พิมพ์อรเผลอยิ้มกว้างออกมาจนเต็มใบหน้าโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอุ่นวาบในใจอย่างที่เธอก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน ราวกับว่ากำลังจะลอยได้อย่างงั้นแหละ
แต่ก่อนที่จะได้ฝันหวานในจินตนาการอันไกลโพ้นไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ก็แผดลั่นทำเอาภาพมโนของเธอกระเจิดกระเจิง พัชรพงศ์นั่นเองที่โทรมาเร่งให้เธอรีบลงมาจากออฟฟิศ พร้อมกับโวยวายว่าหิวจนจะกินควายได้ทั้งคอกอยู่แล้ว…
พัชรพงศ์ชะงักมือที่กำลังจะใช้ส้อมจิ้มคอหมูย่าง เมื่อเพื่อนสาวคนสวยเอาแต่นั่งใจลอยอมยิ้มอยู่คนเดียว โดยไม่สนใจอาหารจานโปรดที่อยู่ตรงหน้า เพราะถ้าเป็นปกติแล้ว เมนูข้าวเหนียว คอหมูย่าง ส้มตำปลาร้าไม่ใส่ปูไม่ใส่น้ำตาล และลาบปลาดุก เหล่านี้ล้วนเป็นที่โปรดปรานของเพื่อนเขายิ่งนัก
“นั่งเหม่ออะไรนักหนา ฉันไม่เห็นแกกินสักคำเลยนะ” พัชรพงศ์วางส้อมลงอย่างกระแทกกระทั้น ขณะเอ่ยถาม
“เปล่าซะหน่อย…” พิมพ์อรได้สติ จึงลอยหน้าลอยตาตอบพลางตักส้มตำกินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แกมีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า เล่ามาเลยนะ…” ถามแกมบังคับ เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบก็เอ่ยต่อ
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าแกมีแฟนใหม่แล้ว ต๊าย! แรงนะเนี่ย อกหักแป๊บเดียวหาผู้ชายคนใหม่ได้แล้ว มีกลเม็ดเด็ดอะไรวะ ตื่นเต้นๆ”
“บ้า เฟิร์สน่ะพูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ซะหน่อย” เธออ้อมแอ้มปฏิเสธเสียงเบา แก้มนวลเริ่มระเรื่อขึ้นนิดๆ
“ถ้าไม่ใช่แล้วแกนั่งยิ้มกริ่มอารมณ์ดีทำไม ผู้หญิงจะมีเรื่องอะไรให้เหม่อมากมายวะ ถ้าไม่ใช่ได้ผัว”
“โอ๊ย ไปกันใหญ่แล้ว ไม่มีอะไรหรอก รีบๆ กินเถอะ พิมพ์ง่วงแล้ว จะรีบกลับไปนอน”
หญิงสาวรีบตัดบทพลางก้มหน้าก้มตากินต่อ ด้วยไม่อยากถูกซักฟอกอะไรไปมากกว่านี้ ขืนเธอเล่าเพื่อนเรื่องที่แชตคุยกับฝรั่ง เธอต้องโดนเพื่อนหนุ่มหล่อใจสาวด่าไปสามวันแปดวันแน่
พัชรพงศ์มองค้อนให้อย่างงอนๆ บ่นในใจว่านับวันพิมพ์อรก็ยิ่งทำตัวแปลกๆ แถมมีอะไรก็ไม่ยอมบอกไม่ยอมเล่า จงใจปิดบังกันชัดๆ เขาคิดอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ…
หญิงสาวมือสั่นน้อยๆ ใจเต้นตึกๆ ขณะกำลังล็อกอินเพื่อเข้า เมสเซนเจอร์ที่เป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ซึ่งเธอเพิ่งโหลดมาติดตั้งเมื่อสักครู่นี่เอง ก่อนหน้านี้ก็ใช้งานอีเมลหรือล็อกอินเฟซบุ๊กผ่านมือถือบ้าง แต่แอปนี้เพิ่งโหลดเมื่อตะกี้เพื่อความสะดวกในการแชตล้วนๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยใส่ใจ
แอบหวังลึกๆ ว่าข้อความที่เธอรออ่านจากเขาคนนั้นจะมีฝากถึงเธอบ้าง ก่อนที่ปากอิ่มสวยสีสดจะแย้มยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นข้อความที่เขาฝากเอาไว้ให้อ่าน
“สวัสดีครับ วันนี้คุณเป็นยังไงบ้างฮันนี่ หวังว่าจะโอเคกับช่วงสุดสัปดาห์ และผมเองก็...รอคอยที่จะได้คุยกับคุณ...นางฟ้าของผม...เคน”
“สวัสดีค่ะ เมื่อวานนี้งานยุ่งมากเลย รับโทรศัพท์ทั้งวันจนแทบจะไม่ได้กินข้าวกลางวันเลยค่ะ หวังว่าคุณจะสบายดีนะคะ ไว้คุยกันใหม่ค่ะ” หญิงสาวพิมพ์ข้อความตอบกลับไป เมื่อนั่งรออีกสักพักจนแน่ใจว่าเขาคงไม่ออนไลน์ตอนนี้แล้วแน่ๆ จึงตั้งใจจะกดปุ่มออกจากหน้าจอ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่คิด คนที่เธอคิดถึงก็ทักเข้ามาพอดี
“ขอโทษทีครับฮันนี่ที่เพิ่งได้มาคุยด้วย พอดีช่วงนี้ผมเองก็ยุ่งๆ เหมือนกัน เมื่อวานแทบจะไม่มีเวลาเลย ก็เลยได้แต่ฝากข้อความไว้ แต่วันนี้ผมมีเวลาเยอะ หวังว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นนะครับเบบี๋”
“ค่ะ ก็โอเคขึ้น ถึงงานจะยุ่งแต่พิมพ์ก็พอจัดการได้ค่ะ”
“ผม...อยากไปเมืองไทยเร็วๆ จัง รอทุกวันว่าเมื่อไหร่จะถึงปีหน้า บางทีเราอาจจะได้เจอกัน และผมอยากจะใช้ช่วงเวลาที่อยู่ที่นั่นกับคุณ มันคงจะดีมากๆ เลยนะครับฮันนี่”
“ไม่รู้สิคะ ไว้ถึงเวลานั้นก็คงรู้เอง…ว้า แย่จัง ตอนนี้ฝนกำลังตกหนักมาก กะว่าจะออกไปหาซื้ออะไรมากินสักหน่อย”
“ที่อังกฤษช่วงนี้ฝนก็ตกบ่อยๆ เหมือนกันครับ แต่โชคดีที่วันนี้อากาศค่อนข้างดี แล้วฮันนี่กินอะไรหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะ ตอนนี้หิวมากๆ เลยด้วย แต่คงไม่กินแล้วดีกว่าค่ะ พิมพ์ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ วันนี้เหนื่อยๆ ง่วงแล้ว ฝันดีนะคะ”
“ผมจะฝันถึงคุณครับฮันนี่ นางฟ้าของผม หวังว่าคุณจะหลับฝันดี แล้วเราค่อยกลับมาคุยกันต่อ ราตรีสวัสดิ์ครับ หวานใจ”
หญิงสาวยิ้มไม่หุบกับคำหวานๆ ที่พาให้ใจล่องลอยข้ามขอบฟ้าไปหาเขา ทำไมเธอถึงได้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขนาดนี้นะ รู้สึกดีกับความเอาใจใส่และถ้อยคำดีๆ ที่เขาฝากไว้หรือแชตคุยกันในทุกครั้ง พิมพ์อรสลัดความคิดชวนเพ้อออกจากหัว ก่อนจะปิดอินเทอร์เน็ตในมือถือ ปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนพร้อมรอยยิ้มอย่างมีความสุข…
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
“หวัดดีครับ ผมชอบมากเลยที่วันนี้เป็นวันศุกร์ วันหยุดนี้คุณจะไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่าครับฮันนี่”
“พิมพ์ตั้งใจว่าจะกลับต่างจังหวัดค่ะ จะไปเยี่ยมแม่ แม่ผ่าตัด ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ”
“โอ้ เสียใจด้วยครับที่คุณแม่ไม่สบาย ขอให้ท่านอาการดีขึ้นไวๆ นะครับ”