วันวิสาจ้องมองสีหน้ากับท่าทางของอีกฝ่ายเล็กน้อย ครั้นเขาไม่มีท่าทีจะคุกคามเธอเหมือนคืนนั้นจึงได้แต่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขานิ่งๆ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พูดคุย ทำความเข้าใจ และตกลงกันให้จบๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องอะไรวุ่นวายใจอีก
“เท่าไร?” จู่ๆ พ่อเลี้ยงเมธก็เอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีดำเข้มจ้องมองเรือนร่างของคนตรงหน้าอย่างสำรวจ ราวกับจะประเมินความเสียหายที่เขาเคยทำบนร่างกายของเธอในทุกๆ ส่วนสัด
“อะไรคะ?”
เมื่อหญิงสาวทำหน้าคล้ายไม่เข้าใจ เมธัสก็เอ่ยตรงๆ “ก็ค่าตัว ไม่สิ มันมีเลือดอยู่บนที่นอนฉัน นั่นก็แปลว่าเธอคงบริสุทธิ์อยู่ ลองบอกมาสิ ว่าเธอต้องการค่าเยื่อบางๆ นั่นเท่าไร ฉันจะจ่ายให้”
“พ่อเลี้ยง...” วันวิสามองเขาด้วยตาแดงก่ำ เธอไม่คิดจริงๆ ว่าพ่อเลี้ยงเมธที่ทุกคนในปางไม้ต่างรักต่างเทิดทูนจะเป็นผู้ชายหยาบคายเช่นนี้ ไม่กี่วินาทีจึงเชิดหน้าขึ้นแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง “ถ้าจะพูดเรื่องนี้ก็ไม่ต้องหรอกค่ะ เทียนไม่ต้องการค่าเลือดพรหมจรรย์หรืออะไรจากพ่อเลี้ยงทั้งสิ้น ที่เทียนมา เทียนแค่ต้องการบอกให้พ่อเลี้ยงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้หมด เทียนกับพ่อเลี้ยงไม่เคยมีอะไรกันและต่อไปนี้จะเป็นแค่ผู้มีบุญคุณคุ้มหัวในฐานะเจ้าของปางไม้กับผู้อาศัยเท่านั้น ไม่ได้มีสัมพันธ์พิเศษอื่นใดทั้งสิ้น”
“ว่ายังไงนะ”
“เทียนไม่ต้องการอะไร เพราะว่าเทียนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉะนั้น! พ่อเลี้ยงไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะรู้หรอกค่ะ เพราะเทียนจะไม่เปิดปากบอกใครเด็ดขาด และหวังว่าพ่อเลี้ยงก็จะปิดปากเงียบเช่นกัน”
“พรหมจรรย์นั่น ไม่ได้มีความหมายกับเธอเลยอย่างนั้นหรือ”
วันวิสาเม้มปากเล็กน้อย ทำไมมันจะไม่มีความหมายเล่า แต่เมื่อเสียไปแล้วจะให้เธอมาร้องไห้คร่ำครวญขอให้เขาเชื่อมต่อให้กลับไปเหมือนเดิมมันทำได้เสียที่ไหนกัน สิ่งที่เธอทำได้คงมีเพียงแค่ทำใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
หญิงสาวค่อยๆ เชิดหน้าขึ้นแล้วสบตากับพ่อเลี้ยงเมธอย่างไม่หวั่นเกรง “ช่างมันเถอะค่ะ เสียไปแล้วก็เสียไป”
“เธอนี่...เป็นผู้หญิงแปลกจริงๆ นึกว่าจะอ่อนแออย่างที่คนอื่นๆ พูดเสียอีก”
“เทียนไม่สนคำพูดของคนอื่นหรอกค่ะ และเทียนก็ไม่สนใจด้วยว่าตัวเองจะสูญเสียอะไรไปบ้าง ขอแค่ยายอบยังอยู่ดีสุขสบาย ตัวเทียนไม่ตายเท่านั้นก็พอแล้ว” ว่าจบก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เทียนขอตัวนะคะ” จบคำก็เดินตรงไปยังประตูบ้าน กำลังจะปลดล็อกกลอนได้อยู่แล้วเชียว หากแต่เสียงทุ้มห้าวจากเจ้าของปางไม้ดังขึ้นเสียก่อน
“ในเมื่อเธอไม่ต้องการค่าตอบแทนก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับฉัน...ฉันคิดว่าเธอควรจ่ายค่าตัวให้ฉันนะ”
“อะไรนะคะ” วันวิสาหันมามองเขาตาโตอย่างคาดไม่ถึง “หมายความว่ายังไง เทียนต่างหากที่เสียหาย พ่อเลี้ยงมีแต่ได้กับได้ ไม่ใช่หรือไง ได้ทั้งตัวเทียน แถมยังได้ฟรีๆ โดยไม่ต้องจ่ายอะไรด้วย”
“ก็เธอไม่เอาเอง” เมธัสไหวไหล่เบาๆ “ในเมื่อเธอไม่ต้องการ ฉันก็ขอเรียกร้องค่าตอบแทนบ้าง ดูเหมือนค่ำคืนนั้นฉันจะออกแรงปรนเปรอเธอไปไม่น้อยเหมือนกัน ไหนๆ เธอก็อายุแค่นี้ แถมไม่มีแฟน ส่วนฉันก็กลับมาโสดแล้ว เราสองคนก็มาเล่นสนุกๆ กันแก้เบื่อหน่อยเป็นไร บอกตามตรงนะ ว่าคืนนั้นฉันจำไม่ค่อยได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคนบ้าง เราน่าจะมาทบทวนกันหน่อย”
“พ่อเลี้ยง!” เธอเรียกเขาด้วยเสียงลอดไรฟัน
“ทำไมถึง...เป็นคนแบบนี้ไปได้ล่ะ”
“ถือว่าตอบแทนฉันไง แฟร์ๆ คืนนั้นเธอได้ฉัน แล้วคืนนี้ฉันได้เธอ หลังจากนั้นก็แยกย้าย ต่างคนต่างไป”
โอ้! นี่มันตรรกะหรือทฤษฎีอะไรกัน ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะครั้งนั้นหรือว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีก ก็ล้วนเป็นเธอที่เสียหายไม่ใช่หรือ ทำไมพ่อเลี้ยงเมธถึงได้คิดอะไรที่คนอย่างเธอคาดไม่ถึงไปได้นะ
“จะบ้าหรือไง” จู่ๆ ก็กล้าโพล่งใส่เขาดังลั่น “เชิญทำเรื่องบ้าๆ ไปคนเดียวเถอะ เทียนจะกลับแล้ว” เมธัสรีบกระโดดจากเก้าอี้ คว้าเอาคนคิดหนีไว้แน่น
“เธอนึกว่าบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือไง อยากไปก็ไปอยากมาก็มา ถ้ายังตกลงกันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่มีวันปล่อยเธออกไปหรอกนะ”
“แล้วจะให้เทียนทำยังไงคะ”
“ถ้าเธอไม่ยอมรับการเป็นผู้เสียหายแล้วเรียกร้องค่าตอบแทนจากฉัน...ฉันก็จะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้เสียหายส่วนเธอก็เป็นผู้กระทำชำเราฉันไง”
ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างโจ่งแจ้งแล้ว จึงได้สะบัดแขนออกจากการกอบกุมของเขา “สรุปว่า พ่อเลี้ยงต้องการให้ฉันรับค่าตัว”
“ใช่! อยากได้เท่าไร ฉันจะจ่าย”
“แน่ใจนะคะ”
“แน่นอน...”
เป็นครั้งแรกที่ดวงตากลมโตของวันวิสาฉายแววร้ายกาจออกมา มุมปากเล็กๆ นั้นกดลงเผยรอยยิ้มบางๆ แล้วจ้องมองใบหน้าคมคายของพ่อเลี้ยงที่มีหนวดเคราขึ้นจางๆ อย่างผู้มีชัยเหนือกว่า “เงินสิบล้านบาท”
“ตกลง”
“กับหัวใจและความรักของพ่อเลี้ยง”
“อะไรนะ!”
“ให้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
หญิงสาวยิ้มเย้ยเขาแล้วเปิดประตูเดินออกไป
“ถ้าให้ไม่ได้ เรื่องของเราก็จบแค่นี้ คิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังว่าเทียนคงไม่ต้องเผชิญหน้ากับพ่อเลี้ยงในฐานะและสถานการณ์เหมือนเมื่อครู่นี้อีก” กล่าวแค่นั้นก็เดินเร่งฝีเท้าลงบันไดไป แต่เธอยังไม่ทันได้เหยียบพื้นดินด้วยซ้ำกลับถูกเขาคว้าเอาข้อมือเล็กแล้วฉุดรั้งขึ้นไปอยู่บนบันไดขั้นเดียวกัน
ดวงตาของเขาที่กำลังสบประสานกับเธอทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวเสียแทบกระเด็นออกมา
“ตกลง...ถ้าเธออยากได้ ฉันจะยกให้”
ไม่เคยคาดคิดมาก่อนและตลอดทั้งชีวิตนี้ เธอขอแค่เพียงเฝ้ามองเขาอยู่เงียบๆ ถวายหัวใจรักและภักดีให้เขาโดยไม่ต้องการสิ่งใดๆ ตอบแทน แล้วนี่เกิดวิปริตฟ้าแปรปรวนใช่หรือไม่ จู่ๆ ผู้ชายที่เธอแอบรักแอบเทิดทูนมาหลายปี ถึงได้ประเคนทั้งร่างกาย หัวใจและก็เงินให้ ถ้าเธอไม่ตะครุบไว้ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกไหม และถ้าเธอปฏิเสธก็คงจะเป็นอีโง่เทียนเลยกระมัง