บทที่ 12

1575 Words
“เรื่องสินสอดทองหมั้นลุงจะให้ตามที่พ่อและน้าหนูเรียกมา ไม่ต่อสักคำเลยนะลูก” “เดี๋ยวค่ะคุณลุง จ๋ารักทั้งคุณลุงคุณป้า แล้วก็พี่ลูกตาลเลยนะคะ แต่ความรักของจ๋าคือรักเหมือนพ่อแม่พี่น้อง ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น จ๋าเข้าใจความหมายของคุณลุงกับคุณป้า แต่จ๋าขอปฏิเสธนะคะ” “ตายแล้วยายเด็กคนนี้ ! พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างหรือเปล่า” จิตราหยิกหลานเบาๆ ด้วยไม่คิดว่าจินดาหลาจะกล้าหักหน้าเธอกับพ่อของเจ้าหล่อนกลางวงสนทนาขึ้นมาซะดื้อๆ “เรื่องอะไรจ๋าก็ยอมได้นะคะน้าจิต แต่เรื่องคู่ชีวิตจ๋าขอเป็นคนเลือกเอง” พิชวีหน้าหมองลงทันตา การถูกน้องน้อยแสนน่ารักในวันวานปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใยทำให้ความมั่นอกมั่นใจที่เคยมีลดฮวบฮาบลงจนแทบไม่มีเหลือ “รับพี่ไว้พิจารณาดูสักหน่อยไม่ได้เหรอครับ” มือเล็กเอื้อมไปกุมมือที่ตักของคนที่เธอนับถือดั่งพี่ชายไว้ “โถ่ พี่ลูกตาลก็รู้ ก็เห็น จ๋าไม่มีอะไรที่ดีที่คู่ควรกับพี่สักอย่าง ความรักที่เรามีให้กันเริ่มต้นจากความเป็นพี่น้อง หากวันนี้จ๋าตกลงยอมไปเป็นเมียพี่ วันข้างหน้าจ๋ามั่นใจว่าพี่จะต้องเสียใจที่ตัดสินใจผิดในวันนี้ ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึงจ๋าคงจะเสียใจมาก และความเป็นพี่เป็นน้องของเราคงไม่เหลือแล้วแน่ๆ” “แต่พี่ไม่คิดอย่างนั้น...” “ฉันกับพ่อแกก็ไม่คิด” จิตราขัดขึ้นท่าทางขึงขังเอาจริง “พี่ชาติ พี่เรียม จิตรขอเวลาคุยกันในครอบครัวก่อนนะคะ รับรองว่าวันนี้ยังไงก็มีคำตอบให้พี่สองคนแน่ๆ ตาลูกตาล พาพ่อกับแม่เราไปรอข้างนอกก่อนนะลูก” จินดาหลาถอนหายใจ รู้เลยว่าพอแขกออกไปจะต้องเจอกับเรื่องหนักใจอะไรบ้าง “แกรู้ตัวหรือเปล่ายายจ๋าว่าเล่นตัวไม่เข้าเรื่อง บ้านนั้นฐานะดีขนาดไหน แกไม่รู้บ้างเลยหรือไง” พออีกครอบครัวออกไปจิตราก็เปิดฉากทันที “รู้สิคะ” ก็เพราะในความคิดของน้าสาว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องเงิน ต่อให้เธอปัญญาอ่อนหรือหัวอ่อนกว่านี้ ก็ไม่มีทางที่จะฝากชีวิตและอนาคตไว้กับสิ่งที่น้าสาวบอกว่าดีแน่ “รู้แล้วทำไมยังทำ หัวสูงไม่เข้าเรื่อง หน้าอย่างแกคิดเหรอว่าจะหาได้ดีกว่าตาลูกตาล แค่บ้านนั้นเขาไม่รังเกียจที่แกมีแต่ตัวแถมยังเป็นลูกกำพร้า หน้าตาฐานะอะไรก็ไม่มี แกยังจะเล่นตัวอีก รู้ไว้ซะด้วยว่าในจังหวัดนี้ตาลูกตาลเขาเนื้อหอมแค่ไหน” ยิ่งฟังน้าสาวพูดเธอยิ่งอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี นี่ถ้าอีกสามคนข้างนอกมาได้ยินว่าคนในบ้านเธอคิดยังไงถึงได้อยากให้เธอแต่งงานออกไปซะ หญิงสาวยังไม่อยากจะนึกว่าจะมองหน้าพวกเขาติดได้ยังไง “พ่อคะช่วยจ๋าพูดให้น้าจิตเข้าใจหน่อยค่ะ จ๋าไม่อยากจะลามปามผู้ใหญ่” เธอหวังพึ่งคนเป็นพ่อ เพราะเชื่อว่าท่านจะไม่บังคับให้เธอทำเรื่องที่ฝืนใจที่สุดในชีวิต แต่ก็ผิดคาด... “พ่อว่าจ๋าลองทบทวนดูอีกสักหน่อยดีมั้ยลูก” “พ่อ...” จินดาหลาไม่อยากจะเชื่อว่าขนาดพ่อเธอก็เป็นไปกับเขาด้วย วิชาญชัยเข้าใจสายตาตัดพ้อผิดหวังของลูกสาวดี แน่นอนว่าลูกอาจจะมองว่าเขาอ่อนแอไม่กล้ามีปากเสียงกับจิตรา น้าสาวของเธอหรือก็คือเมียคนปัจจุบันของเขา แม้ทุกเรื่องเขาจะยอมและปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการและตัดสินใจของจิตรา แต่เรื่องนี้สักวันลูกสาวต้องขอบคุณเขา การให้จินดาหลาออกเรือนไปกับคนดีๆ มีฐานะดูแลลูกสาวเขาได้ จะช่วยชดเชยความลำบากในอดีตของลูกได้ “ไม่ค่ะ ยังไงจ๋าก็ไม่แต่ง” “แต่ยังไงแกก็ต้องแต่ง เพราะฉันกับพ่อแกรับของหมั้นของบ้านนั้นมาแล้ว และก็ใช้ไปจนหมดแล้วด้วย” “น้าจิต !” สิ่งที่ได้รับรู้มันเกินกว่าเธอจะทนอยู่นิ่งได้ เหมือนฟ้าถล่มลงมาตรงหน้าก็ไม่ปาน “ไม่จริงใช่มั้ยคะพ่อ” ไม่มีสิ่งใดเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของคนเป็นพ่อ นอกจากท่านจะก้มหน้าลงเหมือนสำนึกผิดต่อเธอ แต่รอยยิ้มหยันของแม่เลี้ยงก็บอกชัดอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องโกหกหรือล้อเล่นแต่อย่างใด “พ่อขอโทษนะลูก” “เท่าไรคะ ?” สรรพเสียงรอบกายรวมทั้งเสียงของเธอเองด้วยที่เงียบหายไปสักพัก แต่พอตั้งสติได้จินดาหลาก็เลยคิดว่ายังพอจะแก้ไขอะไรได้ทัน “อะไรเท่าไรยะ” “ค่าตัวจ๋าน่ะค่ะ... เท่าไร” แม้จะเจ็บปวด อดสู อับอายแสนจะอับอายที่ต้องมานั่งถกกันเรื่องราคาค่างวดในตัวเธอ แต่จินดาหลาก็บอกตัวเองให้อดทนอดกลั้นเอาไว้ก่อน “เจ็ดแสน ทองยี่สิบบาท เขาจ่ายมาครึ่งนึงก่อน ถ้าแกตกลงยอมแต่งไปเป็นสะใภ้ของบ้านนั้นเขาถึงจะจ่ายให้ทั้งหมด” จิตราเป็นน้าแท้ๆ ของเธอ ถึงไม่เคยรักไม่เคยเอ็นดูกันบ้าง แต่การเห็นเธอเป็นเพียงสินค้าที่ต้อง ‘มัดจำ’ แล้ว ‘จ่าย’ มันก็สุดจะทนจริงๆ “แล้วตอนนี้เหลือเท่าไรคะ” “อะไรยะที่เหลือเท่าไร ถ้าหมายถึงเงิน ฉันก็บอกแกไปแล้วนี่ว่าฉันใช้หมดแล้ว” “ไม่มีทางหรอกค่ะ เงินตั้งมากมายขนาดนั้นน้าจิตจะใช้ยังไงหมดภายในเวลาไม่กี่เดือน ทั้งที่จ๋าก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือน หนี้สินของที่บ้านก็ไม่ได้ถูกชำระไปสักก้อน” “แกอย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นเลยนะยายเด็กเนรคุณ” จิตราลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือหนึ่งยกขึ้นชี้นิ้วไปที่หน้าลูกเลี้ยง ส่วนอีกมือเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง “ฉันรู้ว่าแกกำลังด่าฉันในใจอยู่ ถ้าไม่รู้ก็จงรู้ไว้ซะว่าเงินแทบทุกบาททุกสตางค์ก็เอามารักษาพ่อแกนั่นแหละ” จิตรายังคงสาธยายอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือทวงบุญคุณสารพัด อ้างว่าตนต้องเหน็ดเหนื่อยในการดูแลคนป่วยเรื้อรังแค่ไหน ส่วนพ่อของเธอก็ไม่โต้ตอบสักคำ ไม่รู้ว่าสิ่งที่น้าสาวพูดเป็นความจริงทั้งหมด หรือท่านรู้สึกผิดต่อเมียคนนี้กันแน่ถึงได้ปิดปากเงียบตลอดเวลา ปล่อยให้จิตราเป็นคนจัดแจงทุกอย่าง “จ๋าต้องขอโทษป้าเรียมกับลุงชาติด้วยนะคะ ขอเวลาจ๋าอีกนิด จ๋าจะหาเงินมาคืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์เลยค่ะ” สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องขอความกรุณาจากครอบครัวนี้ และพวกท่านก็ใจดียอมผ่อนผันให้เธอบ้าง แม้สีหน้าและท่าทางจะแสดงออกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน “แต่พี่ไม่อยากได้เงินคืน พ่อกับแม่ของพี่ก็คงคิดเหมือนกัน” “ก็ตามที่น้าจิตตกลงกับคุณลุงคุณป้าไว้นั่นแหละค่ะพี่ลูกตาล ถ้าภายในหกเดือนนี้จ๋ายังหาเงินมาใช้ให้ไม่ได้ ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่จะจัดการเลยค่ะ” “จริงนะ” ได้ยินเสียงและเห็นสีหน้าเปี่ยมความหวังของพี่ลูกตาลแล้วพานให้ใจของเธอสั่นไหว เงินตั้งสามแสนห้ากับทองอีกสิบบาทเธอจะเอาปัญญาที่ไหนไปหามาในเวลาแค่หกเดือน แต่ที่ต้องยอมให้บทสรุปออกมาแบบนี้ก็เพราะอยากให้พ่อสบายใจ แม่เลี้ยงเลิกตามราวีเธอเสียที เวลาที่ขอก็แค่การซื้อความหวังไว้เท่านั้น ไม่แน่ในระยะเวลาหกเดือนต่อจากนี้เธออาจจะได้เจอกับใครสักคนที่พร้อมจะให้เธอฝากชีวิตเอาไว้ได้ และหากโชคดีอีกสักนิดเขาอาจจะช่วยเหลือเธอเรื่องหนี้สินได้ แต่หากไม่ได้เธอจะเลือกหนีไปกับเขา หนีไปให้ไกลจากคนที่รู้จัก ไปสร้างครอบครัวและความรักของตัวเอง... เหมือนอย่างที่พ่อกับแม่เคยเลือกทางเดินนี้มาก่อน จนมีเธอถึงได้กลับมาขอขมาตากับยายของเธอ และท่านก็เห็นแก่หลานสาวตัวน้อย ลืมเรื่องราวในวันวานจนยอมให้อภัยท่านทั้งสอง เธอไม่ได้คิดจะทิ้งพ่อ แค่ไม่อยากถูกจับคลุมถุงชนต้องอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นคนเลือกไปตลอดชีวิต เพราะนั่นไม่ใช่เพียงเธอที่ผิดต่อตัวเอง แต่ยังผิดต่อผู้ชายที่ชื่อพิชวีอีกด้วย ... แต่หากสุดท้ายแล้ว เธอก็ยังไม่เจอเขาคนนั้น เธอจะยอมทดแทนบุญคุณของพ่อและน้าด้วยการแต่งงานอย่างที่พวกท่านต้องการ แต่ก็ขอให้จนหนทางจริงๆ ก่อนเถิด หวังเพียงฟ้าจะไม่ใจร้ายใจดำกับเธอจนเกินไปนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD