เขาแทบช็อคกับคำพูดธรรมดาแล้วยัยเด็กปากดีที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่แล้วขยับตัวออกห่าง เธอขยับตัวห่างเขาออกไปชิดประตูแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเหมือนเด็กทั่วไป เขากำลังจะขยับตัวเข้าใกล้ แต่ว่ายัยเด็กแสบก็ยกขาขึ้นมาแล้วแล้ววางเท้าถีบต้นขาของเขาเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ สุดท้ายเลยต้องจับเท้าเธอยกขึ้นวางที่ตักและถอดรองเท้าส้นสูงทิ้งออกไป
อายุยี่สิบแปดด่าว่าเขาเฒ่าหัวงู
ถ้าอายุสามสิบเขาไม่ต้องเตรียมลงโลงเลยรึไง!
เขาบีบข้อเท้าเล็กเบาๆแล้วพยายามจะชวนคุยแต่ว่าเธอตอบส่งๆ ตอบแบบบ่ายเบี่ยงกันตลอด จนกระทั่งผ่านไปไม่นานก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ที่เขาอยู่คนเดียวมานานมากนับตั้งแต่สูญเสียครอบครัวไปตลอดการ เขาถูกส่งไปอยู่เมืองนอกทันทีโดยคนสนิทที่เป็นเหมือนพี่ชายเพราะคอยดูแลเขาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้
“ถึงบ้านเราแล้ว”
“แปลกนะ”
“แปลกอะไร?”
“คุณวาดิมอยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าจะอยู่บ้านต้นไม้เล็กๆของฉันได้นานนับเดือนขนาดนั้น ช่วงนั้นคุณคงฝืนตัวเองมากเลยใช่ไหมคะ?”
“ลืมไปรึเปล่าว่าฉันความจำเสื่อม”
“จริงด้วย!”
“เข้าบ้านได้แล้ว คืนนี้เราต้องคุยกันอีกยาว”
วีได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้วถึงได้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยมากในทุกอย่างเลย เริ่มตั้งแต่เด็กคนนี้เป็นใครทำไมคุณวาดิมต้องยอมขนาดล้มเลิกแผนที่วางไว้เพื่อล่ออดีตคู่หมั้นติดกับจะได้เค้นคอหาตัวบงการ ข้อสองคือทั้งคู่ไปรู้จักกันตอนไหน เขาไม่ได้ยินคุณวาดิมเรียกชื่อเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ ข้อที่สามคือเด็กคนนี้ช่วยชีวิตคุณวาดิมได้ยังไง และข้อสุดท้ายคือคุณวาดิมไปอยู่บ้านต้นไม้ตอนไหนทำไมไม่มีใครรู้เรื่องเลย
เด็กคนนี้เป็นอะไรกับคุณวาดิมกันแน่
ความลับนี้จะโอกาสได้รู้ไหม
วาดิมโอบไหล่เด็กตัวเล็กลงจากรถแต่เหมือนเธอจะไม่ยอมง่ายๆเลยต้องบังคับด้วยการอุ้มเดินขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองทันที คืนนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกันได้แล้วว่าความจริงคืออะไรกันแน่ เมื่อเดินมาถึงห้องนอนก็รีบกดล็อกประตูทันที แล้ววางเด็กแสบลงบนเตียงอย่างเบามือที่สุด
“นี่ห้องนอนของฉัน คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่”
“นอนกับคุณวาดิมเหรอคะ!?”
“ทำอย่างกับไม่เคย!”
“ก็มันผ่านไปตั้ง…สามปีแล้ว”
“คิดนานจังเลยนะ”
“ว่าแต่คุณวาดิมเป็นใครกันแน่คะ ทำไมถึงไปโผลที่งานแบบนั้นได้ล่ะ แล้วก็มีลูกน้องเต็มไปหมดเลยด้วย คุณเป็นคนอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอคะ หรือว่าแค่มีเอาไว้เฉยๆ”
“ถ้ามีไว้เฉยๆฉันจะจ้างเดือนละหลายล้านทำไมเล่า!”
“เอ้า! ก็เมื่อสามปีก่อนที่คุณอยู่กับฉันไม่เห็นมีใครตามหาตัวคุณวาดิมเลยนะ”
เขาถอดสูทออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเล็กน้อยไม่ให้อึดอัดมากเกินไป จากนั้นถึงได้เดินมานั่งลงบนเตียงแล้วจับมือเล็กที่สะบัดออกด้วยความรวดเร็วมาก เธอมองเขาเหมือนตัวประหลาดและพยายามจะขยับตัวหนีให้ได้ สุดท้ายเลยต้องยอมตามใจเพราะยังไงคืนนี้เราจะต้องนอนด้วยกัน
“ไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนไหม?”
“ฉันจะกลับโรงเเรม”
“อย่าดื้อสิ!”
“ไม่ได้ดื้อ!! คุณน่ะลักพาตัวฉันมานะ!”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้เธอจะมากับฉันไหมล่ะ!?”
“ใครจะมากับเ*******ูแบบคุณห่ะ!?”
“คำก็แก่ สองคำก็เฒ่าหัวงู ไม่กลัวว่าจะได้เป็นเมียคนที่เธอด่าว่ามั้งเหรอ!”
“กลัวทำไม!?”
“ก็…”
“ฉันจะหาทางหนีออกจากสถานกักกันของที่นี่ให้ได้”
“สถานกักกันเลยเหรอ! บ้านฉันไม่ใช่คุกนะ!”
“คนเฝ้าเยอะขนาดนี้จะไม่ใช่ได้ยังไงเล่า”
“พูดไปเรื่อย! จะไปอาบน้ำเองหรือให้ฉันอาบให้?”
“ชุดล่ะ?”
“อยู่ในตู้น่ะ เลือกเอาแล้วกันว่าชอบชุดไหน”
“ถ้าแฟนคุณมาหาแล้วเจอฉันล่ะ ฉันจะต้องกลายเป็นชู้ชาวบ้านไหมคะเนี่ย!?”
“ฉันไม่มีแฟน ไม่มีเมีย ไม่มีอะไรทั้งนั้น ฉันมีแค่อดีตคู่หมั้นที่กำลังหาทางลากมาเค้นคออยู่ เธอไม่ได้เป็นชู้ของใครทั้งนั้นเพราะว่าเธอคือคนเดียวของฉัน”
เธอฟังเงียบๆแล้วพยักหน้าด้วยความเข้าใจในสิ่งที่เขาบอก คืนนี้ยังกลับไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าพรุ่งนี้จะหาทางหนีออกจากที่นี่ไม่ได้เสียเมื่อไร เธอจะหาทางไปที่โรงแรมเพื่อเอาของสำคัญต่างๆ หรือพ่อแม่พี่ติดต่อมาหาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงจนเกินไป เธอมาเที่ยวคนเดียวเพราะมั่นใจว่าโตมากพอจะดูแลตัวเองได้ แล้วพี่ชายก็แอบโทรมาบอกว่ามีของที่เธอน่าจะชอบในงานประมูลพร้อมกับทำบัตรเชิญปลอมๆมาให้ด้วย
คืนนี้อดได้ของเพราะคุณวาดิม
น่าเบื่อคนแก่
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ใส่เพียงเสื้อยืดกับกางเกงขายาวลากพื้นจนดูรุ่มร่าม แต่นั่นก็ไม่แปลกเพราะคุณวาดิมตัวสูงเหมือนเสาไฟฟ้าขนาดนั้นจะใส่กางกางขาสั้นคงไม่ได้หรอก เธอหยิบครีมบำรุงผิวของเขามาใช้ลวกๆ แล้วมองตัวเองในกระจกว่าเรียบร้อยถึงเดินออกมา
“เธออาบน้ำนานเกินไป”
“คุณไปอาบน้ำมาตอนไหนคะ?”
“เธอไปอาบ ฉันก็ไปอาบ มันก็แค่นั้นเอง”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงแรมนะ ถ้าคุณไม่ยอมปล่อยฉันก็จะหาทางหนีออกจากที่นี่ให้ได้”
“เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“บ้านฉันเข้าออกยากกว่านี้ยังหนีออกมาได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับที่นี่ล่ะ!”
ยิ่งได้คุยก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมว่าเธอเป็นใครกันแน่ เด็กดื้อเถียงเก่ง พูดเก่ง แถมคุยไปเรื่อยจนน่าสงสัย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือชุดของเขามันใหญ่เกินไปจริงๆสำหรับเด็กตัวแค่นี้ เธอล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มาเล่น เขาล้มตัวลงนอนและเว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อให้ไม่อึดอัดจนเกินไป
“ทำไมต้องหนีออกจากบ้านด้วยล่ะ?” เขาถามด้วยความสงสัยมาก
“ก็พ่อแม่บอกว่าถ้าหนีออกจากไปบ้านได้เมื่อไรแปลว่าสามารถอยู่ข้างนอกได้อย่างปลอดภัยค่ะ บ้านฉันมีกับดักเยอะมาก พ่อเลี้ยงเหยี่ยวไว้สอดส่องตลอดเวลา แถมฝึกหมาตั้งสิบกว่าตัวให้เฝ้าบ้านด้วย ส่วนแม่เลี้ยงเสือค่ะ การจะหนีออกมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายซะหน่อย”
“พ่อแม่ทำอาชีพอะไรเหรอ?”
“ความลับค่ะ แต่ฉันว่างงานนะ ฉันเป็นน้องคนสุดท้ายเลยไม่ต้องสืบทอดอะไรมากเหมือนพี่ชาย”
“ถ้างั้นจะอยู่ที่ไหนก็ได้ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ ฉันมาเที่ยวที่นี่ได้เดือนหนึ่งแล้ว”
“พรหมลิขิตนะที่เราเจอกัน”
“ไม่ใช่พรหมลิขิตหรอก มันคือเวรกรรมค่ะ!”
เด็กปากดีเถียงเก่งจนน่าจูบให้สิ้นฤทธิ์เดชแต่ต้องใจเย็นเอาไว้ก่อน เขาต้องประเมินความสามารถที่ดูด้วยตาเปล่าเหมือนไม่มีพิษภัยให้ออกว่าต้องมีอะไรมากกว่านี้หลายเท่าแน่ เรื่องที่เธอเล่าให้ฟังก็น่าสนใจมากและอาจจะเป็นความจริงที่จะช่วยคลายความสงสัย ถ้าพ่อแม่ของเธอเก่งมากขนาดนั้นแสดงว่าอุบัติเหตุไฟไหม้เมื่อสามปีก่อนต้องเกิดแบบมีจุดประสงค์อื่นที่มากกว่าเงินประกันอัคคีภัยแน่นอน แล้วญาติห่างๆคนนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ชิดของครอบครัวเธอด้วย
ยินดีต้อนรับนกน้อยกลับเข้าสู่กรงทอง
กรงขังนี้ล้อมไปด้วยรัก
“ฝันดีนะคุณวาดิม”
“พรุ่งนี้ฉันจะพาไปโรงแรมที่เธออยู่เอง ไปเก็บของทั้งหมดย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่”
“ห่ะ!? บ้านึเปล่าเนี่ย! ฉันหนีออกจากบ้านเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอิสระไม่ได้จะมาอยู่กับผู้ชายสักหน่อย”
“เธออยากทำอะไร อยากไปที่ไหนก็บอก ฉันทำให้ได้”
“งั้น…ทำให้คุณเลิกยุ่งกับฉัน”
“พูดอะไรนะไม่ได้ยินเลย เมื่อกี้หูดับกะทันหัน”
เธอกลอกตามองบนแล้วนอนหลังหลังให้ด้วยความรำคาญหน่อยๆ คุณวาดิมเอาแต่ถามไม่หยุดไม่รู้ว่าจะอยากรู้เรื่องคนอื่นอะไรนักหนา เราไม่ได้เจอกันนานมากแต่ก็แปลกที่เธอยังจำเขาได้อยู่เลย ยังจำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา หรือมันอาจจะเป็นเพราะว่าในตอนนั้นเราสนิทกันมาก จนกระทั่งวันนั้นที่เธอตั้งใจว่าจะบอกลาเขาเพราะพ่อแม่จะย้ายที่อยู่แบบไม่ให้ใครจับได้ แต่เห็นเขากระหนำใช้มีดจ้วงแทงคนจนเลือดสาดกระเซ็นเปื้อนไปหมดทั้งตัว เขามองเธอเห็นแล้วรีบทิ้งมีดลงและวิ่งเจ้ามาหาแต่เธอวิ่งหนีไป
เธอไม่ได้บอกลาเขาในวันนั้น
วันนี้เขาเลยตามเป็นเจ้ากรรมนายเวร