“ก็ตามใจเจ้า ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลวังหลังอยู่แล้วเราไม่คิดก้าวก่าย”
หนิงซูเยว่หายไปไม่ถึงหนึ่งเค่อก็เดินกลับมาอยู่หน้าพระพักต์ฮ่องเต้ที่กำลังเสวยชากุหลาบรสละมุน เพียงเงยหน้าขึ้นมาพลันถึงกับชะงักเพราะภาพฮองเฮาในชุดนอนวาบหวามรัดรึงไปทุกสัดส่วนเดินนวยนาดออกมา หยางจื่อสำลักชาที่เสวยไปแล้ว ดวงตามังกรมองจ้องนางอย่างเปิดเผย แทบไม่น่าเชื่อว่าชุดนอนแหว่งหน้าเว้าหลังดูขาดๆ เกินๆ ของนางเมื่อครู่ทว่าพอสวมลงบนเรือนร่างแล้วจะทำให้นางดูอรชรยั่วยวนชวนให้เกิดความรู้สึกร้อนรุ่มในกายได้มากขนาดนี้
แต่มีหรือมังกรที่อยู่เหนือหงส์จะดูไม่รู้ ฮองเฮาคงจะเสียหน้ามากที่ในอดีตเขาไม่เคยมาหานางเลย ฮองเฮาคงอยากจะกู้หน้า จึงหาทุกวิธีเรียกร้องความสนใจจากพระสวามี เห็นทีต้องแกล้งตามน้ำกับนางเสียหน่อย ภาพจับ กด บด ขยี้ พร่างพราวขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มแฝงด้วยเลศนัย
“ฮองเฮาออกแบบชุดได้สวย เมื่อใส่กับเรือนร่างแล้วดูงดงามแปลกตายิ่งนัก” หยางจื่อชมสั้นๆ แล้วหยิบถ้วยชาขึ้นจิบ ดวงตามังกรจ้องมองเรือนกายภายใต้ชุดนอนนั้นผ่านขอบชาโดยไม่ให้นางสังเกตเห็น
“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” นางตอบรับแย้มยิ้มเอียงอายอย่างมีจริต “นอกจากหม่อมฉันจะออกแบบชุดนอนให้ตัวเองแล้ว หม่อมฉันยังออกแบบไว้ให้ฝ่าบาทอีกด้วย”
“ออกแบบให้เราด้วยอย่างนั้นเหรอ เจ้ามีน้ำใจยิ่งนัก” เขาวางถ้วยชาลงถาม
“ทรงชมเกินไปแล้ว หม่อมฉันเห็นว่าช่วงฤดูร้อนอากาศอบอ้าวยิ่งนัก ถ้าฝ่าบาทได้สวมใส่ชุดนอนบางเบาบ้างจะทำให้บรรทมง่ายขึ้น พระพลานามัยจะได้แข็งแรงจากการนอนเต็มตื่น หม่อมฉันจะไปหยิบมาให้ชมนะเพคะ”
หยางจื่อมองตามเรือนร่างเย้ายวนที่สวมชุดนอนบางเบาออกไปไม่วางตา พอนางเดินกลับมาเขาก็ชักสายตากลับแสร้งหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอีกหนึ่งอึก หนิงซูเยว่ไม่ทันจะได้แสดงผลงานการออกแบบด้วยการคลี่ชุดให้โอรสสวรรค์ได้ทอดพระเนตร หยางจื่อก็ทำสิ่งที่นางคิดไม่ถึง
“อุ๊ย ฝ่าบาท”
โอรสสวรรค์ดึงร่างอรชรที่สวมชุดยั่วยวนเข้ามาสวมกอด “นั่งลงตรงนี้ก็ได้ เรากับเจ้าไม่เคยได้ใกล้ชิดกันนานเท่าไหร่แล้ว”
“ฝ่าบาทไม่อยากดูชุดนอนก่อนหรือเพคะ”
“ชุดนอนนั่นดูเมื่อไรก็ได้แต่ตอนนี้เราอยากคุยกับเจ้า” หยางจื่อคลอเคลียชิดใบหูดึงนางมานั่งบนตัก หนิงซูเยว่ก็ได้รับเบี้ยหวัดมิได้ขาด เพราะฉะนั้นนางควรทำงานให้สมกับเบี้ยหวัดพระราชทานจำนวนมาก
หนิงซูเยว่สะดุ้งแล้วทำท่าจะผละออกจากตัก หยางจื่อติดบ่วงหงส์เร็วเกินไปหรือเปล่าเธอยังไม่ทันได้สนุกเขาก็คิดจะรุกคืบเสียแล้ว ไหนนางกำนัลบอกว่าหนิงซูเยว่ถูกชังน้ำหน้าหนักหนาแม้แต่วันเข้าหอฮ่องเต้ก็ไม่ยอมเปิดผ้าคลุมหน้าไม่ยอมนอนร่วมหอกับนางแล้วยังฉีกหน้าด้วยการไปค้างที่ตำหนักลู่เอินของเสวียอวี้เจินอีก แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น
อ้อมกอดโอรสสวรรค์รัดรึงเอวคอดกิ่วไม่ยอมปล่อย “ฮองเฮาทำไมถึงได้ดูตื่นกลัวเรานักก็เจ้าเองไม่ใช่หรือเป็นผู้เชื้อเชิญให้เรามาที่ตำหนักเพื่อดูชุดนอนที่เจ้าออกแบบตัดเย็บ”
ปากก็บอกว่าจะมาดูชุดนอนแต่เวลานี้ดวงตามังกรกำลังมองอย่างอื่น สายตาคู่นั้นกำลังแผดเผาหนิงซูเยว่ แต่มีหรือนางจะยอมพ่ายแพ้ต่อกลชาย หยางจื่อคนนี้ฉลาดนักคงมองแผนการอ่อยระดับพื้นฐานของนางออก
“ฝ่าบาทต้องออกว่าราชการมาทั้งวัน จะให้หม่อมฉันนั่งทับพระองค์แบบนี้จะดีหรือ ยิ่งทำให้พระวรกายเมื่อยล้า”
นางหาเรื่องลงจากตักหยางจื่อจนได้แล้วไปนั่งฝั่งตรงกันข้าม
“คืนนี้นอกจากเราจะมาดูชุดนอนที่เจ้าออกแบบ เรามีเรื่องอื่นจะคุยกับเจ้า”
“ฝ่าบาทมีเรื่องอะไรจะคุยกับหม่อมฉันหรือเพคะ” นางว่าพลางแย้มยิ้มไปด้วย
“การถวายพระพรฮองเฮาในยามเช้าเป็นเรี่องที่ดีงามและปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย แต่การที่ฮองเฮาให้สนมชายามาเข้าเฝ้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นด้วยเหตุผลว่าเพื่อเสริมดวงชะตาให้แก่ราชวงศ์นั้นเราเห็นว่า...”
หยางจื่อกำลังจะพูดต่อก็ต้องหยุดโดยพลันเมื่อฮองเฮายกมือปิดปากแล้วหาวราวกับว่านางจะหลับเสียให้ได้ ดวงตาหงส์ที่เมื่อครูยังสุกใส เวลานี้เปลือกตากำลังปิดลงหรือว่าอำพรางบางอย่างไว้
‘เจ้าแกล้งหลับ ร้ายนักหนิงซูเยว่’
“หม่อมฉันเสียมารยาทต่อหน้าฝ่าบาท ขอประทานอภัยด้วยเพคะ เมื่อครู่ฝ่าบาทตรัสว่าอะไรนะเพคะ”
หยางจื่อรู้ทันนั่นคือการหลบเลี่ยงประเด็นแต่ก่อนแต่ไรนางหัวอ่อนว่าง่ายก้มหน้าแล้วกล่าวคำว่า ‘เพคะ’ นี่ปีศาจตนใดมาสิงสู่ร่างฮองเฮาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หยางจื่อโมโหจนหน้าแดงกับอาการเสแสร้งของคนงามตรงหน้า แต่นางไม่ใช่สนมที่จะปลดลงได้อย่างใจต้องการนางเป็นถึงฮองเฮาซึ่งมีบิดาเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินนามว่า ‘กู้ม่านเอ่อจิน’
“ถ้าเจ้าง่วงก็ไปนอน เราจะกลับตำหนักแล้ว” หยางจื่อลุกพรวด พระพักต์บึ้งตึง
หนิงซูเยว่ไม่ยอมพลาดโอกาสงามๆ นี้ไปแน่นอน อุตสาห์อ่อยให้ฮ่องเต่เสด็จมาถ้าปล่อยออกตำหนักไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่นาง
“เดี๋ยวเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันง่วงจึงเสียมารยาท เพราะวันนี้ต้องจัดระเบียบฝ่ายในใหม่ทั้งหมดมีเรื่องให้คิดมากมายรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปหมดจนเผลอหลับกลางอากาศต่อหน้าฝ่าบาท ช่างน่าอายนัก ขอฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเลยนะเพคะ”
หยางจื่อหยุดเดินเขาเองได้ยินเรื่องนี้จากขันทีว่านางลุกขึ้นมาจัดระเบียบฝ่ายในใหม่ทั้งหมด
“ฮองเฮามีงานมากมาย การดูแลวังหลังให้เรียบร้อยไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะตำหนิเจ้าได้อย่างไร ฮองเฮาไปพักผ่อนเถอะ” ร่างอรชรอ้อนแอ้นซวนเซมาใกล้หยางจื่อจวนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่จนหยางจื่อต้องประคองนางไว้ “ฮองเฮาเป็นอะไรไปหรือ เราจะให้คนไปตามหมอหลวง”
“หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเพคะ แค่วิงเวียนคงจะเหนื่อยมากไปหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นให้นางกำนัลไปตามหมอหลวงมา”
หนิงซูเยว่รีบสั่นศีรษะ “ไม่ต้องถึงมือหมอหลวงหรอกเพคะ แค่มือของฝ่าบาทก็ทำให้หม่อมฉันหายจากอาการนี้ได้แล้ว”
“มือของเราอย่างนั้นหรือ มือของเราจะช่วยฮองเฮาได้อย่างไร” หยางจื่อถามอย่างสงสัย
หนิงซูเยว่ยิ้มหวาน “มือของฝ่าบาทน้ำหนักดียิ่งกว่านางกำนัลคนไหนในตำหนักของหม่อมฉัน ฝ่าบาทนวดให้หม่อมฉันหน่อยนะเพคะ”
หยางจื่อจ้องนางเขม็ง เขาโมโหนางนักที่กล้าใช้เขา เห็นแก่ที่เคยทำไม่ดีกับนางเอาไว้เขาจะชดเชยให้นางบ้างคงไม่เป็นไร เขายกมือขึ้นนวดขมับให้นาง แล้วเสียงหวานก็ครางแผ่วเบาออกมา ราวกับเป็นสุขนัก
หยางจื่อนวดขมับให้นางไปก็โมโหตัวเองนัก เขาเป็นถึงฮ่องเต้เหตุใดต้องทำเรื่องเช่นนี้ด้วย มือที่เคยชี้สั่งการ เคยจับดาบฟาดฟันต้องมานวดเฟ้นเค้นคลึงขมับให้นางราวกับขันทีรับใช้ อันที่จริงสมควรย้ายมือมาที่ลำคอระหงส์แล้วบีบคอนางให้ตายถึงจะถูก
หนิงซูเยว่รู้สึกผ่อนคลายสบายขึ้นมากเมื่อมือหนาน้ำหนักกำลังดีกำลังบีบนวดให้ นางลอบมองเขาแม้สีพระพักต์จะบึ้งตึงราวกับจะขึ้งโกรธแต่เขาก็ยังตั้งใจทำให้นาง หนิงซูเยว่อมยิ้มพร้อมกับหลับตาพริ้ม
หยางจื่อเห็นว่านานพอแล้วเขาจึงหยุดมือพร้อมเสียงถอนหายใจอย่างรำคาญ
“ฝ่าบาทเพคะ นวดต่ออีกสักนิดเถิดเพคะ น้ำหนักมือฝ่าบาทดียิ่งนัก หม่อมฉันกำลังรู้สึกสบายเลยเพคะ”
“หนิงซูเยว่!” หยางจื่อคำรามในลำคอ นี่เขาถูกลดยศกลายเป็นขันทีในตำหนักนางหรืออย่างไร
“หม่อมฉันล้อเล่นเพคะ ไม่นวดแล้วก็ได้ แค่นี้หม่อมฉันก็ต้องขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทมากแล้วที่ทรงบีบนวดให้อย่างดี”