บทที่ 10

1558 Words
นับหมื่นส่งยิ้มธรรมดาๆ แต่คนมองมักจะคิดว่าเขาโปรยเสน่ห์เสมอ เพราะใครก็แล้วแต่ที่ได้เห็นมัน มักจะละสายตาได้ยากนัก “ผมไม่ปฏิเสธนะครับว่าคุณจ๋าก็น่ารักดี ไม่น้อยไปกว่าพี่สะใภ้ผมด้วย แต่น่าเสียดายที่ผมมันอาภัพ สาวไม่สนใจ” แล้วนับหมื่นก็แสร้งทำหน้าเศร้าหางคิ้วตก จนเพื่อนอีกสองคนแสนจะหมั่นไส้จนอยากจะเตะก้นสักคนละป้าบสองป้าบ “ถ้าอย่างนั้นพี่ติดต่อให้เอามั้ยคะคุณหมื่น” ธนาดลส่ายหน้าเมื่อคุณสร้อยสวาทเลขาสาวใหญ่ที่โต๊ะทำงานอยู่เยื้องจากเขาเพียงไม่กี่เมตรกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วย เพราะนับหมื่นเพื่อนของเขาคนนี้มักเป็นขวัญใจของลูกน้องคนอื่นๆ ด้วยความที่ใจดีชอบพาลูกน้องเขาไปเลี้ยงชาบูหมูกระทะเป็นประจำ อารมณ์ก็เย็นไม่ค่อยโกรธหรือโมโหใครให้เห็น ใครๆ ก็รักมัน ซึ่งต่างจากเพื่อนอีกคนอย่างดลวัฒน์โดยสิ้นเชิง เพราะเจ้านี่น่ะหน้าดุ แถมยังกวนสหบาทาเป็นที่หนึ่ง จึงไม่แปลกที่คุณสร้อยสวาทเองก็ดูจะให้ความสนิทกับนับหมื่น ทั้งที่เป็นคนคร่ำเคร่งสุดในแผนกนี้แล้ว “ถ้าเป็นคนอื่นผมคงเซย์เยสแล้วละครับพี่สร้อย แต่คนนี้ไม่ได้ เพราะเขาชอบคนอื่น” “หือ ?” มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นหลายเสียง ก็ใครจะไม่ตกใจกันบ้าง ทำงานด้วยกันมาหลายปี จินดาหลาเคยมีเรื่องผู้ชายเข้ามาให้เพื่อนร่วมงานระแคะระคายสักคนที่ไหน “พอแล้วไอ้หมื่น กูเตือนไว้ก่อนว่าห้ามมาทำรุ่มร่ามกับลูกน้องกูล่ะ กูไม่อยากให้เสียงาน” ก็เพราะเหตุผลและช่องว่างนี้แหละ ที่ทำให้เขาต้องปล่อยคาริสาให้หลุดมือไป “อย่าเพิ่งสิครับคุณธนา ผมอยากรู้ว่าพี่จ๋าชอบใคร” ธนัชชัยเป็นคนพูดแทนทุกคน “นู่นไง” ดลวัฒน์ส่งสายตาคาดโทษกลับไปให้เพื่อนที่เฉลยจนเขากลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาเชียว แล้วเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ซะด้วยเพราะเมื่อวานได้ยินเต็มสี่หู (รวมหูของเพื่อนเขาด้วย) ว่าหญิงสาวชอบเขา ซึ่งอันที่จริงเจ้าหล่อนอาจจะแค่ปลื้มเท่านั้นละมั้งเห็นหน้าแดงแปร๊ดยิ่งว่าตูดลิงอีก “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับคุณดลวัฒน์ผู้เนื้อหอม” ดลวัฒน์เพียงยักไหล่ ผู้หญิงมาชอบสิดี เพราะว่าเขามันเป็นที่หมายปองของสาวๆ อยู่แล้ว “ก็ไม่ยังไง เผอิญว่าฉันเสน่ห์แรงกว่าแกแล้วก็ไอ้ธนาเท่านั้นเอง” แม้เพื่อนอีกสองคนจะทำท่าเหมือนอมบอระเพ็ดแทบอาเจียนออกมา แต่เขาก็จะถือซะว่าพวกมันอิจฉาในความหล่อ ออร่าพุ่งของเขาก็แล้วกัน “ไอ้หมื่น” “อือ” “มึงไม่ได้คิดอะไรกับยายนั่นจริงอะ ทั้งช่วยสารพัดจะช่วย ทั้งถ่อไปหาดอกไม้มาปลอบขวัญแต่เช้า กูว่ามันยังไงๆ อยู่นา” “เขาชื่อคุณจ๋า ชื่อจริงว่าจินดาหลา” นับหมื่นช่วยแก้ให้ ยายนั่น ยายนี่อะไรกัน ผู้หญิงเขามีชื่อให้เรียก แถมยังเพราะมากอีกต่างหาก “เออ ก็เหมือนกันนั่นแหละ” “กูก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ คุณจ๋าเขาเป็นน้องที่ครีมรักมาก ทางนั้นก็บ่นคิดถึงคนที่นี่อยู่ทุกวันโดยเฉพาะคุณจ๋า เห็นว่าไม่ค่อยทันคน แต่ถึงจะซื่อๆ โก๊ะๆ ทุกคนก็รัก กูว่าเธอก็น่าจะมีอะไรดีอยู่บ้างละน่า... แล้วมึงล่ะไอ้ดล ไม่สนบ้างหรือไง” “จืดไปว่ะ” “อะไรจืด ?” “ก็หน้าอะดิ ถึงจะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรแต่ก็ไม่มีจุดเด่น ไม่น่าสนใจ” นับหมื่นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในตัวเพื่อนดี ถึงผู้ชายไม่ควรนินทา หรือพูดลับหลังเรื่องผู้หญิง แต่บอกได้เลยว่าเวลาพวกผู้ชายอยู่ด้วยกัน เรื่องที่จะคุยกันเป็นลำดับต้นๆ ก็เรื่องผู้หญิงนี่แหละ “ต้องสวยเฉี่ยวอย่างน้องเนยหรือไง ถึงจะทำให้มึงสนใจได้” “หึ...” ดลวัฒน์ครางในลำคอ พยศออกขนาดนั้นใครจะไปสนใจลง “ยายนั่นก็มีดีแค่หน้าตานั่นแหละ หาความอ่อนหวานน่ารักอย่างพี่สาวแทบไม่ได้” “พูดให้กูได้ยินน่ะไม่เป็นไร แต่อย่าให้คนอีกสองคนได้ยินก็แล้วกัน” “ใครของมึง” ดลวัฒน์พอจะรู้หรอกว่าอีกคนก็คือนับแสน สิงหโชติเดชา หรือก็คือพี่ชายของเจ้าคนพูดนั่นแหละ “ก็พี่แสน รายนั้นโหดแค่ไหนมึงก็รู้” “รู้สิ น้องอย่างมึงถึงได้กลัวจนหัวหดอยู่นี่ไง” “เฮ้ยๆ อย่างกูนี่เรียกคนมีสัมมาคาราวะโว้ย เขาเกิดก่อนเราก็ต้องให้เกียรติในความอาวุโสนิดนึง” ดลวัฒน์ส่ายหน้า แน่นอนว่าในโลกนี้ หรือต่อให้โลกหน้าก็ตาม คงไม่มีสิ่งใดทำให้นับหมื่นกลัวเกรงหรือยอมศิโรราบได้... แต่กับพี่ชายที่ชื่อนับแสน คงเป็นกรณียกเว้น “แล้วอีกคนละใคร” แต่นี่ต่างหากคือประเด็นที่เขาอยากรู้ที่สุด “น้องเนย” “หึ...” เป็นอีกครั้งที่พอพูดถึงเนติกา ดลวัฒน์ก็เปล่งเสียงเยาะอยู่ในลำคอตัวเอง และคราวนี้มันก็ดูจะเสียงสูงกว่าเดิมอยู่นิดหน่อย “ไม่ต้องมาฮึ มาฮะ ตัวอย่างก็มีให้ดูให้เห็น อย่างพี่แสนนั่นไง ทิฐิแรง ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ หรือจะอะไรก็ช่าง สุดท้ายคนที่จะเสียใจถ้า ‘ยายนั่น’ หลุดมือไป ก็คือมึงเอง” นับหมื่นเลียนแบบคำเรียกขานที่ดลวัฒน์ใช้เรียกเนติกาจนติดปาก “มึงเลิกสนเรื่องของกูแล้วรีบสั่งข้าวของตัวเองไปเถอะ ไม่รู้จะเรื่องมากอะไรนักหนา เห็นเลือกมาจะเป็นชั่วโมงแล้ว ร้านนี้เขาปิดสองทุ่มนะมึง เดี๋ยวได้อดแดกต้องกลับไปต้มมาม่าที่คอนโดกูไม่รู้ด้วย” แม้ดลวัฒน์จะรีบเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ถือว่าไม่ได้เกินจริงนัก นับหมื่นเป็นคนเลือกกินมาแต่ไหนแต่ไร แม้จะไม่ถึงกับขนาดกินยากอะไร เพียงแค่พิถีพิถันเรื่องกินมากไปหน่อยเท่านั้นเอง เป็นที่รู้กันว่าที่สายหมอก อาณาจักรของนายนับหมื่น สิงหโชติเดชา มีครัวที่อลังการมากๆ เชพอาหารไทย จีน ฝรั่ง แม้แต่เวียดนามก็ยังมีประจำอยู่ที่นั่น หญิงสาวร่างเล็กที่มวยผมมัดไว้กลางกะหม่อมและปล่อยหางม้าละลงมาจนถึงบั้นเอว กระชับสายเป้ใบย่อมสีน้ำเงินที่ตนสะพายไว้เหมือนกำลังรวบรวมพลังใจทั้งหมดที่พอจะเหลืออยู่อีกครั้ง “สวัสดีค่ะพ่อ น้าจิต” เธอยกมือไหว้แนบลงไปที่ตักของพ่อ แล้วจึงกอดท่านเบาๆ ด้วยความคิดถึง ก่อนจะพนมมือก้มศีรษะทำความเคารพน้าสาวที่นั่งถัดไปจากพ่อ พวกท่านทั้งสองนั่งอยู่ใต้ต้นมะขามบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่เก่าคร่ำครึมากแล้วรอวันผุพังจนใช้การไม่ได้นั่นแหละถึงจะเลิกใช้ และถูกอัปเปหิไปเป็นฟืนเป็นถ่านหรือไม่ก็อาหารของปลวก “ไหว้พระเถอะย่ะ โทรไปตามให้กลับมาเยี่ยมพ่อเยี่ยมบ้านตั้งเป็นอาทิตย์แล้ว วันนี้เพิ่งจะโผล่หัวมาได้นะยะ” “จ๋าทำงานนี่คะน้า อยู่ๆ นึกจะลาก็ลาได้ที่ไหน งานที่บริษัทจะได้เสียเอา คราวนี้คงไม่มีใครจ้างจ๋าแล้วจ๋าจะเอาตังค์ที่ไหนส่งกลับมาให้พ่อล่ะจ๊ะ จริงมั้ยจ๊ะพ่อ” ว่าแล้วจินดาหลาก็ซบลงที่อกบิดาและกอดเอวท่านไว้หลวมๆ เลยได้สังเกตเห็นว่าท่านผอมลงกว่าครั้งก่อนที่เธอกลับมาเยี่ยมบ้านเป็นไหนๆ “ดู๊ ดู... ดูยายลูกสาวตัวดีของพี่เถอะ เถียงคำไม่ตกฟาก นี่มันยังเห็นหัวฉันอยู่มั้ยเนี่ย” จิตราชันเข่าข้างนึงขึ้นมากอดไว้ด้วยท่าทางสะบัดสะบิ้ง “เธอก็จะอะไรนักหนา หลานเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ หยุดบ่นสักวันจะตายรึไง ไปลูก ไปหาน้ำหาท่า หาข้าวหาปลากินก่อน” นายวิชาญชัยที่แค่พูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ดูจะหอบหน่อยๆ แล้ว ด้วยเจ็บป่วยเรื้อรังมานานหลายปีรีบดุนดันตัวลูกสาวที่เกิดกับเมียเก่าเบาๆ ให้เลี่ยงออกไปก่อน “ให้ท้ายกันเข้าไปเถอะ สักวันยายจ๋ามันคงขึ้นมาขี่อยู่บนคอฉันเนี่ยแหละ” จินดาหลากัดฟันตัวเองจนแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ให้เย็นอย่างที่เคยเย็นมาได้ตลอด “จ๋าขอโทษนะจ๊ะน้า จ๋าไม่ได้ตั้งใจจะเถียงน้าเลย นี่จ้ะน้าจิตมาดูนี่ดีกว่า จ๋าซื้อของมาฝากตั้งเยอะ มีทั้งครีมบำรุง เครื่องสำอางดังๆ ที่คนในกรุงเทพฯ เขาใช้กัน” หญิงสาวกระวีกระวาดปลดกระเป๋าลงมาจากหลังแล้วเอาของล่อคนแต้มแก่อย่างน้าจิตรา ซึ่งก็ได้ผลทุกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD