เสียงดังครูดของโลหะดังเรื่อยไปตามพื้นทำลายความเงียบงันรอบข้างไปเสียสิ้น แม้จะไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องมีจุดจบเช่นนี้ แต่ก็มิอาจตัดพ้อต่อว่าหรือกล่าวโทษผู้ใดได้ ด้วยผลทั้งหมดนั้นเกิดจากความทระนงตนของเขาทั้งสิ้น
เมื่อมาถึงยังหลักประหารที่อยู่ในลานกว้าง วิรัลย์ก็ถูกบังคับให้คุกเข่าลงต่อหน้ากษัตริย์แห่งปรมะนครที่ประทับอยู่บนพลับพลา รอทอดพระเนตรรอเพชฌฆาตสังหารยักษ์ตรงหน้าเสียให้สิ้น
ด้วยเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ต่อให้เป็นอริราชศัตรู การประหารจึงมิอาจกระทำได้โดยการฟันคอให้ขาดในดาบเดียว ท่อนจันทน์ถูกอัญเชิญมาเบื้องหน้า วิรัลย์ราชกุมารถูกปลดโซ่ตรวนและจับมัดมือไพล่หลัง ถุงผ้ากำมะหยี่สีแดงสดถูกนำมาคลุมศีรษะตลอดจนลำตัว โลหิตของเชื้อราชวงศ์มิอาจปล่อยให้ตกสู่พสุธา แต่นั่นจะสำคัญอย่างไรกัน ในเมื่อเพลานี้ จุดจบของเขาคือความตาย ก่อนเพชฌฆาตจะดึงทึ้งให้เขานอนลงไปบนเบาะขลิบดิ้นทอง
ดวงตาคมเหลือบมองไปยังเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย ไร้ซึ่งการวิงวอนขอชีวิต วิรัลย์รู้ดีว่าการถูกประหารด้วยท่อนจันทน์นั้นนับว่าเป็นการให้เกียรติอย่างสูงสุดของกษัตริย์แห่งปรมะนครแล้ว อีกทั้งการขอชีวิตตนนั้นเป็นการเสื่อมเสียเกียรติยิ่ง แม้ตัวต้องตาย แต่เขาก็จะไม่เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาเพื่อประวิงเวลาให้ตนได้มีลมหายใจ
วิรัลย์สูดลมหายใจเข้าเสียเฮือกใหญ่ราวกับจะดื่มด่ำกับการมีชีวิตอยู่เป็นครั้งสุดท้าย พลันปิดเปลือกตาลง น้อมรับความตายที่ถูกมอบให้โดยศิโรราบ
หมดสิ้นแล้วซึ่งชีวี แต่มอดม้วยไปเสียก็ดี ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็เป็นเพียงราชกุมารที่ไม่มีผู้ใดต้องการ...
เขารำพึงในใจ ปล่อยวางทั้งหมดและปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามชะตากรรม
หากแต่ยังไม่ทันที่เพชฌฆาตจะได้เหวี่ยงท่อนจันทน์ลงมายังศีรษะ พลันก็ได้ยินเสียงแหบห้าวดังเข้ามาในโสตอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เสด็จอา... กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูล”
เสียงนั้นหยุดทุกการกระทำของทุกสรรพสิ่ง ขณะที่กษัตริย์แห่งปรมะนครเหลือบพระเนตรมองคนตรงหน้าซึ่งก็คือไอศูรย์ที่มารอดูการสำเร็จโทษในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่พระองค์จะพยักพระพักตร์เล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กล่าวต่อ
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาต คนขัดเหตุการณ์ก็เปล่งวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“กระหม่อมใคร่จะทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ราชกุมารแห่งเวรุฬาพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
“กระหม่อม...ทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ยักษาตนนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ไอศูรย์ย้ำคำออกมาอีก ถ้อยวจีนั้นช่างสร้างความตะลึงงันให้แก่ผู้สดับรับฟังยิ่งนัก
จอมทัพผู้เกรียงไกรที่มิเคยเว้นชีวิตให้ศัตรูใดกลับร้องขอชีวิตให้กับราชกุมารจากแคว้นศัตรูเช่นนั้นรึ?
น่าประหลาดนัก จนกษัตริย์ปรมะนครต้องตรัสถาม
“เพราะเหตุใด เจ้าถึงอยากร้องขอชีวิตมัน?”
“กระหม่อมเห็นว่าอาจจะมีประโยชน์ต่อปรมะในภายภาคหน้าพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็อาจจะใช้ตะล่อมถามในสิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับเวรุฬาได้”
ไอศูรย์กล่าวให้คู่สนทนาขบคิด ขณะที่ใจเขาเองนั้นหาได้คิดจะใช้วิรัลย์เพื่อการยึดครองกรุงเวรุฬาเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงอยากจะรักษาชีวิตของวิรัลย์ไว้เท่านั้น คราแรกเขาจะตัดใจจากวิรัลย์อยู่แล้ว ด้วยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อยักษ์หนุ่มรูปงามนั้นเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เมื่อเห็นว่าวิรัลย์จวนเจียนจะถูกสำเร็จโทษ ดวงใจก็รวดร้าวดุจมีผู้ใดมาบีบเสียจนแหลกละเอียด สุดท้ายก็ทนฝืนความเสน่หาของตนไม่ไหว จำต้องเอ่ยขัดออกมา
“เจ้าคิดว่ามีประโยชน์อย่างนั้นแน่รึ?”
กษัตริย์ปรมะตรัสถามอีกครั้ง ไอศูรย์พยักหน้า
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จอา กระหม่อมเห็นเป็นเช่นนั้น”
กษัตริย์ปรมะหาได้เคยคลางแคลงในการตัดสินใจหรือคำแนะนำใดของผู้เป็นพระภาติยะแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยไอศูรย์นำชัยมาให้ปรมะนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งยังไม่ทะเยอทะยานใดๆ เจียมเนื้อเจียมตน ไม่เคยทูลขอขึ้นดำรงสถานะยุพราช พึงใจกับการเป็นจอมทัพในกองทหารแห่งแคว้นเท่านั้น
และเมื่อไอศูรย์ว่ามาเช่นนี้ การสำเร็จโทษจึงถูกยับยั้ง กษัตริย์ปรมะมีพระบัญชาให้เพชฌฆาตจับวิรัลย์ให้ลุกขึ้นนั่ง
คนที่เฉียดความตายมาแล้วครั้งหนึ่งถึงกับลอบถอนหายใจเฮือก แม้จะไม่วิงวอนร้องขอการมีชีวิตต่อ แต่ก็หาใช่ว่าจะไม่เกรงกลัวต่อความตายที่ถูกหยิบยื่น ก่อนที่ความรู้สึกทั้งมวลจะมลายหายไปเมื่อได้ยินพระสุรเสียงของกษัติรย์อริราชย์
“จงขอบน้ำใจเจ้าไอศูรย์ซะ เขาผู้นั้นเป็นผู้มีพระคุณของเจ้า”
วิรัลย์ทำเพียงเบนสายตาทอดมองไปยังยักษ์หนุ่มที่ยกยิ้มให้นิ่งๆ โดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ
สายตาที่ทอดมองมายังเขานั้นช่างเย็นชาและแข็งกร้าว บ่งบอกให้ไอศูรย์รับรู้ได้ว่าไม่ว่าอย่างไร วิรัลย์ก็จะไม่ยินยอมศิโรราบโดยง่าย แต่นั่นหาได้สำคัญอีกแล้วเมื่อจู่ๆ จอมทัพอสุราก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมาฉับพลัน
“นอกจากจะทูลขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว กระหม่อมยังมีเรื่องอยากจะทูลขอจากเสด็จอาอีกเรื่องหนึ่ง”
“มีสิ่งใดหรือหลานข้า?”
“กระหม่อม...” ว่าแล้วหยุดไปครู่ พลางเหลือบมองไปยังวิรัลย์ที่ยังคงจ้องเขาเขม็ง ครั้นสบดวงตาเย้ายวนคู่นั้น ไอศูรย์ก็มิอาจหักห้ามใจ รีบร้อนเอ่ยประสงค์ของตนออกมาในบัดดล “ใคร่จะทูลขอเจ้าชายแห่งเวรุฬาเป็นของรางวัลที่นำชัยในศึกครานี้พ่ะย่ะค่ะ”