เกวลินเดินเข้ามาในบาร์ซึ่งให้บริการเฉพาะสมาชิกที่ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวร่ำรวยและเป็นนักธุรกิจ เธอมองหาเพื่อนรักที่มาถึงก่อนหน้าแล้วจนกระทั่งเจไดกับปานวาดโบกมือให้เข้ามาข้างใน
“เกวทางนี้” ปานวาดโบกมือ
“เธอดื่มแล้วเหรอวาด หน้าเธอดูแย่มากนะ” เกวลินเอ่ย จากนั้นหันไปทางเพื่อนอีกคน พลางเอนหัวพิงไหล่ของเจได “ขอบคุณที่สั่งอาหารให้นะ”
“หวาน...” ปานวาดยกแก้วขึ้นดื่ม
“ใจเย็นวาด คืนนี้ยังอีกยาวนะ” เกวลินเตือนเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“ฉันไหวน่า...”
คนฟังส่ายหน้า และในขณะที่กลุ่มพวกเขากำลังสนุกสนานอยู่นั้น กลับมีสายตาเย็นชาจ้องมองมายังโต๊ะของพวกเขา ทันใดนั้นเจไดก็เงียบลงเมื่อมองไปเห็นพยัคฆ์ เขาสะกิดเรียกเพื่อนที่เหลือให้รู้ตัว
“ทำไมคุณพยัคฆ์ถึงอยู่ทุกที่ที่เราไปเลยล่ะ น่ากลัวอะ” ปานวาดบ่น
“ปล่อยเขาไปเถอะ เราไม่ได้ทำอะไรเขาสักหน่อย” เกวลินตอบโดยพยายามเมินเฉยไม่มองไปทางอีกฝ่าย
“เขาเหมือนแม่เหล็กเลย ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย นี่เขาโกรธพวกเราจริง ๆ เหรอ” ปานวาดพึมพำอ้อแอ้ เกวลินพ่นลมหายใจก่อนยืนขึ้น
“ฉันจะไปห้องน้ำหน่อยนะ”
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” เจไดถาม
“ไม่ต้อง... นายอยู่ดูแลวาดเถอะ”
ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำ แขนเรียวเท้ากับอ่างล้างหน้า รู้สึกเวียนหัวจนแทบจะหายใจไม่ออก ทันใดนั้นเสียงที่หนึ่งดังขึ้นมา ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์
“คงสนุกมากสินะที่ได้ใช้ชีวิตลูกคุณหนูผลาญเงินพ่อแม่ไปวัน ๆ แบบนี้”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปที่กระจก เห็นเงาสะท้อนของพยัคฆ์ซึ่งยืนพิงประตูมองมายังเธอด้วยสายตาดูถูก
“ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งนะคะคุณพยัคฆ์” เกวลินทักทายอย่างสบาย ๆ เลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดดูถูกของเขา
“ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบนี้ พ่อแม่เธอรู้หรือเปล่าว่าวัน ๆ เธอเอาเงินไปทำอะไรบ้าง” คำพูดเหน็บแนมของเขาทำให้เธอเลิกคิ้ว “หรือว่าไม่ใช่เงินจากพ่อแม่ แต่เป็นเสี่ยแก่คราวพ่องั้นเหรอ”
“คุณพยัคฆ์... ฉันจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ ทำไมคุณถึงสนใจชีวิตฉันมากขนาดนั้นคะ ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม หรือเพราะไม่เคยมีคนหักหน้าคุณแบบที่ฉันทำ เอ๊ะ หรือคุณมีจุดประสงค์อื่นนอกเหนือจากนั้นคะ” เกวลินยิ้มเยาะมองเขาอย่างท้าทาย
“อวดดี” พยัคฆ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ขอโทษนะคะ แต่นี่ห้องน้ำผู้หญิงค่ะ คุณเข้ามาทำไม ต้องการอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่า อย่ามาด่าฉันเหมือนว่ารู้จักฉันดีเลย” หญิงสาวโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“เธอคิดว่าเธอจะเดินหนีฉันหลังจากที่หักหน้าฉันต่อหน้าคนอื่นได้งั้นเหรอ รู้ไหมว่าฉันเป็นใครเกวลิน” เสียงทุ้มฟังดูโกรธไม่น้อย “ฉันขอให้เธอสนุกกับชีวิตตอนนี้ให้พอนะ เพราะมันอาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้ใช้ชีวิตหรูหราแบบนี้ก็ได้ ถ้าฉันรู้ว่าใครเป็นผู้ปกครองหรือใครอยู่เบื้องหลังเธอละก็ ฉันจะทำลายพวกมันให้หมดรวมถึงความเย่อหยิ่งที่เธอมีด้วย ฉันจะทำให้เธอไปนอนข้างถนนเพียงแค่ดีดนิ้ว”
เกวลินรู้ดีว่าชายหนุ่มทำตามที่พูดได้จริง ๆ แต่เธอก็ไม่สนใจ
“เอาเลยคุณพยัคฆ์ ฉันแทบรอวันที่คุณรู้ความจริงว่าใครเป็นคนดูแลฉันไม่ไหวเลยละ” หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานหากแต่แฝงไปด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินผ่านเขาไปยังประตู
พยัคฆ์กำหมัดแน่นมองตามหลังเธอไปด้วยสายตาแข็งกร้าว เธอท้ายทายเขา แต่คำพูดสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้ก็ทำให้เขาสับสนเช่นกัน
หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่ทะเลาะกับพยัคฆ์ในห้องน้ำ ชีวิตของเกวลินก็ยังสงบสุขดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เธอกำลังเตรียมเข้าฝึกงานในโรงพยาบาล แต่ก่อนอื่นคืนนี้เธอจะต้องไปร่วมงานวันเกิดพ่อของปานวาดเสียก่อน ซึ่งเจไดอาสามารับเธอที่โรงแรม
“รุ่นนี้ยังไม่มีขายใช่ไหม“ เจไดถามเมื่อเห็นรถของเกวลิน เขามองการตกแต่งภายในอย่างชื่นชม รถยนต์คันใหม่ล่าสุดของเธอเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นลิมิติดที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน ไม่มีใครรู้ภูมิหลังของเกวลินว่าเป็นใครมาจากไหน และเขาก็ไม่เคยคิดที่จะถามเรื่องส่วนตัวของเธอด้วย แต่ใครก็ตามที่เป็นผู้ปกครองของเธอจะต้องรวยมากแน่ ๆ
“อยากลองขับไหมล่ะ” หญิงสาวขยิบตาให้เขา จากนั้นปล่อยให้เจไดขับรถคันใหม่ล่าสุดของเธอไปร่วมงาน เมื่อไปถึงทุกคนต่างจ้องมองมายังทั้งสองด้วยสายตาชื่นชมราวกับพวกเขาเป็นคู่รัก เจไดหน้าตาดีและเป็นสุภาพบุรุษในขณะที่เกวลินอยู่ในเดรสยาวเปลือยหลังเข้ารูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง เธอเป็นหญิงสาวที่สวยและสง่างามมาก เป็นสาวในฝันของผู้ชายทุกคนจริง ๆ