“คุณพยัคฆ์ก็อยู่ที่นี่ด้วยแหละ” ปานวาดรีบจับแขนเกวลินทันทีเมื่อเห็นพยัคฆ์และบอดีการ์ดอยู่ในร้านอาหารเดียวกันกับที่พวกเธอมาใช้บริการ
“อย่าสนใจเขาเลย เราแค่มากินข้าวเที่ยงแล้วก็จะไป” เกวลินจับมือเพื่อนรักไว้เมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าหล่อน
“เราไปกินที่อื่นก็ได้นะ” เจไดแทรก
“ไม่ต้อง เข้าไปเถอะ” หญิงสาวยืนกรานก่อนจะลากปานวาดเดินไปยังโต๊ะโต๊ะหนึ่ง
พยัคฆ์เห็นเกวลินตั้งแต่เดินมากับเพื่อนที่ประตูแล้ว แต่เขาตัดสินใจว่าจะไม่รบกวนเธอกับเพื่อน ๆ เพราะแค่นี้เขาก็สร้างปัญหาให้เธอมากพอแล้ว ชายหนุ่มมองไปยังเพื่อนของเธอซึ่งดูเหมือนว่าพอเห็นหน้าเขาก็พากันหน้าถอดสี ทำท่าหวาดกลัวจนเขาเกือบหัวเราะออกมา
“ใจเย็น ๆ เขาไม่ทำอะไรเราหรอก” เกวลินยิ้มขี้เล่นตามปกติของเธอ
“เขาจะไล่เราออกไปเหมือนเมื่อวานไหม” ปานวาดกระซิบถาม ราวกับกลัวคนที่อยู่อีกโต๊ะจะได้ยิน
“เขาไม่ทำหรอก ไม่ต้องห่วง” ไม่นานอาหารมากมายก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะ เจไดและปานวาดเบิกตากว้างจ้องมองไปยังแต่ละเมนูอย่างตกตะลึง “เอ่อ... ฉันสั่งเยอะไปหรือเปล่า”
“เธอหิวขนาดนี้เลยเหรอ เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม” เจไดถาม
“อืม... ฉันคิดว่านายก็คงหิวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ เมื่อเช้าเราก็ยุ่งกันมากเลย ฉันเลยคิดว่าควรกินให้อิ่ม” เกวลินพยายามอธิบายทั้ง ๆ ที่แปลกใจกับอาหารที่มาเสิร์ฟไม่แพ้กัน เธอสั่งแค่อาหารปกติเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายฝั่งตรงข้ามจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาหารที่เกินมา “นี่คืออาหารที่ฉันสั่งเหรอคะ ไม่ได้มีอะไรเพิ่มมาอีกถูกไหมคะ”
หญิงสาวหันไปถามบริกรพร้อมรอยยิ้มเตือน
“ครับคุณผู้หญิง หมดแล้วครับ” พนักงานเสิร์ฟชายก้มศีรษะทันที จากนั้นเพื่อนทั้งสองของเธอก็เริ่มลงมือเขมือบอาหารอย่างหิวโหยขณะที่เธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า กดส่งข้อความหาใครบางคน
เกวลิน : นี่มันมากเกินไปนะคะ ทำไมคุณถึงมายุ่งเรื่องของฉันล่ะ
พยัคฆ์ : อาหารนั่นสำหรับเพื่อนเธอ
เกวลิน : แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะคะ ตกลงไหม
พยัคฆ์ : ตกลง
หญิงสาวถอนหายใจแล้ววางโทรศัพท์คว่ำลงบนโต๊ะพลางมองดูอาหารตรงหน้า จากนั้นยิ้มแล้วหยิบส้อมขึ้นมา
“กินให้หมดเลยนะ”
“เอาให้พุงกางไปเลย” เจไดหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เคี้ยวอาหารไปด้วย
“ขอบใจนะเกว” ปานวาดพิงไหล่เกวลินก่อนจะทานข้าวต่อ จากนั้นสามเพื่อนซี้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจรอบข้างอีกต่อไป
“ลองนี่สิ นุ่มละลายในปากเลยนะ” เกวลินพยักหน้า เผลออ้าปากรับเนื้อที่เจไดป้อน “อร่อยใช่ไหมล่ะ” เขาพูดพร้อมกับทำท่าจะป้อนเธออีก
“อืม อร่อยจริง ๆ” เกวลินเอียงคอมองอาหารในจานเพื่อนชาย เขาโน้มตัวเข้ามาดูอาหารในจานเธอเช่นกัน
“เธอสั่งอะไรเหรอ”
“ไม่รู้สิ เป็นเมนูใหม่เหมือนกัน ไม่เคยกิน ลองชิมดูสิ” เกวลินเลื่อนจานไปหาเจได ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเธอสั่นอยู่หลายครั้งหากแต่เธอไม่สนใจ
“เช็กข้อความหน่อยเกว สั่นไม่เลิกเลย” ปานวาดเตือน เกวลินจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่ามันเต็มไปด้วยข้อความยาวเหยียด
พยัคฆ์ : ทำไมเขาถึงป้อนอาหารเธอ !
พยัคฆ์ : รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะโยนเขาออกไปจากร้าน
พยัคฆ์ : ทำไมเธอถึงกินช้อนเดียวกับเขา ฉันจะให้พนักงานเอาช้อนใหม่ไปให้ !
“มีอะไรหรือเปล่าเกว” เจไดถามอย่างกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของเกวลินดูโกรธจัด
“ไม่มีอะไร แค่ข้อความขยะน่ะ” เธอพูดก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
และเมื่อเห็นเกวลินตัดบทแบบนั้น พวกเขาก็กลับไปทานอาหารต่อ ตลอดเวลาปานวาดกับเจไดเฝ้าดูเธออย่างเงียบ ๆ จนสังเกตเห็นว่าเธอทำตัวแปลกไป หญิงสาวพยายามมีสมาธิกับมื้ออาหาร ทว่าพนักงานร้านกลับเดินตรงมาหาเธอและบอกว่าผู้จัดการร้านอยากพบเธอตอนนี้ เกวลินจึงขอตัวจากเพื่อนทั้งสองซึ่งกำลังงุนงงอยู่ไม่น้อย
หญิงสาวเดินตามพนักงานไปยังบริเวณด้านหลังของร้านอาหาร โดยมีบอดีการ์ดของพยัคฆ์เปิดประตูรออยู่
“เธอกำลังทำอะไรอยู่เกวลิน !” พยัคฆ์ตะคอกใส่ทันที
“ทานข้าวไงคะ” แม้จะโกรธ แต่เธอก็ตอบอย่างใจเย็น
“ด้วยการกินช้อนเดียวกับผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ อาหารบนช้อนเขาอร่อยไหมล่ะ” เขาถามด้วยความโกรธ
“พวกเราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้วค่ะ เรื่องแบบนี้ฉันไม่ถือ อีกอย่างเขาก็ทำแบบนี้กับปานวาดด้วยเหมือนกัน”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าเขาจะทำแบบนั้นกับปานวาดหรือเปล่า แต่ที่ฉันสนคือภรรยาของฉันใช้น้ำลายร่วมกับผู้ชายคนอื่น !” เขาตะคอกเสียงดัง ทำเอาเธอกลัวว่าคนข้างนอกอาจได้ยินไปด้วย
“คุณช่วยสงบสติอารมณ์ลงหน่อยได้ไหมคะ”
“ทำไม มีอะไรระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอ” พยัคฆ์ถาม ซึ่งคำถามนั้นทำให้เกวลินเริ่มโกรธขึ้นมา
“คุณพยัคฆ์ !”
“ตอบฉันมา !”
“เราเป็นแค่เพื่อนกันเค่ะ และฉันไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้คุณฟังทั้งนั้นถ้าคุณจะไม่มีเหตุผลขนาดนี้”
“ฉันเป็นสามีของเธอนะเกว และฉันมีสิทธิ์รู้” ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง
“ตอนนี้คุณกำลังทำตัวเป็นสามีที่หึงภรรยาอยู่เหรอคะ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจฉันเนี่ยนะ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาดรามาล่ะ คุณคงคิดว่าฉันทำอะไรกับเขามากกว่านี้ใช่ไหม” เกวลินกอดอกจ้องหน้าเขาอย่างท้าทาย
“เธอจะทำอะไรกับเขาเกว” พยัคฆ์โกรธหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“ฉันอาจจะหายไปหลายปีนะ แต่ฉันหวังว่าเธอจะซื่อสัตย์กับฉันด้วย เพราะหลังจากที่เธอเซ็นชื่อลงในใบทะเบียนสมรส เธอก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเกว จำเอาไว้ด้วยว่าเธอไม่มีสิทธิ์ใกล้ชิดหรือทำอะไรกับผู้ชายคนอื่นได้แม้แต่เพื่อนสนิทก็ตาม ยิ่งตอนนี้เราอยู่ในร้านเดียวกันด้วย อย่ามายั่วโมโหฉัน”
“ฉันซื่อสัตย์กับคุณมาตลอดค่ะคุณพยัคฆ์ ฉันเคารพข้อตกลงมาก แล้วก็รู้ขอบเขตของตัวเองดี” หญิงสาวสบตาเขาด้วยท่าทีจริงจัง