู้มีพระคุณสักครั้ง แต่เขาจะเอาหน้าไอ้ชุณไปหาได้ยังไงกัน ในเมื่อเคยทำกับเธอไว้ซะขนาดนั้น จิรัสย์วางสมาร์ตโฟนลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่หลังตอบกลับอีเมลมัทนา เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้สำนักงานตัวนุ่ม เดินไปที่ผนังกรุกระจกใสซึ่งสามารถมองผ่านออกไปข้างนอกได้ ชายหนุ่มมองลงไปที่หน้าสำนักงานกฎหมาย ตรงนั้นมีร้านลูกชิ้นทอดร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ ขาดก็แต่เพียงแม่ค้าหน้าตาจิ้มลิ้มที่วันนี้ยังไม่มาเปิดร้าน แต่อีกไม่นานคนขยันก็คงมาแล้วแหละ ยายเด็กนั่นงกเงินจะตาย ตั้งแต่เปิดร้านขายลูกชิ้นมา หากไม่ป่วย ไม่มีธุระ ไม่ติดเรียน หรือไม่ต้องทำงานให้แม่เขา มัทนาก็ไม่เคยปิดร้านไปเที่ยวเล่นไหน เธอไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนอย่างคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินอย่างเดียว ถึง คุณ ขอบคุณมากค่า ไว้คุยกันใหม่นะคะคุณเจ หนูต้องรีบไปอาบน้ำแล้วค่ะ วันนี้ต้องไปช่วยงานเจ้านายที่บ้านท่าน From P.J@mail.com ช่วยงานเจ้านายที่บ้านท่าน คุณเจของมัทนาอ่านทวนข้อความซ้ำอยู่หลายรอบ เขาจำได้ว่าแม่จ้างทีมออการ์ไนซ์จัดงานวันเกิดให้พ่อนี่นา แล้วทำไมต้องให้ยายผักกาดเข้าไปช่วยงานด้วย หรือว่า.. "ไม่คิดว่าแกจะมาไวขนาดนี้" คุณหญิงพรรณีมองลูกชายตัวเองที่มาตั้งแต่ยังไม่ทันบ่ายโมงด้วยซ้ำ "คิดถึงแม่หรือจะรีบมาส่องสาวๆ" รู้นิสัยลูกชายตัวแสบดีว่าเป็นคนยังไง จิรัสย์ไม่เคยคบหาใครเป็นตัวเป็นตน เอาแต่ควงผู้หญิงไปทั่ว หลายครั้งที่พรรณีบ่นให้ลูกชาย แต่ไม่ต่างเลยกับพูดกับตอไม้ เพราะพูดไม่เข้าหูซ้ายด้วยซ้ำ พูดทีจิรัสย์ก็ปิดหูที ฟังแต่ไม่เคยสนใจ "ลูกสาวเพื่อนแม่มากันหลายคน ถ้าแกชอบคนไหนก็มาบอกแม่ แม่จะนัดเดตให้" "อย่างผมไม่ต้องให้แม่นัดให้หรอก แค่ขยิบตาสาวๆ ก็ตามมาเป็นพรวนแล้ว" ชายหนุ่มว่าพลางขยิบตาให้มารดา มืออวบตามลักษณะคนเจ้าเนื้อฟาดไปที่ต้นแขนแน่นหนั่นของลูกชาย "เลิกได้แล้วไอ้นิสัยเจ้าชู้เนี่ย รีบหาเมียสักทีเถอะ แม่อยากอุ้มหลานแล้วนะเจ้าชุณ" คนถูกตีลูบต้นแขนป้อยๆ ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด "ผมพึ่งสามห้าเองนะแม่ จะรีบมีเมียไปทำไม อีกอย่างนะ ถ้าผมมีเมีย สาวๆ ก็เสียใจแย่สิ" "ฉันล่ะเบื่อแกจริงๆ" คุณหญิงพรรณีถอนหายใจยาวพรืด "พูดมาได้ว่าพึ่งสามสิบห้า ลูกชายเพื่อนฉันน่ะอายุเท่าแก แต่ลูกโตจนเข้าอนุบาล บางคนมีลูกสองคนสามคนแล้วด้วยซ้ำ มีแต่แกนี่แหละที่ยังทำเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมา ไม่ยอมมีลูกมีเมียสักที" "โธ่คุณหญิงพรรณีฮะ จะให้ผมรีบมีเมียไปทำไมกันล่ะ ให้ผมอยู่เป็นโสดนี่แหละดีแล้ว จะได้มีเวลาว่างมาหาคุณหญิงพรรณีบ่อยๆ ไงครับ" จิรัสย์กอดมารดา ออดอ้อนพรรณีเหมือนเด็กน้อย ไม่ใช่หนุ่มเพยล์บอยจอมกะล่อนวัยสามสิบห้าอย่างที่แม่ชอบด่า คุณหญิงพรรณีเบะปากเมื่อฟังลูกชายพูด "มาหาฉันบ่อยๆ อย่างนั้นเหรอ เฮอะ! เป็นชาติมั้งกว่าแกจะโผล่หน้ามาให้ฉันเห็น" "เว่อร์น่าแม่ ไม่นานขนาดนั้นซะหน่อย" พ่อมาลัยลอยชายของคุณหญิงพรรณีคลายวงแขนจากแม่เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินตรงเข้ามา เขายิ้มให้หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มตรงหน้า ทว่าได้รับกลับมาเพียงใบหน้าบูดบึ้งของเจ้าหล่อน มัทนาทำลูกชายนายกรัฐมนตรีเสียความมั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว ชิ! ทีกับไอ้คุณเจเป็นผักกาดตัวน้อยแสนน่ารัก แต่กับเขา เจ้าหล่อนทำราวกับเขาไปเผาบ้านเธอ "ฉันไม่คุยกับแกแล้ว เสียอารมณ์" คุณหญิงพรรณีละความสนใจจากลูกชายไปที่ผู้มาใหม่ "มาแล้วเหรอหนูผักกาด ฉันกำลังรอหนูอยู่พอดี ไปจ้ะ ฉันพาไปแต่งตัว" "แต่งตัว?" คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากัน จิรัสย์มองมัทนาสลับกับมารดา "แต่งตัวอะไรกันครับแม่" "ก็วันนี้วันเกิดพ่อแก ฉันเลยให้หนูผักกาดมาช่วยดูแลความเรียบร้อยยังไงล่ะ" "แล้วทำไมต้องไปแต่งตัว ชุดยายเด็กนี่ไม่ดีตรงไหน" เขาไล่สายตามองมัทนาตั้งแต่หัวจดเท้า เจ้าหล่อนสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวติดกระดุมถึงต้นคอ ส่วนกางเกงเป็นกางเกงสแล็คสีดำแนบไปกับขาเรียว เธอเอาเสื้อเข้าในกางเกงดูเรียบร้อย ทว่ากลับขัดใจจิรัสย์ เพราะเลขานุการของแม่ตูดสะบึ้ม สะโพกกลมกลึงน่าบีบเสียไม่มี เขาเป็นผู้ชายย่อมรู้ดีว่าผู้ชายด้วยกันเป็นยังไง "แต่กางเกงก็ควรเปลี่ยนแหละ รัดขนาดนี้ทำงานลำบากแน่ ไปเปลี่ยนหน่อยไป๊" "ไม่เห็นว่าจะรัดตรงไหน เอวหลวมจะตายไปค่ะ" เธอพึ่งซื้อกางเกงมาใหม่ ด้วยว่าเป็นคนสะโพกใหญ่แต่เอวเล็ก ทุกครั้งที่ซื้อกางเกงตัวใหม่ต้องเพิ่มไซซ์บวกหนึ่งเพื่อให้สวมเข้าสะโพกได้ แต่ปัญหาก็คือกางเกงหลายตัวต้องเอาไปให้ช่างซ่อมผ้าจัดการเอาเอวเข้าเพื่อให้ใส่ได้พอดี "นั่นแหละ มันน่าเกลียด" น่าเกลียด? ตรงไหนที่จิรัสย์มองว่าน่าเกลียดกัน มัทนาคิดว่าตัวเองแต่งตัวออกจะเรียบร้อยด้วยซ้ำ ผู้หญิงที่เขาควงแต่ละคนยิ่งเปิดหน้าโชว์หลัง แต่งวับๆ แวมๆ ก็เห็นว่าชายหนุ่มออกจะชอบเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้มายืนทำหน้าบูดหน้าบึ้งเท้าสะเอวเป็นตาลุงบ่นว่าน่าเกลียดเหมือนอย่างเธอ "ตรงไหนที่เรียกว่าน่าเกลียดไม่ทราบคะคุณชุณ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดสะอ้าน กางเกงสแล็คสีดำเรียบร้อยใหม่เอี่ยม หนูไม่เห็นว่าจะน่าเกลียดตรงไหน" "ไม่รู้แหละ ยังไงก็ต้องไปเปลี่ยนกางเกง" ในมุมมองคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ที่เขาดูมันน่าเกลียด "แม่พาเด็กนี่ไปเปลี่ยนชุดเถอะ อย่าปล่อยให้ใส่กางเกงรัดแบบนี้เดินเพ่นพ่านในงานนะ ไม่งั้นผมจับโยนออกไปจริงๆ ด้วย น่าเกลียดฉิบหาย ไม่รู้ใส่มาได้ยังไง" "กางเกงตัวนี้หนูอุตส่าห์ไปซื้อมาใหม่เลยนะ" เพราะเป็นงานวันเกิดท่านเมฆา เสื้อผ้าในตู้เธอจึงไม่เลือกหยิบมาใส่ ซื้อตัวใหม่เพราะไม่อยากใครพูดได้ว่าพนักงานเสิร์ฟอาหารแต่งตัวซอมซ่อ "จะตัวละกี่บาทกันเชียว" ชายหนุ่มมองกางเกงที่มัทนาสวมใส่ เขารู้สึกอยากกระชากมันทิ้งเสียให้พ้นจากร่างกายคนตัวเล็ก "แค่ไม่กี่ร้อย ไปเปลี่ยนซะแล้วจะโอนเงินคืนให้" พูดจบจิรัสย์ก็เดินออกไปจากวงสนทนา ทิ้งให้มัทนายืนน้อยใจอยู่กับคุณหญิงพรรณี "เพราะกางเกงหนูราคาถูกเหรอคะ คุณชุณถึงให้ไปเปลี่ยน" "ไม่ใช่หรอกหนูผักกาด ฉันว่าจะน่าเพราะเหตุผลอื่นมากกว่า" นิสัยลูกชายเป็นยังไง นางเป็นแม่นางรู้ดีเชียวล่ะ พรรณีมองตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ก้าวห่างออกไปเรื่อยๆ ใบหน้าคุณหญิงผู้มากด้วยวัยที่ผ่านโลกมามาก มีรอยยิ้มน้อยผุดพรายขึ้น ทว่านางไม่ปล่อยให้มัทนาสังเกตเห็น แอบอมยิ้มอยู่คนเดียวเงียบๆ "อย่าไปใส่ใจคำพูดพี่เขาเลยนะ ไปจ้ะหนูผักกาด ฉันพาหนูไปแต่งหน้าแต่งตัว"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD