ยิ่งนางพูดหยางจื่อก็ยิ่งรู้สึกย่ำแย่มากขึ้น เขาไม่ควรปรนนิบัติให้นางตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ดวงตามังกรมองลำคอระหงแล้วอยากบีบให้ตาย แต่เมื่อมองนางดีๆ นางก็เป็นของดีเป็นสตรีที่งดงามไม่เป็นสองรองใคร แต่ที่ผ่านมาไม่คิดแตะต้องเพราะไม่พอใจที่บิดาของนางบังอาจต่อรองกับเขาในเรื่องการทหารที่ขอคุมกำลังพลเอง
กู้ม่านเอ่อจินบิดาของนางประดุจศูนย์รวมจิตใจของชาวฮั่น ในเวลานี้ที่ชาวฮั่นเกลียดราชวงศ์แมนจูที่เข้ายึดครองอำนาจจากชาวจีน เขาจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการประนีประนอมยอมรับหนิงซูเยว่บุตรสาวคนเดียวของกู้ม่านเอ่อจินมาเป็นฮองเฮาเพื่อลดรอยร้าวนี้ลง
หยางจื่อเริ่มมีรอยยิ้มร้ายลึกประดับใบหน้าที่ขึ้งเครียด เมื่อครู่นางจงใจแกล้ง
“ข้าปรนนิบัติเจ้าแล้ว คราวนี้เห็นทีเจ้าต้องปรนนิบัติข้าบ้าง นิ้วของข้าชาไปหมด แขนขาก็เมื่อยขบ ฮองเฮาจะทำอะไรให้เราผู้เหน็ดเหนื่อยจากการว่าราชการมาทั้งวันได้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวขึ้นบ้าง” หยางจื่อไม่ถามเปล่าพลางอุ้มร่างร่างอรชรที่มีสีหน้าผ่อนคลายถึงขีดสุดเมื่อครู่ให้ลงไปนอนบนเตียงคู่กัน ดวงตาประสานตา
หยางจื่อไม่อยากเชื่อว่ายามหนิงซูเยว่อยู่บนแท่นบรรทมจะดูดึงดูดมีเสน่ห์ได้ถึงเพียงนี้ หรือชุดนอนที่นางสวมใส่ทำให้นางดูมีเสน่ห์จนเขาไม่อาจละสายตา สร้างความรู้สึกประหลาดจนเกือบอึดอัดเมื่อดวงตามังกรประสานกับดวงตาหงส์แน่วนิ่ง
‘หากเจ้ากำลังเรียกร้องความสนใจจากข้ามันได้ผลอยู่บ้าง’
นิ้วแข็งกระด้างของฮ่องเต้ขยับจับเสื้อผ้าไหมนุ่มลื่นลายหงส์ หนิงซูเยว่ย่อมรู้ชะตาตัวเอง พรหมจรรย์ของนางอาจจะขาดสะบั้นในคืนนี้เป็นแน่ แต่ไม่มีทาง นางไม่ยอมปล่อยให้เกิดขึ้น เรื่องอะไรจะยอมถวายตัวให้กับผู้ชายหลายเมียอย่างฮ่องเต้หยางจื่อผู้ได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้เจ้าสำราญองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ง่ายๆ
ที่นางพยามยามอ่อยไว้เมื่อยามบ่าย ล่อหลอกให้พระองค์เสด็จมาที่ตำหนักก็แค่ต้องการให้ฮ่องเต้ลิ้มรสชาติการถูกปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างที่หนิงซูเยว่ตัวจริงเคยถูกกระทำมาก่อน ยิ่งฟังนางกำนัลประจำตำหนักเล่าก็ยิ่งเจ็บแค้นแทนคนหน้าตาเหมือนกันที่โชคชะตาพาให้ต้องสลับภพกัน
แม้เสวียอวี้เจินคือหญิงงามอันดับหนึ่งในใจของพระองค์ แต่นางย่อมไม่ใช่หนึ่งเดียวที่ฮ่องเต้จะร่วมภิรมย์
“วันนี้ข้าไม่ได้พลิกป้ายไม่มีการจุดโคมที่ตำหนักใด เพราะฉะนั้นคืนนี้คงเป็นหน้าที่ของฮองเฮาแล้ว”
“ฝ่าบาทต้องการให้หม่อมฉันถวายงานใช่ไหมเพคะ”
หนิงซูเยว่ยิ้มเย็นดวงตาหงส์เงยขึ้นมองเขาชัดๆ หยางจื่อรูปงามกว่าภาพวาดตามหนังสือประวัติศาสตร์ที่เธอเคยอ่านผ่านตา ใบหน้าคร้ามคม นัยน์ตาแสดงความมีอำนาจสูงส่ง แต่ที่ดูจะขัดดวงตาหงส์เห็นจะเป็นทรงผมที่โกนข้างหน้าออกครึ่งหนึ่งแล้วถักเปียไว้ด้านหลัง แต่ถึงกระนั้นหยางจื่อก็ยังหล่อเหลาอยู่มากจนนางอาจยอมมองข้ามเรื่องผมด้านหน้าที่หายไป แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ยอมถวายงานแน่นอน
นางโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วยิ้มหวานกระซิบข้างหูหยางจื่ออย่างอ่อนหวานแผ่วเบา
“หม่อมฉันมีรอบเดือนเพคะ” นางทูลตอบก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างเขาอย่างตั้งใจแล้วหลุบเปลือกตาดำดิ่งสู่นิทรา ทิ้งให้โอรสสวรรค์เบิกตากว้าง นอนตัวแข็งเกร็งพลางแช่งชักหักกระดูกนางอยู่ในใจ บรรดาสนมหากมีรอบเดือนจะถูกขันทีละเว้นคัดป้ายอออไป แต่คืนนี้เขาไม่ได้เลือกป้ายแต่ตรงมาที่ตำหนักเฟยเฟิง
หยางจื่อไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เมื่อมือเรียวเล็กนั้นวางสะเปสะปะมากอดก่ายเขาเอาไว้ หากเป็นสนมหลังจากถวายงานเสร็จสิ้นแล้วพวกนางจะต้องนอนอย่างเรียบร้อยห้ามแตะเนื้อต้องตัวเขาผู้เป็นโอรสสวรรค์ แต่นางผู้นอนหลับอยู่เคียงข้างเวลานี้รั้งตำแหน่งฮองเฮามีศักดิ์และสิทธิ์กระทำได้ มีแต่เขาที่ทำอะไรนางไม่ได้เลยนอกเสียจากทำได้แค่มองนางนอนหลับอย่างเป็นสุข ความปรารถนาทางกายทรมานจนปวดหนึบ
หยางจื่อไม่เคยต้องอดทนในเรื่องนี้ เขาจับมือนางที่กอดก่ายออก ตั้งใจจะไปตำหนักลู่เอินหาเสวียอวี้เจิน พระทัยที่กำลังร้อนรุ่มหงุดหงิดอันเกิดจากน้ำมือฮองเฮาก็ทำให้โอรสสวรรค์พลันยิ้มออกมาได้ ใครจะช่วยพระองค์ได้ในคืนอันอับโชคนี้ได้ดีไปกว่าเสวียอวี้เจินยอดรัก
“ฮองเฮาหลับให้สบายเถิด” พระองค์ลุกขึ้นนั่งแล้วกำลังจะก้าวลงจากแท่นบรรทมแต่มือเรียวงามพลันคว้าแขนกำยำเอาไว้ไม่ยอมให้ลงจากแท่นบรรทมโดยง่าย
“พระองค์จะเสด็จที่ไหนเพคะนี่เพิ่งจะย่างเข้ายามไฮ่(21.00-22.59)” หยางจื่อหันกลับมามองนางแล้วเริ่มหมดความอดทน
ร่างอรชรที่ลุกขึ้นมานั่งตาม ทำให้เขาต้องเมินหน้าหันกลับไปพยายามไม่สนใจสายตาออดอ้อน ถ้าหากยังอยู่ก็ต้องเลือดคั่งตายจากความอัดอั้น สู้ออกไปหาที่ระบายภายนอกไม่ดีกว่าหรือ หยางจื่อหยัดกายลุกขึ้น หนิงซูเยว่ไม่ยอม นางรีบซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังโอรสสวรรค์ แขนกลมกลึงของนางยังพัวพันมากอดเอวของเขาเอาไว้อย่างประจบเอาใจ
หยางจื่อพลันชะงัก เหตุอันใดกุลสตรีให้ห้องหออย่างฮองเฮาถึงได้ดูตั้งใจยั่วยวนแอบกวนประสาทเขาได้มากขนาดนี้หรือนางจะถูกใครทำคุณไสย์
“ฮองเฮาเจ้านอนเถอะเราจะกลับตำหนักแล้ว หรือใจคอเจ้าจะให้เรานอนมองเจ้านอนหลับทั้งคืน” หยางจื่อกล่าว อย่างเย็นชา
“ฝ่าบาทไม่ต้องนอนมองหม่อมฉันหลับหรอกเพคะ หม่อมฉันมีระดู มีความผิดที่แตะพระวรกายแถมไม่สามารถปรนนิบัติได้ ขอพระองค์โปรดลงโทษด้วย”
“เจ้าจะมีความผิดได้ยังไง เป็นเรื่องสุดวิสัย เราไม่ถือสา เรายกให้เจ้าเป็นข้อยกเว้น” หยางจื่อบอกเร็วๆ ก็เตรียมจะผละออก เพราะเนื้อกายอุ่นๆ ของหนิงซูเยว่กำลังทำให้ความต้องการเขาเดือดเป็นไฟ
หนิงซูเยว่ยิ้มเย็นขณะที่หยางจื่อขมวดคิ้วมอง “ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทอย่าเพิ่งไปนะเพคะ หม่อมฉันอยากให้พระองค์อยู่กับหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันจะทำให้พระองค์หลับสนิทเองเพคะ”
“อะไรหรือ” หยางจื่อเลิกคิ้ว อยากรู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีกก็ไหนนางบอกเขาว่านางมีรอบเดือน นางจะชวนเขาทำอะไรได้อีกเล่า
ตำหนักลู่เอิน เสวียอวี้เจินนางผู้เป็นเจ้าของตำหนักกำลังนั่งหน้าเครียด แม้นางกำนัลคนสนิทเร่งพัดในมือโบกไปมาอยู่ไม่ได้ขาดแต่ไม่อาจระงับความร้อนรุ่มในใจของนางลงได้ เมื่อค่ำนางได้ยินมาว่าฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักเฟยเฟิงและยังไม่ได้เสด็จกลับออกมาซึ่งอันที่จริงฝ่าบาทไม่ควรเสด็จไป เพราะโอรสสวรรค์ไม่เคยเยี่ยมกรายไปตำหนักฮองเฮาเป็นเวลานานแล้ว แม้กระทั่งคืนแต่งงานฝ่าบาทก็ยังเดินออกจากห้องหอมาค้างที่ตำหนักลู่เอินของนางจนเป็นที่โจษจันไปทั้งวังหลังแต่ใครจะทำอะไรนางได้ในเมื่อฮ่องเต้เสด็จมาเองเพราะไม่อยากร่วมหอกับฮองเฮา
ที่ผ่านมาเสวียอวี้เจินคิดว่ามีอำนาจเหนือฮองเฮาจืดชืดอยู่เรื่อยมา นางจะเดินไปขวา ฮองเฮายังต้องหลบไปซ้าย นางจะไปทางซ้ายฮองเฮายังต้องตามใจหลบเลี่ยงให้นางเพราะทั้งวังหลังรู้ดีว่านางเท่านั้นคือผู้กุมหัวใจโอรสสวรรค์ แต่มาวันนี้ความคิดนี้กำลังสั่นคลอนเพราะฮ่องเต้จู่ๆ ก็หวนคิดถึงตำหนักเฟยเฟิงขึ้นมา แม้ที่ผ่านมาพระองค์จะมีสนมทรงโปรดนางอื่นอยู่บ้างนั่นก็เพราะต้องรับมาตามประเพณีแต่ก็ไม่โปรดปรานใครเกินกว่านาง
แต่ในเวลานี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปตั้งแต่ฮองเฮาที่ดูงดงามเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ดวงตาหงส์ที่ชอบตวัดมองนางด้วยหางตานั้นทำให้บางครั้งนางรู้สึกหนาวสะท้าน และยังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ฮองเฮาลุกขึ้นมาปรับปรุงเครื่องแต่งกายจนเวลานี้งดงามโดดเด่นจนเป็นที่อิจฉาของเหล่าสนมชายาและเรื่องความเปลี่ยนแปลงของฮองเฮากลายเป็นเรื่องที่เหล่าสนมจับกลุ่มคุยแอบวิพากษ์วิจารณ์กันได้ทุกวัน
“ซู่หม่าลาเจ้าหยุดพัดได้แล้ว น่ารำคาญเสียจริง เจ้าบอกเรามาสิว่าเวลานี้ถ้าหากฮ่องเต้ยังไม่กลับออกมาจากตำหนักเฟยเฟิงพระองค์กำลังทำอะไรอยู่ในตำหนักฮองเฮา”
นางกำนัลผู้รับใช้ใกล้ชิดมานานหน้าเจื่อนไม่กล้าเอ่ยปาก หญิงชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่ลับตาจะทำอะไรได้ อีกทั้งฮองเฮาก็งดงามเป็นหนึ่งไม่ได้แพ้นายของตัวเองเลยสักนิด เพียงแต่ทั้งสองงามไปคนละแบบ
“ข้าถาม รีบตอบมาเร็วเข้า”
นางกำนัลนามว่าซู่หม่าลาสะดุ้งก่อนจะตอบเสียงเครือ “ฝ่าบาทคงกำลัง...”